อ.เจษฎา ไขปริศนา เทสลาท้าผี ระบบแจ้งมีคนทั้งที่ไม่มีใคร เรื่องนี้อธิบายได้ทางวิทยาศาสตร์ แนะนำถ้ารถแจ้งเตือนผีแบบนี้ ควรเอาเข้าศูนย์
จากกรณีไวรัล TikTok ทดสอบขับรถ เทสลา ท้าผีในวัด วนรอบเมรุสักพัก เซ็นเซอร์ตรวจจับได้ว่ามีคนยืนอยู่หน้ารถ ทั้งที่บริเวณนั้นไม่มีใคร จนในรถก็แสดงภาพเป็นพื้นที่โล่งไม่มีสิ่งกีดขวาง จนกลายเป็นคลิปฮือฮาชวนขนหัวลุกนั้น
อ่านข่าว : ไวรัลหลอน ทดสอบขับ เทสลา ท้าผี วนรอบเมรุที่วัดกลางดึก ผวาระบบแจ้งมีคนโผล่ !
ล่าสุด (17 ตุลาคม 2566) รศ. ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อ.ประจำภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์ เพื่อร่วมไขปริศนาดังกล่าวในแง่วิทยาศาสตร์ ว่าทำไมรถเทสลา ถึงตรวจเห็น "ผี" ในสุสานได้
โดยระบุว่า มีรายงานข่าวถึงคลิป TikTok ที่กำลังเป็นไวรัล จากการที่มีคนไปขับรถยนต์ไฟฟ้า ยี่ห้อเทสลา วิ่งวนรอบเมรุเผาศพ แล้วเซ็นเซอร์ของรถตรวจเจอ "วัตถุบางอย่าง" ลักษณะคล้ายคน ปรากฏอยู่ข้าง ๆ ตัวรถ มันเป็นผี หรือเป็นความผิดปรกติของรถกันแน่
ตัวอย่างเช่น คลิป TikTok จากผู้ใช้ที่ชื่อว่า @iam3dgar ที่ขับรถเทสลาไปอย่างช้า ๆ ในสุสาน พร้อมกับเสียงเพลงน่าขนลุก แล้วเขาก็เห็นว่าบนจอแดชบอร์ดของรถ เริ่มแสดงรูปของคน และเตือนถึงสิ่งกีดขวางที่รูปร่างแบบมนุษย์โผล่ออกมาระหว่างหลุมศพ แต่พอเงยหน้าขึ้นมาดู กลับไม่พบว่ามีคนอยู่แถวนั้นเลย
ที่เป็นเช่นนี้ได้นั้น ถ้าตัดความเชื่อเรื่องที่มีผีวิญญาณเฝ้าสุสาน แล้วรถเทสลามีตาทิพย์มองเห็นได้ ออกไปแล้วนั้น ก็อาจเป็นไปได้ว่ารถคันนั้นมีปัญหาอะไรบางอย่างเกิดขึ้นกับระบบ Tesla Vision ของรถ ซึ่งประกอบด้วยกล้อง 8 ตัวและเซนเซอร์อัลตราโซนิก 12 ตัว อาจจะมีอะไรเสียแล้วทำงานผิดพลาด หรือถ้าเซนเซอร์ปกติดี ก็อาจจะเกิดจากตัวของโปรแกรมซอฟต์แวร์ที่ใช้ประกอบนั้น เกิดความผิดพลาดในการตรวจจับขึ้นได้
และคำตอบที่น่าจะเป็นไปได้มาก ก็คือปัญหา "ผลบวกปลอม" หรือ ฟอลส์โพสิทีพ (false positive) ซึ่งหมายถึงการที่รถตรวจเจอสิ่งกีดขวางอันตราย ทั้งที่มันไม่ได้มีอยู่ รถอาจจะตรวจจับวัตถุอะไรแถวนั้นที่กล้องมองเห็น เช่น ดอกไม้ พุ่มไม้ ป้ายหลุมศพ ฯลฯ แล้วตีความว่าเป็นสิ่งกีดขวางอันตราย
ระบบป้องกันการชนของรถเทสลานั้น ทำงานด้วยการใช้ทั้งเซ็นเซอร์และกล้องร่วมกัน เพื่อวิเคราะห์ว่ามีอะไรอยู่รอบรถบ้าง ข้อมูลดังกล่าวจะถูกส่งไปยังจอภาพในห้องโดยสาร ซึ่งจะแสดงเป็นภาพกราฟฟิกขึ้นมา แต่ไม่ใช้ภาพวิดีโอของสิ่งที่กล้องเห็นจริง ดังนั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่เกิดความผิดพลาดขึ้นในการแสดงผล เช่น แสดงหลุมศพ ด้วยภาพกราฟฟิกของ "คนเดินถนน"
ภาพจาก TikTok @aunnyc
ซึ่งในแง่ของ "ความปลอดภัย" แล้ว การที่รถที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติได้อย่างเทสลา แสดงผลการตรวจจับผิดปกติแบบ "ผลบวกปลอม" ย่อมดีกว่าการที่มันแสดงผลแบบ "ผลลบปลอม" ซึ่งหมายถึง รถตรวจไม่เจอสิ่งกีดขวางอันตราย ทั้งที่มันมีอยู่จริง ตัวอย่างเช่น มันย่อมจะดีกว่า ที่จะเตือนผิดว่ามีเด็กวิ่งลงมาที่ถนน ทั้งที่ไม่มี ดีกว่าที่จะตรวจไม่เจอว่าจริง ๆ แล้วมีเด็กอยู่บนถนน
ดังนั้น อัลกอริทึมของซอฟต์แวร์ที่ใช้ในรถ จึงมีแนวโน้มที่จะทำการตรวจจับแบบเซนซิทีฟให้มากไว้ก่อน ยอมที่จะตรวจผิดแบบเจอผลบวกปลอม ดีกว่าจะผิดแบบผลลบปลอม
แต่การที่รถมีผลบวกปลอม ก็ไม่ใช่เรื่องดีเสมอไป เพราะมันจะเกิดปัญหาอันตรายตามมา กับรถที่สามารถเบรกเองได้อย่างไม่คาดคิด และทำให้เกิดอุบัติเหตุรถชนกันได้ อย่างที่บริษัทเทสลาเองก็โดนฟ้องร้องต่อศาล ที่รัฐอิลินอยส์ ประเทศสหรัฐอเมริกา จากข้อหาที่ว่ารถมีความผิดปกติ จนทำให้เกิดการเตือนการชนด้านหน้าแบบผลบวกปลอมขึ้น ซึ่งเป็นความเสี่ยงที่จะนำไปสู่อันตรายได้ และก็ทำให้เทสลาเคยเรียกรถบางคันคืนไปแก้ อันเนื่องจากมันเซนซิทีฟเกินไปจนเกิดปัญห
อ.เจษฎา ย้ำว่า ถ้าผู้ใช้รถเทสลาท่านใด เจออาการผิดปกติแบบ "ตรวจเจอผี" เช่นนี้ ก็ควรที่จะเอารถเข้าศูนย์บริการเทสลา เพื่อตรวจสอบการทำงานว่ามีอะไรผิดปกติกับระบบเซ็นเซอร์ของรถหรือไม่ หรืออาจใช้วิธีการ รีบูตซอฟต์แวร์ระบบออโต้ไพล็อตของรถ เผื่อจะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
สรุปก็คือ ในทางวิทยาศาสตร์นั้น
การที่รถสมัยใหม่ที่มีระบบเซ็นเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวางอันตราย อย่างเทสลา
แจ้งเตือน "ผี" ได้
เป็นผลจากความผิดปกติของระบบเซ็นเซอร์และซอฟต์แวร์ที่มีแนวโน้มจะเซนซิทีฟและให้
"ผลบวกปลอม" ได้ ทั้งที่ไม่มีคนอยู่บริเวณนั้น
แต่ก็ต้องระวังปัญหาอื่นที่อาจเกิดขึ้นตามมา เช่น
การเบรคเองอัตโนมัติเนื่องจากตรวจจับผิดพลาด
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก อ๋อ มันเป็นอย่างนี้นี่เอง by อาจารย์เจษฎ์
