จีนแถลง เหตุโรคระบบทางเดินหายใจพุ่งสูงขึ้น เกิดจากหลายเชื้อพร้อมกัน ในแต่ละกลุ่มอายุ โดยเชื้อไมโคพลาสมา เป็นกลุ่มเด็ก 5-14 ปี
ภาพจาก Weibo
วันที่ 26 พฤศจิกายน 2566 เว็บไซต์เซาธ์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ รายงานความคืบหน้าสถานการณ์ในประเทศจีน ภายหลังจากเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา มีผู้ป่วยโรคติดเชื้อทางเดินหายใจจำนวนมากกว่าหลายพันราย เดินทางเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงปักกิ่งพร้อมกันจนล้น โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็ก ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่าจะเป็นการระบาดใหญ่ครั้งใหม่
ล่าสุด ทางด้าน มี่เฟิง โฆษกคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน เผยว่า การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยเกิดจากเชื้อไวรัสหลายชนิดรวมกัน โดยส่วนใหญ่เป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่ รวมถึง ไรโนไวรัส (Rhinovirus), เชื้อไมโคพลาสมา (Mycoplasma pneumoniae) ที่ก่อให้เกิดโรคปอดบวม, ไวรัสอาร์เอสวี (RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus) ที่ทำให้เกิดโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ และไวรัสอะดีโน (Adenovirus)
"ควรใช้มาตรการป้องกันและควบคุมโรคระบาดที่มีประสิทธิผลในสถานที่สำคัญ ซึ่งมีประชากรหนาแน่น เช่น โรงเรียน สถานรับเลี้ยงเด็ก และสถานรับเลี้ยงเด็ก รวมถึงการลดการเคลื่อนที่และการเยี่ยมเยียนบุคลากรให้เหลือน้อยที่สุด" มี่เฟิง กล่าว นอกจากนี้ โรงพยาบาลยังได้รับคำสั่งให้ปรับปรุงความสามารถในการจัดระดับผู้ป่วยตามความรุนแรงของการติดเชื้อ เพื่อการกำหนดผู้ป่วยอาการหนักได้ดีขึ้น
ภาพจาก Weibo
ในขณะเดียวกัน หวัง หัวชิง หัวหน้าผู้เชี่ยวชาญด้านระบบภูมิคุ้มกันของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของจีน ได้เน้นย้ำถึงสาเหตุไปในทิศทางเดียวกันว่า เกิดจากความหลากหลายในการติดเชื้อไวรัสระบบทางเดินหายใจในผู้ป่วยแต่ละกลุ่ม โดยแบ่งเป็นช่วงอายุได้ดังนี้
- อายุ 1-4 ปี : ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไรโนไวรัส
- อายุ 5-14 ปี : ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไมโคพลาสมา และไวรัสอะดีโน
- อายุ 15-59 ปี : ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไรโนไวรัส, โควิด 19
- อายุ 60 ปีขึ้นไป : ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไวรัสพาราอินฟลูเอนซาในมนุษย์, และโคโรนาไวรัส
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้ทาง WHO ต้องขอให้จีนให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของโรคระบบทางเดินหายใจในเด็ก ตั้งแต่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ในขณะที่ทางการจีนได้ตอบกลับว่า เบื้องหลังการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของจำนวนผู้ป่วยในครั้งนี้ "ไม่มีเชื้อโรคใหม่หรือเชื้อโรคที่ผิดปกติ"
ภาพจาก Weibo
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post, Shanghai Daily