หนุ่มตรวจ DNA เจอความลับดำมืดของพ่อ เบื้องหลังเหตุที่กำพร้า เคยต้องคดีสะเทือนขวัญ แถมหนีคุกมา แต่รู้แล้วก็โกรธพ่อไม่ได้
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
การตรวจดีเอ็นเอแบบสมัยใหม่ในปัจจุบัน
ไม่เพียงแค่เปิดเผยความสัมพันธ์อันซับซ้อน หรือเปิดเผยสิ่งอื่น ๆ
ที่ไม่เคยรับรู้ก่อน
แต่ยังรวมถึงประวัติอาชญากรรมที่เป็นความลับอย่างที่ไม่คาดคิดด้วย
วันที่ 3 ตุลาคม 2566 เว็บไซต์ Insider เผยเรื่องราวชวนอึ้งจากชายชาวออสเตรเลียรายหนึ่งชื่อว่า แอนดรูว์ (นามสมมุติ) เขาได้เผยในรายการ The Gift พอดแคสต์ของ BBC เล่าว่า พ่อของเขาชื่อ จอห์น เดมอน เขาไม่รู้อะไรมากนักเกี่ยวกับภูมิหลังของพ่อ ทราบเพียงว่า พ่อเป็นเด็กกำพร้าที่เติบโตมาในสถานสงเคราะห์ ที่ชิคาโก ในสหรัฐอเมริกา ก่อนย้ายมาออสเตรเลีย เคยทำงานเป็นผู้บริหารฝ่ายขาย กระทั่งเสียชีวิตในปี 2553 ด้วยวัย 69 ปี
จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ ในปี 2565 เขาได้แรงบันดาลใจจากรายการโทรทัศน์เกี่ยวกับการตรวจดีเอ็นเอ จึงได้ดำเนินการทดสอบด้วยตัวเอง เพื่อตามหาข้อมูลที่หลงเหลือเกี่ยวกับพ่อ ก่อนที่ผลจะออกมาทำให้เขาได้ล่วงรู้ความลับสุดช็อก อดีตของพ่อเขานั้นมืดมนเกินกว่าจะจินตนาการได้
แอนดรูว์พบว่า พ่อไม่ได้ชื่อ จอห์น เดมอน แต่ชื่อจริง ๆ ของพ่อคือ วิลเลียม เลสลี อาร์โนลด์ ซึ่งเป็นเด็กกำพร้าจริง แต่สาเหตุที่กำพร้าเป็นเพราะเมื่อตอนอายุ 16 ปี เขายิงพ่อแม่ตัวเองเสียชีวิต และฝังร่างไว้ที่สนามหลังบ้าน ซึ่งเรื่องราวนี้เคยเป็นคดีดังที่มีรายงานเปิดเผยออกมาทางสื่อ
ตามรายงานของหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในสหรัฐฯ เผยว่า อาร์โนลด์เคยเป็นนักโทษตัวอย่างเป็นเวลา 8 ปี แต่ในปี 2510 เขาหนีออกจากคุก และหลบเลี่ยงการจับกุมไปได้จนตลอดชีวิตของเขา คดีของอาร์โนลด์กลายเป็นคดีค้างคาที่ไม่ได้รับการคลี่คลาย จนกระทั่งวันที่ผลตรวจดีเอ็นเอของแอนดรูว์ออกมาปรากฏว่า เขาคือบุตรชายของนักโทษหลบหนี ที่ตำรวจสหรัฐฯ ตามหามานานกว่า 50 ปี
ความจริงก็คือ หลังจากหลบหนีมา อาร์โนลด์ได้แต่งงานมีลูกกับภรรยาคนที่สอง ซึ่งก็คือแม่ของแอนดรูว์ ก่อนที่ทั้งครอบครัวจะย้ายไปลงหลักปักฐานที่ประเทศออสเตรเลีย ซึ่งก็คือที่ที่แอนดรูว์อาศัยอยู่ในขณะนี้นั่นเอง
"ผมไม่เคยคิดว่าพ่อเป็นคนรุนแรงเลย สิ่งที่ผมจะบอกคือเขาเป็นคนที่ฉลาดและเป็นกำลังสนับสนุนที่ดีมาก ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา ผมได้รู้ว่าคนคนหนึ่งสามารถเปลี่ยนแปลงได้อย่างไร และผมพยายามเข้าใจที่เหตุการณ์เหล่านั้นอาจเกิดขึ้นได้ด้วยปัจจัยหลายอย่างรวมกัน" แอนดรูว์ กล่าว
ภายหลังจากเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผย ทางเจฟฟ์ บริตตัน อดีตพนักงานสืบสวนของกรมราชทัณฑ์รัฐเนแบรสกา ซึ่งทำงานในคดีนี้ระหว่างปี 2547-2556 เผยว่า เขาคิดว่า "อาร์โนลด์ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองในระดับหนึ่งแล้ว"
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Insider