รวบพ่อเลี้ยงจากนรก ขืนใจลูกตั้งแต่ 9 ขวบ นาน 15 ปี จนมีลูก 3 อึ้งแม่แท้ ๆ ยังไม่รู้

 
            รวบพ่อเลี้ยงจากนรก ขืนใจลูกสาวนาน 15 ปี จนท้องลูก 3 คน ขู่ฆ่าห้ามปากโป้ง สุดท้ายหลุดบอกแม่เด็กเพราะหึง เหยื่อสุดทนสภาพ ตามหาพี่ชายจนพบ ขอให้ช่วย


            สำหรับคดีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 22 กันยายน นายหนึ่ง อายุ 32 ปี ได้ร้องทุกข์ต่อมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ว่า น.ส.สอง น้องสาวต่างมารดา ถูกพ่อเลี้ยงข่มขืนตั้งแต่อายุ 9 ขวบ จนปัจจุบันน้องสาวอายุ 24 ปี มีลูกกับพ่อเลี้ยง 3 คน อายุ 10 ขวบ 7 ขวบ และ 5 ขวบ ซึ่งที่ผ่านมาน้องไม่กล้าบอกใคร เพราะพ่อเลี้ยงขู่จะฆ่า แม้แต่แม่แท้ ๆ ที่อยู่ด้วยกันก็ไม่รู้เรื่อง

            จนเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา พ่อเลี้ยงได้ไปบอกแม่ว่าทำอะไรกับ น.ส.สอง บ้าง และบอกว่าเด็กทั้ง 3 คนก็คือลูกตัวเอง เหตุเพราะพ่อเลี้ยงหึงหวงกลัว น.ส.สอง จะไปมีคนอื่น ซึ่งเมื่อแม่รู้ก็ทำใจไม่ได้ หนีออกจากบ้านทันที จนต่อมา น.ส.สอง ได้ตามหาพี่ชายจนเจอในเฟซบุ๊ก พร้อมเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่ชายฟัง แม้พี่ชายจะเคยเจอน้องแค่ครั้งเดียวตอนอายุ 5-6 เดือนเท่านั้น
 
            เมื่อ นายหนึ่ง ทราบว่าน้องสาวไม่ต้องการอยู่กับพ่อเลี้ยงอีกต่อไป ในวันที่ 22 กันยายน ตนจึงนัดแนะให้น้องสาวพาลูกทั้ง 3 คนออกมาหา ช่วงที่พ่อเลี้ยงออกไปทำงาน และรับมาอยู่ด้วยกันพร้อมติดต่อขอความช่วยเหลือจากมูลนิธิปวีณาฯ


            ด้าน น.ส.สอง เล่าว่า ตั้งแต่ตนยังเล็ก พ่อเลี้ยงกับแม่ก็พาไปร้อยพวงมาลัยขายตามที่ต่าง ๆ และอาศัยอยู่ในห้องเช่าย่านสายไหม กทม. จนเมื่อตนอายุ 9 ขวบ ก็ถูกพ่อเลี้ยงขืนใจขณะที่แม่ออกไปขายพวงมาลัย โดยพ่อเลี้ยงขู่ห้ามบอกใคร มิเช่นนั้นจะฆ่าให้ตาย ตนกลัวมากจนไม่รู้จะทำยังไง และยังคงถูกพ่อเลี้ยงกระทำเรื่อยมา

            จนตนทั้งท้องขณะเรียนอยู่ชั้น ม.1 ทำให้ต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน และพ่อเลี้ยงไม่ให้เรียนหนังสืออีก และไม่ให้บอกว่าพ่อเด็กเป็นใคร ตนต้องอ้างกับแม่ว่าถูกเพื่อนชายที่โรงเรียนขืนใจและหนีหายไป ซึ่งแม่ก็ไม่ได้เอะใจสงสัย

            ต่อมาตนตั้งท้องอีกตอนอายุ 17 ปี และ 19 ปี ซึ่งแม่ก็ไม่เคยถามอีกว่าตนท้องกับใคร เพราะเข้าใจว่าตนผิดพลาดไปมีแฟนจนท้อง ไม่อยากซ้ำเติมลูก ได้แต่บอกให้ตนก้มหน้าเลี้ยงลูกไป จนกระทั่งช่วงปี 2562 ที่โควิด 19 ระบาด พ่อเลี้ยงกับแม่พาพวกตนไปอยู่ที่ จ.กำแพงเพชร จนตนทนต่อไปไม่ไหว

            น.ส.สอง ยอมรับว่าเคยคิดจะฆ่าตัวตายหลายครั้ง อยากไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้ แต่ตนไม่รู้จักใครที่ไหน บอกใครก็ไม่ได้ กลัวว่าแม่จะรู้แล้วเสียใจ แต่พ่อเลี้ยงก็เป็นคนไปบอกแม่เอง จนแม่เสียใจหนีออกจากบ้าน ตนจำได้ว่าแม่เคยบอกว่าตนมีพี่ชายต่างแม่ จึงพยายามตามหาเฟซบุ๊กจนเจอเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้พามาร้องทุกข์ เพราะตนต้องการเอาผิดพ่อเลี้ยงให้ถึงที่สุด
 
            ทั้งนี้ นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาฯ ได้ประสาน พ.ต.อ. ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร และ น.ส.วิมลรัตน์ รัชชุกูล พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดกำแพงเพชร ก่อนให้ผู้เสียหายเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองกำแพงเพชร ซึ่งเบื้องต้นทราบว่าเหตุเกิดในพื้นที่ สน.สายไหม พนักงานสอบสวนจึงได้รับเรื่องเบื้องต้นก่อนประสาน สน.สายไหม รับเรื่องต่อ

            จากนั้นนางปวีณา ได้ประสาน พ.ต.อ. รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม พร้อมให้เจ้าหน้าที่มูลนิธิปวีณาฯ พาผู้เสียหายเข้าแจ้งความในวันที่ 26 กันยายน ซึ่งพนักงานสอบสวนมีการสอบปากคำ น.ส.สอง อย่างละเอียด พร้อมตรวจดีเอ็นเอของเด็กชายทั้ง 3 คน ไว้เป็นหลักฐาน

            ต่อมาหลังให้ น.ส.สอง พาไปชี้จุดบ้านเช่าที่เกิดเหตุ ก็มีการรวบรวมพยานหลักฐานขอศาลจังหวัดมีนบุรี ออกหมายจับพ่อเลี้ยงดังกล่าว ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราเด็กหญิงอายุไม่เกิน 13 ปีที่อยู่ในปกครอง กระทั่งมีการจับกุมได้ในที่สุด
 
            ด้าน นางปวีณา ได้กล่าวขอบคุณ พ.ต.อ. รังสรรค์ สอนสิงห์ ผกก.สน.สายไหม และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.สายไหม ที่ทำงานอย่างรวดเร็ว และขอบคุณ พ.ต.อ. ณัฐวุฒิ สมชัยมงคล ผกก.สภ.เมืองกำแพงเพชร ที่จับกุมพ่อเลี้ยงมาดำเนินคดีทันที

            ในส่วนของสภาพจิตใจ น.ส.สอง ระหว่างที่อยู่ในความดูแลของมูลนิธิปวีณาฯ ตอนนี้ดีขึ้นมาก หลังเจ้าหน้าที่จับกุมผู้กระทำผิดแล้ว น.ส.สอง กับลูกชาย 3 คน จะไปอาศัยอยู่กับพี่ชายที่ต่างจังหวัด ซึ่งทางมูลนิธิปวีณาฯ จะประสานกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ให้การช่วยเหลือต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3