ตอบเรื่องราวข้อสงสัย Rumeysa Gelgi ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก ด้วยความสูง 215 เซนติเมตร เผยวิธีการขึ้นเครื่องบินแบบพิเศษน่าทึ่ง
![รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก]()
ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
เว็บไซต์ Indy100 เผยเรื่องราวของ รูเมย์ซา เกลกี (Rumeysa Gelgi) หญิงสาวชาวตุรกี ปัจจุบันอายุ 26 ปี ผู้ที่รับการจดบันทึกสถิติของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส (Guinness World Records) ว่าเป็นผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น ด้วยความสูงถึง 7 ฟุต 0.7 นิ้ว หรือ ประมาณ 215 เซนติเมตร อันเป็นสาเหตุมาจากโรคผิดปกติทางพันธุกรรมหายากที่เรียกว่า Weaver Syndrome ซึ่งทำให้กระดูกมีการเจริญเติบโตมากเกินไป และเธอยังทำลายสถิติเป็นหญิงที่มีนิ้วและหลังยาวที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่
เกลกีจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนที่ตลอด ดังนั้นการเดินทางระยะไกลสำหรับเธอจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ทว่าเมื่อปีที่ผ่านมา เธอได้มีโอกาสเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยใช้ระยะเวลานานถึง 13 ชั่วโมง จากเมืองอิสตันบูล ในตุรกี ไปยังแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา ทางสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส ได้คิดดัดแปลงหาวิธีบริการรูปแบบพิเศษ โดยการถอดเก้าอี้จำนวน 6 ตัวออกจากเครื่องบิน เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก
![รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก]()
ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
เนื่องจากเกลกีไม่สามารถนั่งเป็นเวลานานได้ อันเป็นผลมาจากกระดูกสันหลังคดหรือความผิดปกติของกระดูกสันหลัง ดังนั้นเธอจึงต้องเดินทางโดยใช้เปลหามชนิดพิเศษ ซึ่งปกติจะสงวนไว้ใช้เฉพาะกับผู้ป่วยวิกฤตที่จำเป็นต้องย้ายสถานที่รักษาเท่านั้น
จากคลิปวิดิโอที่เกลกีนำมาโพสต์แชร์ทางอินสตาแกรม แสดงให้เห็นขั้นตอนตั้งแต่เจ้าหน้าที่ช่วยเคลื่อนย้ายเปลนอนของเธอขึ้นเครื่องบิน ไปตรงจุดที่เก้าอี้ถูกถอดออกไป ซึ่งรวมอยู่ในห้องผู้โดยสาร ระหว่างการเดินทาง มีพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟให้ เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดี กระทั่งเครื่องลงจอดถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ
![รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก]()
ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
"การเดินทางที่ไร้ที่ติตั้งแต่ต้นจนจบ" เกลกี กล่าวแสดงความประทับใจ พร้อมชื่นชมพนักงานของทางสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เจ้าหน้าที่สถานบิน รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ที่คอยประสานงานช่วยเหลือ พร้อมทั้งบอกว่า "ฉันจะรู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมาก ถึงแม้จะเป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกของฉัน แต่มันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน"
![รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก]()
ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
![รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก]()
ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
![รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก รูเมย์ซา เกลกี ผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก]()
ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
ขอบคุณข้อมูลจาก Indy100, CNN

ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
เว็บไซต์ Indy100 เผยเรื่องราวของ รูเมย์ซา เกลกี (Rumeysa Gelgi) หญิงสาวชาวตุรกี ปัจจุบันอายุ 26 ปี ผู้ที่รับการจดบันทึกสถิติของกินเนสส์ เวิลด์ เรคคอร์ดส (Guinness World Records) ว่าเป็นผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นวัยรุ่น ด้วยความสูงถึง 7 ฟุต 0.7 นิ้ว หรือ ประมาณ 215 เซนติเมตร อันเป็นสาเหตุมาจากโรคผิดปกติทางพันธุกรรมหายากที่เรียกว่า Weaver Syndrome ซึ่งทำให้กระดูกมีการเจริญเติบโตมากเกินไป และเธอยังทำลายสถิติเป็นหญิงที่มีนิ้วและหลังยาวที่สุดในโลกที่ยังมีชีวิตอยู่
เกลกีจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ช่วยเคลื่อนที่ตลอด ดังนั้นการเดินทางระยะไกลสำหรับเธอจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยาก ทว่าเมื่อปีที่ผ่านมา เธอได้มีโอกาสเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นครั้งแรกในชีวิต โดยใช้ระยะเวลานานถึง 13 ชั่วโมง จากเมืองอิสตันบูล ในตุรกี ไปยังแคลิฟอร์เนีย ในสหรัฐอเมริกา ทางสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส ได้คิดดัดแปลงหาวิธีบริการรูปแบบพิเศษ โดยการถอดเก้าอี้จำนวน 6 ตัวออกจากเครื่องบิน เพื่อให้มีที่ว่างสำหรับผู้หญิงที่สูงที่สุดในโลก

ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
จากคลิปวิดิโอที่เกลกีนำมาโพสต์แชร์ทางอินสตาแกรม แสดงให้เห็นขั้นตอนตั้งแต่เจ้าหน้าที่ช่วยเคลื่อนย้ายเปลนอนของเธอขึ้นเครื่องบิน ไปตรงจุดที่เก้าอี้ถูกถอดออกไป ซึ่งรวมอยู่ในห้องผู้โดยสาร ระหว่างการเดินทาง มีพนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟให้ เธอได้รับการดูแลเป็นอย่างดี กระทั่งเครื่องลงจอดถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ

ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
"การเดินทางที่ไร้ที่ติตั้งแต่ต้นจนจบ" เกลกี กล่าวแสดงความประทับใจ พร้อมชื่นชมพนักงานของทางสายการบินเตอร์กิช แอร์ไลน์ส เจ้าหน้าที่สถานบิน รวมไปถึงบุคลากรทางการแพทย์ และหน่วยงานอื่น ๆ อีกจำนวนมาก ที่คอยประสานงานช่วยเหลือ พร้อมทั้งบอกว่า "ฉันจะรู้สึกเป็นเกียรติและมีความสุขมาก ถึงแม้จะเป็นการนั่งเครื่องบินครั้งแรกของฉัน แต่มันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้ายอย่างแน่นอน"

ภาพจาก Instagram rumeysagelgi

ภาพจาก Instagram rumeysagelgi

ภาพจาก Instagram rumeysagelgi
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Indy100, CNN