วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส. ก้าวไกล ปราจีนบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล ชี้แจงดราม่าแชตคุกคามหญิง เผยเป็นแชตเก่ากว่าปีครึ่ง เชื่อมีเป้าหมายหวังดิสเครดิส
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณีโลกออนไลน์แฉพฤติกรรม สส. ชาย แชตลักษณะคุกคามทางเพศอาสาสมัครกับพรรคชื่อดัง มีหลักฐานราว ๆ 200 หน้า ส่งให้ทางพรรคก้าวไกลแล้ว แต่เรื่องไม่คืบหน้า โดยพรรคก้าวไกลชี้แจงว่า ได้เริ่มสอบข้อเท็จจริงแล้วตั้งแต่เดือน ส.ค. หากไม่ข้อสรุปจะดำเนินการสื่อสารผลสรุปต่อสาธารณะต่อไป
อ่านข่าว : แชตหลุด สส. พรรคดัง คุกคามทางเพศสาว ส่งลิงก์คนเซ็กส์จัดให้ดู ตื๊อให้ได้แชตหนักซ้ายสุด ๆ
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 11 กันยายน 2566 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมการวินัยของพรรค ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 ถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมไม่เหมาะสมทางเพศ แชตหาทีมงานสาวว่า พรรคก้าวไกลได้รับเรื่องร้องเรียนเรื่องนี้มาระยะหนึ่งแล้ว ได้มีกระบวนการในการตั้งกรรมการสอบวินัยเฉพาะกิจเพิ่มเติม เนื่องจากเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศ ซึ่งได้สอบข้อเท็จจริงทั้งผู้ถูกกล่าวหาและผู้กล่าวหาที่อ้างว่าได้รับความเสียหาย รวมถึงพยานหลักฐานที่เกี่ยวข้อง
ในการสืบหาข้อเท็จจริง ทั้ง 2 ฝ่ายต่างกล่าวอ้าง ถึงตัวบุคคล เอกสาร และหลักฐานจำนวนมาก ถือว่ากระบวนการยังไม่สิ้นสุดและมีกระบวนการมาอย่างต่อเนื่อง ส่วนจะสิ้นสุดเมื่อไหร่ คงยังไม่สามารถระบุวัน เวลาได้ แต่พรรคได้สื่อสารกับผู้เสียหายเป็นระยะ และท้ายที่สุดเมื่อกระบวนการทางวินัยเสร็จสิ้นลง ตามข้อบังคับการประชุมของพรรคก้าวไกลที่มีการแก้ไขใหม่ ต้องมีการเสนอเรื่องให้คณะกรรมการบริหารพรรคพิจารณา ซึ่งท้ายที่สุดจะอยู่ที่กรรมการบริหารพรรคว่าจะพิจารณาวินิจฉัยอย่างไร
อย่างไรก็ตาม เป็นไปตามที่พรรคก้าวไกลเสนอ ว่าหากมีความคืบหน้าหรือความชัดเจน พรรคก้าวไกลจะขอแถลงรวมกับอีก 2 กรณี เป็นอย่างน้อย เพราะเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความรุนแรง และเรื่องเพศ กรณีนั้นทางพรรคได้มีการวินิจฉัย และตัดสินไปนานแล้ว
เมื่อถามว่าเรื่องนี้มีมูลหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า กว่าผู้เสียหายจะมาร้องเรียน จะรวบรวมความกล้า และมีข้อมูลพยานหลักฐาน แม้บางครั้งหลายกรณีจะไม่มีพยานหลักฐาน ก็ต้องมองว่าเขากล้าตัดสินใจที่จะร้องเรียนต่อพรรค ก็ต้องถือว่าเรื่องเหล่านี้มีมูล แต่จะเป็นลักษณะความผิดแบบใด เข้าข่ายไปถึงขนาดไหน และจะตัดสินว่ามีความผิดหรือไม่ ต้องเรียนว่ามีระเบียบที่แตกต่างกัน เช่นกรณีกระทบชื่อเสียงพรรค ก็จะเป็นแบบหนึ่ง คุกคามทางเพศก็จะเป็นแบบหนึ่ง
ย้ำว่าโทษของกรณีนี้ หากผิดจริงก็ต้องถือว่าผิดวินัยร้ายแรง มีโทษ 2 สถานเท่านั้นคือ ตัดสิทธิ์ที่พึงมี ซึ่งรวมไปถึงการตัดสิทธิ์ไม่ส่งลงสมัครลงเลือกตั้งครั้งหน้า และการให้พ้นสมาชิกภาพของพรรค แต่ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะตอบ ว่าผลการพิจารณาเป็นอย่างไร แต่รับเรื่องมาจริงและมีกระบวนการสอบหลายครั้ง ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับคณะกรรมการวินัย และเสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการวินัยมองว่ายังขาดพยานหลักฐานในหลายประเด็น ซึ่งต้องทำให้รอบคอบที่สุด
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
สส. วุฒิพงศ์ แจงเป็นแชตเก่าครั้งยังไม่เป็น สส. ชี้เป็นการหวังดิสเครดิส
ล่าสุด วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี เขต 2 พรรคก้าวไกล โพสต์คลิปบนเฟซบุ๊กชี้แจงกรณีถูกกล่าวหาว่าคุกคามทางเพศและทักแชตในทำนอง 18+ ไปหาทีมงานสาว โดยทำการอ่านคำแถลงที่ร่างไว้เป็นเวลา 2.32 นาที ใจความว่า
"สวัสดีครับชาวปราจีนบุรีที่เคารพรักทุกท่าน จากข่าวที่อยู่ในความสนใจในเรื่องของกระผมในขณะนี้ ที่ผ่านมาทางพรรคก้าวไกลได้ตั้งคณะกรรมการวินัย เพื่อหารือและเร่งตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว เพื่อสืบหาที่มาที่ไปของเป้าประสงค์ของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
ตั้งแต่การเลือกตั้งสิ้นสุดลงเมื่อเดือนพฤษภาคม ผ่านมาถึงเวลานี้นับเป็นเวลา 5 เดือนแล้ว มีกลุ่มคนในจังหวัดปราจีนบุรี ตั้งตัวเป็นนักร้องเพื่อตรวจสอบกับผมตลอดระยะเวลา 5 เดือนที่ผ่านมา พวกเขาพยายามดิสเครดิต เพื่อหวังทำลายชื่อเสียงของพรรคก้าวไกลและของผม เพื่อปิดบังเรื่องราวที่ผมกำลังตรวจสอบอยู่ในจังหวัดในขณะนี้
จากข่าวที่ปรากฏมานับเป็นเรื่องที่ 3 ที่บุคคลกลุ่มนี้พยายามขุดคุ้ยข้อมูล เพื่อสร้างประเด็นในการร้องเรียนและสร้างประเด็นในการแฉ ให้ปรากฏในโซเชียล จะเป็นการแคปภาพเฉพาะบางส่วนมาเสนอต่อที่สาธารณะชน หรือลงมาแชร์ในโซเชียลตามข่าวที่ปรากฏ
จากเหตุการณ์ดังกล่าว วุฒิพงศ์ ทองเหลา ยืนยันว่า ในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้ผ่านมาเป็นระยะเวลา 1 ปีครึ่งแล้ว สำหรับภาพที่บุคคลดังกล่าวหรือกลุ่มบุคคลดังกล่าวได้เผยแพร่ ตั้งแต่ผมยังไม่ได้เป็นผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นที่ชัดเจนของผู้ที่นำข้อมูลส่วนตัวมาแสดงต่อพื้นที่สาธารณะว่าพวกเขาต้องการดิสเครดิตการทำงานของผม และมีเป้าหมายบางประการอย่างชัดเจน
กระผมขอเรียนต่อชาวปราจีนบุรีและสมาชิกพรรคก้าวไกลทุกท่าน ว่าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้ผมท้อถอยในการทำงานแต่ประการใด ในทางตรงกันข้ามยิ่งกลับทำให้ผมยิ่งต้องการตรวจสอบความจริงในจังหวัด โดยเฉพาะเรื่องการเรียกรับผลประโยชน์โดยใช้ตำแหน่ง โดยเฉพาะเรื่องมลพิษในพื้นที่ศรีมหาโพธิ์ สุดท้ายผมขอให้ทุกท่านมั่นใจในการทำงานของผมว่าจะเป็นประโยชน์ต่อชาวปราจีนบุรีและจังหวัดปราจีนบุรี กระผมขอบคุณมากครับ"
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้