จับใบเฟิร์น มณฑิรา เน็ตไอดอลคนดัง โกงเงินเหยื่อเปิดร้านทำเล็บ ตะครุบได้ตอนกำลังช้อปปิ้ง

          จับใบเฟิร์น เน็ตไอดอลโกงเหยื่อเปิดร้านทำเล็บ - ทำผม สูญนับ 10 ล้าน เจาะวิธีค้นหาตัว ตระเวนค้นตามห้างต่าง ๆ 5 วัน จนมาจับได้ตอนเลือกชุดว่ายน้ำที่ยูเนี่ยน มอลล์


          วันที่ 9 พฤศจิกายน 2566 ช่อง 3 รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ จับกุมตัวนางสาวมณฑิรา อินทร์สุวรรณ หรือ ใบเฟิร์น วัย 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ 2 คดี เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงประชาชน และโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนทั้งคู่

          สำหรับจุดเริ่มต้นของการไล่ล่ามาจากการถูกร้องเรียนจากเหยื่อกว่า 40 ราย ว่าเธอตระเวนหลอกลวงให้ลงทุนร้านตัดผมและร้านทำเล็บ มีเงินปันผลให้ ความเสียหายมูลค่าไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท ด้วยความที่เธอเป็นหญิงสาวหน้าตาดี ออกรายการทีวี ถ่ายแบบ เป็นอินฟลูเอนเซอร์ มีผู้ติดตามกว่า 1.2 แสนคน ในเฟซบุ๊กก็มีรูปกับรถหรูและดาราที่มีชื่อเสียง จึงสร้างความน่าเชื่อถือและมีคนหลงเชื่อ

          พอเหยื่อโอนเงินไปร่วมลงทุน เธอกลับไม่ค่อยตอบข้อความ อ้างว่างานเยอะ ส่วนสัญญาที่พิมพ์มาให้เซ็นก็ผิด ๆ ถูก ๆ หลายครั้ง เงินปันผลก็ไม่ค่อยจ่าย กระทั่งปลายเดือนมิถุนายน 2566 ก็มาอ้างกับเหยื่อว่าบริษัทถูกยักยอกเงิน ทำให้ไม่มีเงินมาคืนผู้ร่วมลงทุนก่อนจะหนีหายไป จนเหยื่อมาแจ้งความตามที่เป็นข่าว ตามมาด้วยการออกหมายจับ 2 หมายจับ

          ส่วนภารกิจการจับกุม ในตอนแรกมีร่องรอยว่าเธอพักอาศัยอยู่ในย่านทองหล่อ เมื่อไปตรวจพบก็ยังไม่พบร่องรอย กระทั่งสายลับบอกว่าเธอควงหนุ่มอยู่ตามห้างดังที่กรุงเทพฯ จึงกระจายกำลังตามหา 5 วัน กระทั่งพบตัวในช่วงที่กำลังเดินหาชุดว่ายน้ำกับชาวต่างชาติ จึงแสดงตัวจับกุมที่ห้างยูเนี่ยน มอลล์


          ในชั้นจับกุม ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า เธอจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยภาคเหนือ เปิดร้านทำเล็บอยู่ จ.เชียงใหม่ ล่าสุดเข้ากรุงเทพฯ มาได้เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ไม่ได้เป็นการหลบหนี ส่วนการเปิดร้านทำเล็บเพราะเห็นว่ามีรายได้ดี จึงลงทุนร่วมกันรายละ 5 หมื่น ถึง 1 ล้านบาท และเปิดรับลงทุนร่วมรับจำนำของ นำของไปขายเพื่อนำเงินมาแบ่งกัน

          อย่างไรก็ตาม ช่วงหลังกำไรน้อยมาก ทำให้ไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยผู้ร่วมลงทุน ส่วนร้านทำผมก็หาช่างไม่ได้ ลูกค้าน้อย ก็ยิ่งไม่มีเงิน ตอนนี้พยายามแก้ปัญหาด้วยการซื้อของแบบซื้อมาขายไป ถ้ามีเงินก็จะทยอยคืนผู้เสียหาย

          พล.ต.ต. ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. และหัวหน้าชุด PCT5 กล่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา และจะขยายผลการจับกุมโดยละเอียด ซึ่งวิธีที่ผู้ต้องหาใช้มาจากการสร้างโปรไฟล์ให้น่าเชื่อถือ ถ่ายภาพคู่รถหรูหรือดาราดัง เมื่อเป็นแบบนี้การหลอกลวงขั้นต่อไปก็ทำได้ไม่ยาก อยากจะเตือนประชาชนยุคใหม่ว่า การลงทุนออนไลน์มีความเสี่ยง มิจฉาชีพจะแฝงตัวอยู่ที่นี่จำนวนมาก การตรวจสอบความน่าเชื่อถือในโลกออนไลน์ยังไม่เพียงพอ จะต้องศึกษาหรือปรึกษาผู้มีความรู้ด้านการลงทุนด้วย จะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อ



ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3