นายจ้างร้านอาหารญี่ปุ่น ทรมานลูกจ้างสุดทารุณ ใช้มีดแล่ปลาฟันปาก ใช้ไฟเบิร์นลิ้น เบิร์นอวัยวะเพศ ใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ตัดตามตัว ด้านนายจ้างปฏิเสธทุกอย่าง พร้อมเผย ถ้าน้องไม่ดี ทำไมไม่ไล่ออก
วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า นางสาวสาว (นามสมมติ) วัย 21 ปี เข้าพบ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรีฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งความนายจ้างที่เป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังย่านภาษีเจริญ หลังจากที่เธอถูกทำร้ายร่างกายเยี่ยงสัตว์มานานหลายปี ตามร่างกายของเธอมีร่องรอยบาดแผลทั้งตัว
นางสาวสาว ระบุว่า ตนทำงานกับนายจ้างคนนี้มาตั้งแต่อายุ 16 ปี เนื่องจากพ่อเป็นคนนำตนมาฝากไว้กับนายจ้าง และตนก็ถูกทำร้ายร่างกายเรื่อยมา หนักที่สุดตอนอายุ 17 ปี เพราะตอนนั้นตนคบหากับสามีวัย 19 ปี และเจ้าของร้านก็แจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับสามีข้อหาพรากผู้เยาว์ หลังจากสามีถูกจับ ตนก็ตั้งท้อง และพอคลอดลูก นายจ้างก็ออกค่าคลอดลูกให้ 10,000 บาท และให้ตนมาทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยไม่มีค่าจ้างอะไร อ้างว่า จ่ายค่าทำคลอดลูกให้แล้ว ตนต้องทำงานชดใช้หนี้
มีอยู่ช่วงหนึ่งพ่อตนประสบอุบัติเหตุ นายจ้างออกค่ารักษาพยาบาลอีก 10,000 บาท และทำให้นายจ้างนำมาอ้างไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้ตน ได้ทานข้าวกับไข่แค่วันละมื้อ ซึ่งตั้งแต่อยู่มา ตนได้เงินเพียง 50 บาท เป็นค่าแต๊ะเอียช่วงตรุษจีนปีที่แล้วเท่านั้น
งานที่ตนทำในแต่ละวัน ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อจัดร้านล้างจาน ทำความสะอาดครัว เดินเสิร์ฟ ทำทุกอย่างจนถึงเที่ยงคืน และห้องนอนตนคือพื้นที่ในห้องครัว มีผ้าห่มให้ 1 ผืน ไม่มีหมอน ตนต้องนอนหนุนบนขวดน้ำ เวลาที่นายจ้างไม่พอใจ ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยการเอาแอลกอฮอลล้างแผลราดและจุดไฟเผา อ้างว่าเป็นการลงโทษที่ถูกลูกค้าในร้านตำหนิ
แต่สิ่งที่ตัวเองกลัวที่สุดและเกือบทำให้เสียชีวิตคือ สามีนายจ้างใช้สายยางรัดคอ ส่วนนายจ้างก็ตีหัวแตกแล้วขังตนไว้ มีการใช้คีมทรมานตนด้วย สุดท้ายตนปีนฝ้าเพดานไปขอความช่วยเหลือจากบ้านข้าง ๆ
นอกจากนี้ นายจ้างยังอ้างทุกครั้งว่ารู้จักกับตำรวจในพื้นที่ มีครั้งหนึ่งตำรวจมาที่ร้าน เห็นสภาพบาดแผลตน ตนจึงบอกความจริง ตำรวจจึงไปคุยกับเจ้าของร้าน แล้วกลับมาบอกตนว่าไปใส่ร้ายเจ้าของร้านทำไม เพราะเจ้าของร้านบอกว่า บาดแผลเกิดจากการทำร้ายตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ตนคิดฆ่าตัวตาย แต่ตนทำไม่ได้เพราะนึกถึงลูก ตอนนี้ถูกนายจ้างนำไปไว้ที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง ตนอยากเจอลูกมาก และอยากเอาเรื่องนายจ้างคนนี้ให้ถึงที่สุด
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการสอบปากคำนางสาวสาวและผู้เกี่ยวข้อง เหตุการณ์นี้เกิดในพื้นที่ อ.ภาษีเจริญ จะต้องเรียกผู้กำกับมาสอบถาม หากพบว่ามีการคุกคามจริงจะดำเนินการเอาผิดทั้งหมดทั้งเรื่อง พ.ร.บ.แรงงาน เกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงาน ตอนนี้ทราบตัวเจ้าของร้านแล้ว เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับตามขั้นตอน
เด็กเผยในโหนกระแส เปิดรอยแผลสยอง โดนมีดแล่ปลาฟันปาก - นั่งพักก็โดนเบิร์นอวัยวะเพศ
นอกจากนี้ ในรายการโหนกระแส ยังได้เชิญ น.ส.สาว มาพูดคุยในรายการว่า เธอเองถูกทรมานด้วยการเบิร์นลิ้น เนื่องจากเธอไปทานของเหลือจากลูกค้า นายจ้างจึงเอากระป๋องแก๊สที่ใช้เบิร์นปลา มาเบิร์นที่ลิ้นของเธอ พร้อมกับมีการเปิดให้เห็นปากของเธอ ที่ปากผิดรูปไปแล้ว และแก้มก็มีรอยกรรไกร
สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือ ทางนายจ้างได้ใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ มาหนีบตัดตามตัวของเธอ นอกจากนี้ นายจ้างยังใช้มีดหั่นปลาดิบ มาหั่นที่ปากของเธอ เนื่องจากเธอพยายามขอร้องว่า อย่าทำร้ายร่างกายของเธอ เธอเจ็บแล้ว นายจ้างก็มองว่าเธอพูดมากและเอามีดเฉาะที่ปาก
สุดท้าย น.ส.สาว ได้ตัดสินใจหนีออกมา จากที่เคยคิดว่าจะผูกคอตาย เพราะนายจ้างอ้างว่าถ้าเธอตายแล้ว ทุกอย่างจะจบ เธอเลยคิดว่าหนีดีกว่า ซึ่งการหนีของเธอนั้นเกิดจากที่เธอโดนเตะหน้า จากนั้นเขาก็ล็อกตนไว้ในห้องเก็บของ และนายจ้างก็เอากรรไกรตัดกิ่งไม้มาเตรียมเอาไว้ และก่อนหน้านี้เธอก็เอาสายยางที่นายจ้างจะไว้ใช้ทรมานไปทิ้ง นายจ้างจะรอให้ลูกค้า 2 โต๊ะหมดก่อน แล้วค่อยทรมานเธอ ทำให้เธอตัดสินใจปีนฝ้าหนีไปร้านอาหารตามสั่ง พยายามหนีออกมาจนกระทั่งไปเจอพลเมืองดี
นายจ้างโฟนอินเข้ารายการเสียงสั่น อ้างเด็กทำร้ายตัวเอง - โดนแฟนทำร้ายร่างกาย
ในขณะเดียวกัน คุณหญิง นายจ้างได้โฟนอินมาในรายการ มีเสียงสั่น และอ้างว่า เรื่องเริ่มมีปี 2561 และน้องมาสมัครงานที่ร้าน 2562 ตอนนั้นน้องอายุ 16 ปี มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องแต่น้องมีพฤติกรรมลักทรัพย์ ร้านจึงต้องการดำเนินคดี น้องก็บอกว่าจะชดใช้ให้ 5,000 เพื่อไม่ดำเนินคดี และยอมความ จากนั้นน้องก็พ้นสภาพพนักงาน
จากนั้นน้องกลับมาและตั้งครรภ์ น้องอ้างว่าโดนพรากผู้ยาว์ ทางร้านจึงรับกลับเข้ามาทำงานอีกรอบ ร้านก็ช่วยดูแลฝากครรภ์ พาไปคลอด และคลอดแล้ว น.ส.สาว ก็เลี้ยงเด็กไม่ได้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เออำนวย จึงต้องเอาเด็กไปฝากมูลนิธิ
ตนเห็นแล้วว่าเด็กมีพฤติการณ์ที่แปลก และได้ทำงานต่ออีกปี เมื่อปี 2563 น้องก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานแม้เขาจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน
เมื่อถามว่า นายจ้างได้ทำทารุณกรรม ใช้มีดแล่ปลาฟันปาก และใช้ที่เบิร์นปลาเบิร์นอวัยวะน้องจริงไหม คุณหญิงบอกว่า ไม่ได้ทำ ที่เบิร์นปลาในร้านยังหาย จนสุดท้ายมาเจอที่เบิร์นปลาที่กองเสื้อผ้าของเขา แต่น้องบอกว่าละเมอหยิบมา และสุดท้าย น.ส.สาว ก็ยอมรับว่าเอาที่เบิร์นปลาจุดบุหรี่สูบ ซึ่งร้านรับไม่ได้
ส่วนกรณีเอาคีมตัดกิ่งไม้ไปเฉาะหัว ฟันแขน นายจ้างบอกว่า ไม่มีขนาดนั้น น.ส.สาว ทำร้ายตัวเองและเคยถ่ายคลิปทำร้ายตัวเองส่งมากดดันร้าน ทางร้านมีพยานหลักฐานตรงนี้ และ นายจ้างอ้างว่า น.ส.สาวเปิดบัญชีม้า และโดนคนที่เปิดบัญชีม้าทำร้ายร่างกาย
นายจ้างอ้างว่า ตนเคยโทร. คุยกับคุณพ่อและคุณอาของ น.ส.สาว ที่เป็นผู้ค้ำประกัน แต่ทางคุณพ่อและคุณอาบอกปล่อยไป ไม่ต้องไปวิ่งตาม เพราะเด็กคนนี้ ถ้ายืนกระต่ายขาเดียวก็ไม่พูด และเป็นคนที่ชอบสร้างเรื่อง
ส่วนเรื่องลักทรัพย์นั้น เป็นการลักทรัพย์นาฬิกาและลักทรัพย์วัตถุดิบของร้านไปทานกับผู้ชาย และเมื่อถามว่าทำไมไม่ไล่ออก นายจ้างก็บอกว่าไล่ออกแล้ว แต่น้องมาขอโอกาสกลับมาทำงานอีกครั้ง ทางร้านจึงยอม
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
วันที่ 25 ตุลาคม 2566 เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว รายงานว่า นางสาวสาว (นามสมมติ) วัย 21 ปี เข้าพบ พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรีฯ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อแจ้งความนายจ้างที่เป็นเจ้าของร้านอาหารญี่ปุ่นชื่อดังย่านภาษีเจริญ หลังจากที่เธอถูกทำร้ายร่างกายเยี่ยงสัตว์มานานหลายปี ตามร่างกายของเธอมีร่องรอยบาดแผลทั้งตัว
นางสาวสาว ระบุว่า ตนทำงานกับนายจ้างคนนี้มาตั้งแต่อายุ 16 ปี เนื่องจากพ่อเป็นคนนำตนมาฝากไว้กับนายจ้าง และตนก็ถูกทำร้ายร่างกายเรื่อยมา หนักที่สุดตอนอายุ 17 ปี เพราะตอนนั้นตนคบหากับสามีวัย 19 ปี และเจ้าของร้านก็แจ้งความให้ตำรวจดำเนินคดีกับสามีข้อหาพรากผู้เยาว์ หลังจากสามีถูกจับ ตนก็ตั้งท้อง และพอคลอดลูก นายจ้างก็ออกค่าคลอดลูกให้ 10,000 บาท และให้ตนมาทำงานในร้านอาหารแห่งหนึ่งโดยไม่มีค่าจ้างอะไร อ้างว่า จ่ายค่าทำคลอดลูกให้แล้ว ตนต้องทำงานชดใช้หนี้
มีอยู่ช่วงหนึ่งพ่อตนประสบอุบัติเหตุ นายจ้างออกค่ารักษาพยาบาลอีก 10,000 บาท และทำให้นายจ้างนำมาอ้างไม่ยอมจ่ายเงินเดือนให้ตน ได้ทานข้าวกับไข่แค่วันละมื้อ ซึ่งตั้งแต่อยู่มา ตนได้เงินเพียง 50 บาท เป็นค่าแต๊ะเอียช่วงตรุษจีนปีที่แล้วเท่านั้น
งานที่ตนทำในแต่ละวัน ตื่นตั้งแต่เช้าเพื่อจัดร้านล้างจาน ทำความสะอาดครัว เดินเสิร์ฟ ทำทุกอย่างจนถึงเที่ยงคืน และห้องนอนตนคือพื้นที่ในห้องครัว มีผ้าห่มให้ 1 ผืน ไม่มีหมอน ตนต้องนอนหนุนบนขวดน้ำ เวลาที่นายจ้างไม่พอใจ ก็จะทำร้ายร่างกายด้วยการเอาแอลกอฮอลล้างแผลราดและจุดไฟเผา อ้างว่าเป็นการลงโทษที่ถูกลูกค้าในร้านตำหนิ
แต่สิ่งที่ตัวเองกลัวที่สุดและเกือบทำให้เสียชีวิตคือ สามีนายจ้างใช้สายยางรัดคอ ส่วนนายจ้างก็ตีหัวแตกแล้วขังตนไว้ มีการใช้คีมทรมานตนด้วย สุดท้ายตนปีนฝ้าเพดานไปขอความช่วยเหลือจากบ้านข้าง ๆ
นอกจากนี้ นายจ้างยังอ้างทุกครั้งว่ารู้จักกับตำรวจในพื้นที่ มีครั้งหนึ่งตำรวจมาที่ร้าน เห็นสภาพบาดแผลตน ตนจึงบอกความจริง ตำรวจจึงไปคุยกับเจ้าของร้าน แล้วกลับมาบอกตนว่าไปใส่ร้ายเจ้าของร้านทำไม เพราะเจ้าของร้านบอกว่า บาดแผลเกิดจากการทำร้ายตัวเอง สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ตนคิดฆ่าตัวตาย แต่ตนทำไม่ได้เพราะนึกถึงลูก ตอนนี้ถูกนายจ้างนำไปไว้ที่มูลนิธิแห่งหนึ่ง ตนอยากเจอลูกมาก และอยากเอาเรื่องนายจ้างคนนี้ให้ถึงที่สุด
พล.ต.อ. สุรเชษฐ์ กล่าวว่า หลังจากนี้จะมีการสอบปากคำนางสาวสาวและผู้เกี่ยวข้อง เหตุการณ์นี้เกิดในพื้นที่ อ.ภาษีเจริญ จะต้องเรียกผู้กำกับมาสอบถาม หากพบว่ามีการคุกคามจริงจะดำเนินการเอาผิดทั้งหมดทั้งเรื่อง พ.ร.บ.แรงงาน เกี่ยวกับการบังคับใช้แรงงาน ตอนนี้ทราบตัวเจ้าของร้านแล้ว เตรียมรวบรวมพยานหลักฐานและออกหมายจับตามขั้นตอน
เด็กเผยในโหนกระแส เปิดรอยแผลสยอง โดนมีดแล่ปลาฟันปาก - นั่งพักก็โดนเบิร์นอวัยวะเพศ
นอกจากนี้ ในรายการโหนกระแส ยังได้เชิญ น.ส.สาว มาพูดคุยในรายการว่า เธอเองถูกทรมานด้วยการเบิร์นลิ้น เนื่องจากเธอไปทานของเหลือจากลูกค้า นายจ้างจึงเอากระป๋องแก๊สที่ใช้เบิร์นปลา มาเบิร์นที่ลิ้นของเธอ พร้อมกับมีการเปิดให้เห็นปากของเธอ ที่ปากผิดรูปไปแล้ว และแก้มก็มีรอยกรรไกร
สิ่งที่น่ากลัวมากกว่านั้นคือ ทางนายจ้างได้ใช้กรรไกรตัดกิ่งไม้ มาหนีบตัดตามตัวของเธอ นอกจากนี้ นายจ้างยังใช้มีดหั่นปลาดิบ มาหั่นที่ปากของเธอ เนื่องจากเธอพยายามขอร้องว่า อย่าทำร้ายร่างกายของเธอ เธอเจ็บแล้ว นายจ้างก็มองว่าเธอพูดมากและเอามีดเฉาะที่ปาก
สุดท้าย น.ส.สาว ได้ตัดสินใจหนีออกมา จากที่เคยคิดว่าจะผูกคอตาย เพราะนายจ้างอ้างว่าถ้าเธอตายแล้ว ทุกอย่างจะจบ เธอเลยคิดว่าหนีดีกว่า ซึ่งการหนีของเธอนั้นเกิดจากที่เธอโดนเตะหน้า จากนั้นเขาก็ล็อกตนไว้ในห้องเก็บของ และนายจ้างก็เอากรรไกรตัดกิ่งไม้มาเตรียมเอาไว้ และก่อนหน้านี้เธอก็เอาสายยางที่นายจ้างจะไว้ใช้ทรมานไปทิ้ง นายจ้างจะรอให้ลูกค้า 2 โต๊ะหมดก่อน แล้วค่อยทรมานเธอ ทำให้เธอตัดสินใจปีนฝ้าหนีไปร้านอาหารตามสั่ง พยายามหนีออกมาจนกระทั่งไปเจอพลเมืองดี
นายจ้างโฟนอินเข้ารายการเสียงสั่น อ้างเด็กทำร้ายตัวเอง - โดนแฟนทำร้ายร่างกาย
ในขณะเดียวกัน คุณหญิง นายจ้างได้โฟนอินมาในรายการ มีเสียงสั่น และอ้างว่า เรื่องเริ่มมีปี 2561 และน้องมาสมัครงานที่ร้าน 2562 ตอนนั้นน้องอายุ 16 ปี มีการขึ้นทะเบียนถูกต้องแต่น้องมีพฤติกรรมลักทรัพย์ ร้านจึงต้องการดำเนินคดี น้องก็บอกว่าจะชดใช้ให้ 5,000 เพื่อไม่ดำเนินคดี และยอมความ จากนั้นน้องก็พ้นสภาพพนักงาน
จากนั้นน้องกลับมาและตั้งครรภ์ น้องอ้างว่าโดนพรากผู้ยาว์ ทางร้านจึงรับกลับเข้ามาทำงานอีกรอบ ร้านก็ช่วยดูแลฝากครรภ์ พาไปคลอด และคลอดแล้ว น.ส.สาว ก็เลี้ยงเด็กไม่ได้ ด้วยสภาพแวดล้อมที่ไม่เออำนวย จึงต้องเอาเด็กไปฝากมูลนิธิ
ตนเห็นแล้วว่าเด็กมีพฤติการณ์ที่แปลก และได้ทำงานต่ออีกปี เมื่อปี 2563 น้องก็มีปัญหากับเพื่อนร่วมงานแม้เขาจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมงาน
เมื่อถามว่า นายจ้างได้ทำทารุณกรรม ใช้มีดแล่ปลาฟันปาก และใช้ที่เบิร์นปลาเบิร์นอวัยวะน้องจริงไหม คุณหญิงบอกว่า ไม่ได้ทำ ที่เบิร์นปลาในร้านยังหาย จนสุดท้ายมาเจอที่เบิร์นปลาที่กองเสื้อผ้าของเขา แต่น้องบอกว่าละเมอหยิบมา และสุดท้าย น.ส.สาว ก็ยอมรับว่าเอาที่เบิร์นปลาจุดบุหรี่สูบ ซึ่งร้านรับไม่ได้
ส่วนกรณีเอาคีมตัดกิ่งไม้ไปเฉาะหัว ฟันแขน นายจ้างบอกว่า ไม่มีขนาดนั้น น.ส.สาว ทำร้ายตัวเองและเคยถ่ายคลิปทำร้ายตัวเองส่งมากดดันร้าน ทางร้านมีพยานหลักฐานตรงนี้ และ นายจ้างอ้างว่า น.ส.สาวเปิดบัญชีม้า และโดนคนที่เปิดบัญชีม้าทำร้ายร่างกาย
นายจ้างอ้างว่า ตนเคยโทร. คุยกับคุณพ่อและคุณอาของ น.ส.สาว ที่เป็นผู้ค้ำประกัน แต่ทางคุณพ่อและคุณอาบอกปล่อยไป ไม่ต้องไปวิ่งตาม เพราะเด็กคนนี้ ถ้ายืนกระต่ายขาเดียวก็ไม่พูด และเป็นคนที่ชอบสร้างเรื่อง
ส่วนเรื่องลักทรัพย์นั้น เป็นการลักทรัพย์นาฬิกาและลักทรัพย์วัตถุดิบของร้านไปทานกับผู้ชาย และเมื่อถามว่าทำไมไม่ไล่ออก นายจ้างก็บอกว่าไล่ออกแล้ว แต่น้องมาขอโอกาสกลับมาทำงานอีกครั้ง ทางร้านจึงยอม
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว
