คนสงสัย ชาดา ไทยเศรษฐ์ จากพรรคภภูมิใจไทย จะชูกำปั้นทำไม หลังไปสอบถามกับเด็กอายุ 14 ปีผู้ก่อเหตุ และเพิ่งออกมาจากที่เกิดเหตุ ชี้ มันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดี เป็นเหตุการณ์การสูญเสีย บางคนย้อนนึกถึงบิ๊กตู่ตอนกราดยิงโคราช
จากเหตุการณ์กราดยิงภายในห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 2566 และมีการจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ซึ่งพบว่าเป็นเด็กชายอายุเพียง 14 ปี โดยที่ไทยพีบีเอส รายงานว่า หลังจากที่มีการจับกุมตัวแล้ว พล.ต.อ. ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รมช.มหาดไทย พล.ต.ท. กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ต. นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ลงพื้นที่เดินทางถึงพื้นที่เกิดเหตุ และนายชาดา ก็ได้ร่วมกับตำรวจในการสอบปากคำผู้ก่อเหตุด้วยตัวเอง โดยในตอนนั้นผู้ก่อเหตุอยู่ในความสับสน ให้การวกไปวนมา อ้างว่าจะมีคนมาทำร้ายจนตำรวจต้องบอกว่าปลอดภัยแล้ว
ภาพจาก Thai PBS
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากสอบสวนเสร็จ นายชาดาก็เดินออกมาจากห้างสรรพสินค้า และมีภาพนายชาดาที่แสดงท่าทางชูกำปั้น ยิ้มแย้ม ซึ่งสื่อมวลชนก็สามารถจับภาพได้อย่างชัดเจน จนทำให้เกิดคำถามว่า เหตุใดนายชาดาถึงดีใจกับเหตุการณ์ที่โศกเศร้าและมีผู้เสียชีวิต เป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจที่เกิดขึ้นใจกลางเมือง ส่งผลต่อเรื่องความปลอดภัยในชีวิตของผู้คน และภาพลักษณ์ต่อการท่องเที่ยวเช่นนี้
ทั้งนี้ ชาวเน็ตที่เห็นภาพดังกล่าวต่างไม่รู้สึกสบายใจกับอาการของนายชาดา หลายคนบอกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ แต่นายชาดากลับมาชูกำปั้นยิ้มแย้มดีใจ เหตุการณ์แบบนี้ยิ้มออกได้อย่างไร ไม่รู้จักกาลเทศะเลย
ขณะเดียวกัน ก็มีคนย้อนเหตุการณ์ว่า เรื่องนี้คล้ายกับเหตุการณ์กราดยิงโคราช ซึ่ง พล.อ. ประยุทธ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจหลังเกิดเหตุขึ้น แต่เมื่อเจอคนที่มาต้อนรับมาก พล.อ. ประยุทธ์ ที่อยู่ต่อหน้าสื่อ กลับมีการชูท่ามินิฮาร์ตให้แก่ผู้สนับสนุนที่เดินทางมาในพื้นที่ จนได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่อการกระทำ และมีการเปรียบเทียบให้เห็นถึงภาวะผู้นำจากชาติต่าง ๆ ที่หลังเกิดเหตุแล้ว มักจะออกแถลงการณ์และแสดงความโศกเศร้า พร้อมกับหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำอีก