สรุปต้นจนจบ #หมูเถื่อน เจอตอเอี่ยวนักการเมืองดัง ดีเอสไอนำกำลังค้นห้าง วันต่อมาโดนเด้ง !

          สรุปต้นจนจบเรื่อง หมูเถื่อน จากตู้คอนเทนเนอร์ 161 ตู้ ลามไปสู่การสืบจนเจอตอ ด้านนายกฯ เร่งรัดจัดการ ก่อนสาวไปถึงบริษัทที่ส่งของให้แม็คโคร พอดีเอสไอค้นแม็คโคร วันต่อมาโดนเด้ง

          วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566 กำลังเป็นกระแสในตอนนี้ กับกรณีการจับกุมหมูเถื่อนที่เข้ามาในประเทศไทย ซึ่งเรื่องนี้พบว่า มีความเกี่ยวข้องกับนักการเมือง ผู้ทรงอิทธิพล และนายทุนจำนวนมาก และล่าสุด ผอ.ดีเอสไอ ก็เพิ่งถูกเด้งไปหยก ๆ จากการทำเรื่องหมูเถื่อนล่าช้า

          จุดเริ่มต้นของการลักลอบนำเข้าหมูเถื่อน พบว่า เมื่อปี 2565 มีการระบาดของโรค AFS ในหมู เกิดภาวะขาดแคลนการบริโภคเนื้อหมูในประเทศ กลุ่มนายทุนจึงมีการสั่งนำเข้าเนื้อหมูเถื่อนมาจากต่างประเทศ กักตุน และจำหน่ายทำกำไร

          เมื่อวันที่ 25 กันยายน ได้มีการจับกุมหมูเถื่อนได้ 161 ตู้ น้ำหนักรวมกว่า 4.5 ล้านกิโลกรัม ทางดีเอสไอได้ลงพื้นที่ของกรมปศุสัตว์ จังหวัดสระแก้ว พร้อมกับเจ้าหน้าที่จึงนำหมูเถื่อนมาทำลายฝังกลบ ซึ่งหมูเถื่อน 161 ตู้นี้ มีการนำเข้ามาต่างกรรมต่างวาระ และจากการตรวจสอบข้อมูลพบว่า มีกลุ่มบริษัทประมาณ 9 บริษัท นำเข้าสินค้าที่สำแดงเป็นสินค้าชนิดอื่นอีกประมาณ 2,385 ตู้

พบเบาะแส หมูเถื่อน ต้นทางบอกว่าอาหารแช่แข็ง ปลายทางแหลมฉบังบอกเป็นอย่างอื่น เอกสารเท็จเพียบ

          ด้านรายการ ข่าวสามมิติ ได้รับเบาะแสเกี่ยวเรื่องการนำเข้าหมูเถื่อน ที่พบพิรุธคือ มีเอกสารขอใช้บริการขนส่งจากบริษัทสายเรือแห่งหนึ่ง ส่งถึงท่าเรือแหลมฉบัง โดยท่าเรือต้นทางอยู่ที่เมืองรอทเธอดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ มีกำหนดออกจากต้นทางวันที่ 4 สิงหาคม และถึงปลายทางวันที่ 2 ตุลาคม 2565 ในคอนเทนเนอร์ระบุว่า คืออาหารแช่แข็ง 27 ตัน ซึ่งอาจเป็นเนื้อหมู เนื้อวัว หรือสินค้าประมงก็ได้

          อย่างไรก็ตาม เมื่อสินค้ามาถึงปลายทางที่ท่าเรือแหลมฉบังแล้ว กลับพบว่าสินค้าที่ต้องสำแดงนั้น เปลี่ยนจากสินค้าแช่แข็งที่ต้นทาง เป็นแผ่นโพลิเมอร์ของโพรพิลีน ใช้ในอุตสาหกรรมห้องเย็น และต้นทางถูกเปลี่ยนว่าส่งจากประเทศเนเธอร์แลนด์ เป็นฮ่องกง รวมทั้งตู้คอนเทนเนอร์ชิ้นนี้ถูกยกเว้นการเปิดตรวจ

          ด้านแหล่งข่าวยืนยันว่า ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าว เป็น 1 ใน 10 บริษัทที่นำเข้าหมูเถื่อน ถูกจับได้แล้ว 5 บริษัท ถูกออกหมายจับ 3 บริษัท และอีก 2 บริษัทกำลังเข้ามอบตัว

นายกรัฐมนตรีเร่งรัดจับหมูเถื่อน ดีเอสไอบุกห้องเย็น บอกนำเข้าอาหารทะเล แต่ไม่เจออาหารทะเล

          จากนั้น ในวันที่ 20 พฤศจิกายน นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มีการเร่งรัดเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ขยายผล ตรวจสอบติดตามเรื่องหมูเถื่อนอย่างใกล้ชิด และบอกว่าเรื่องนี้ต้องสาวให้ถึงต้นตอให้ได้ อย่าเอาแค่ตัวเล็ก ๆ ต้องเอาตัวใหญ่ ๆ จะได้จบ เพราะไม่อย่างนั้นเดี๋ยว 6 เดือนก็เกิดขึ้นใหม่อีก

          พร้อม ๆ กับที่ ดีเอสไอ ได้ไปตรวจค้นโรงรับฝากแช่เย็นอาหารแช่แข็งขนาดใหญ่ อำเภอเมืองสมุทรสาคร บนพื้นที่มากกว่า 30 ไร่ ซึ่งเป็นบริษัทนอมินีของการเมืองท้องถิ่นชื่อดัง ที่นำเข้าหมูเถื่อน แต่สำแดงว่าเป็นอาหารทะเลและสินค้าอื่นจากต่างประเทศ

          การตรวจสอบห้องเย็นแห่งนี้ พบเอกสารเท็จที่ระบุว่า นำเข้าอาหารทะเล 282 ตู้คอนเทนเนอร์มาฝากไว้ที่นี่ แต่วันนี้ไม่พบอาหารทะเลดังกล่าวแม้แต่ตู้เดียว แต่พบหลักฐานอื่นที่บ่งชี้ว่า เอกสารของตู้คอนเทนเนอร์กว่า 282 แผ่นนั้น เป็นเอกสารเท็จทั้งหมด และทำให้ดีเอสไอเชื่อว่า เรื่องนี้ต้องมีเจ้าหน้าที่รู้เห็น

ธรรมนัส ชี้ มีนักการเมืองเอี่ยวนำเข้า หมูเถื่อน เป็นสิบราย เศรษฐายันไม่ปล่อยไว้ เปิดชื่อก็ต้องเปิด

          ด้าน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า ได้แถลงเกี่ยวกับเรื่องการตรวจห้องเย็นและจับหมูเถื่อน ว่า มีผู้ที่พัวพันกับเรื่องนี้ มีทั้งอดีตข้าราชการและข้าราชการ หลัก 10 คน และข้าราชการฝ่ายการเมืองไม่ถึง 10 คน  และกลุ่มผู้กระทำผิดได้ซัดทอดไปถึงบุคคลที่สองและสามแล้ว และคาดว่าเรื่องจะสาวไปถึงต้นตอระดับอดีตนักการเมืองใหญ่

          เรื่องนี้มีการส่งให้ ป.ป.ช. พิจารณา โดยบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าหมูเถื่อน 161 ตู้ ถูกแยกเลขคดีออกไป และเดินหน้าสอบสวนเอาผิด และจากบริษัทเหล่านี้ ยังพบเบาะแสอีกกว่า 2,385 ตู้ ที่มีทั้งนักการเมือง ข้าราชการ กลุ่มคนที่มีลักษณะคล้ายกับองค์กรอาชญากรรม มาเกี่ยวข้อง

          จากนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน ได้กล่าวว่า หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับนักการเมืองใหญ่ จะไม่มีการปล่อยไป และยืนยันว่าไม่มี รมต. ในรัฐบาลชุดนี้เกี่ยวข้อง และต้องให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่เกี่ยวข้อง หากถึงเวลาที่ต้องเปิดเผยชื่อนักการเมือง ก็พร้อมที่จะเปิดต่อไป

ดีเอสไอค้นแม็คโคร หลังเอี่ยวบริษัทหมูเถื่อน ด้านแม็คโครยัน พร้อมร่วมมือเต็มที่ หยุดค้าขายกับเจ้านี้นานแล้ว

          ต่อมา ในวันที่ 27 พฤศจิกายน 2566 ดีเอสไอได้นำหมายศาลเข้าตรวจค้นที่บริษัทสยามแม็คโคร เพื่อหาหลักฐานคดีหมูเถื่อน 161 ตู้ หลังพบความเชื่อมโยงว่ามีการนำเข้าหมูเถื่อนมายังบริษัท

          โดยก่อนหน้านี้ ดีเอสไอได้เข้าค้นบริษัท เว้ลท์ซี่ แอนด์ เฮ็ลธ์ซี ฟูดส์ จำกัด และจับกุมผู้ต้องหา 2 ราย และเข้าค้นบริษัทอีก 2 บริษัทที่ 2 คนนี้เป็นเจ้าของ พบพยานหลักฐานสำคัญของการที่บริษัทจำหน่ายหมูเถื่อนให้บริษัทต่าง ๆ และเอกสารการนำเข้าสินค้านั้นเป็นเอกสารเท็จ

          โดยมีสินค้าส่วนหนึ่งคือ เนื้อหมูและตับหมูแช่แข็ง ที่ทางบริษัทส่งให้กับ บริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) ซึ่งทางแม็คโครก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังพบเส้นทางการโอนเงินซื้อขายกว่า 390 ล้านบาท ซึ่งเป็นการโอนเงินซื้อขายปกติ

          ด้านสยามแม็คโครได้เผยว่า แม็คโครยินดีให้ความร่วมมือกับดีเอสไอในการตรวจสอบ โดยก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้มาตรวจสอบที่ศูนย์กระจายสินค้าของแม็คโครที่มหาชัยและวังน้อย และพบว่าเนื้อหมูมีความปลอดภัย ได้คุณภาพ มีแหล่งที่มาตรวจสอบได้ พร้อมกับยืนยันว่า แม็คโครได้ซื้อเนื้อหมูจากแหล่งผลิตในประเทศ 100% มีแหล่งผลิตชัดเจน มีใบรับรองถูกต้อง ส่วนเครื่องในหมู แม็คโครซื้อจากเกษตรกร 99% มีบางช่วงที่ต้องนำเข้า แต่ทุกอย่างเป็นไปอย่างถูกกฎหมาย มีใบอนุญาตการนำเข้า อนุญาตเคลื่อนย้ายอย่างถูกต้อง

          ส่วนการทำงานกับบริษัทที่ถูกจับนั้น เพราะเป็นคู่ค้ากันมาหลาย นอกจากเนื้อหมูแล้วยังมีปลาและอาหารทะเล ซึ่งในช่วงที่ตับหมูขาดตลาด บริษัทก็ได้มาเสนอขาย แม็คโครจึงตัดสินใจซื้อ และเมื่อกลางปีที่ผ่านมา พบว่าเนื้อหมูและตับหมูไม่ได้มาตรฐาน แม็คโครจึงหยุดสั่งซื้อ

อธิบดีดีเอสไอ โดนเด้ง หลังจากเข้าตรวจแม็คโคร ส่งข้อความสุดท้าย ทำใจตลอดเวลา

          ในวันนี้ 28 พฤศจิกายน 2566 พบว่า พันตำรวจตรี สุริยา สิงหกมล ตำแหน่งอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงยุติธรรม ได้ถูกเด้งให้ไปรับตำแหน่งรองปลัดกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวงยุติธรรม และทางเฟซบุ๊กของดีเอสไอ ก็ได้โพสต์ภาพของนายสุริยาที่ระบุว่า

          "ทำใจอยู่ตลอดเวลา นับแต่มานั่งเป็นผู้บริหารสูงสุดที่นี่แล้วครับ ว่าต้องถึงวันนี้ แต่ผมเลือกทางเดินและวิถีผมเองตั้งแต่ต้น ไม่เสียใจครับ เพราะทำเต็มที่แล้ว เป็นเกียรติที่ได้ร่วมงานกับทุกท่านครับ"

เปิดต้นทุนหมูเถื่อน กก. ละ 49 บาท ขายห้าง 66 บาท กำไรเหนาะ ๆ ตู้ละ 500,000 บาท

          ต้นทุนหมูเถื่อนนั้น คิดจากสินค้า 1 ตู้ มีน้ำหนัก 27 ตัน (27,000 กิโลกรัม) แต่จะถูกสำแดงราคาแค่ส่วนเดียวเพื่อกดภาษีให้ต่ำ เมื่อรวมค่าดำเนินการ จะทำให้หมู 1 ตู้ มีต้นทุน 867,010 บาท เป็นราคาหน้าด่าน

          จากนั้น จะมีค่าใช้จ่ายที่ทั้งถูกกฎหมายและผิดกฎหมาย ที่ต้องผ่านจากด่านไปถึงห้องเย็น 400,000 กว่าบาท เป็นค่าธุรการ 28,000 บาท รวมต้นทุนทั้งตู้จนถึงห้องเย็น 1.3 ล้านบาท หรือ 49 ต่อกิโลกรัม

          จากนั้น จะนำหมูไปขายให้ห้างสรรพสินค้า 66 บาทต่อกิโลกรัม คิดเป็นเงิน 1 ตู้ 1.8 ล้านบาทต่อกิโลกรัม ได้กำไรกว่า 5 แสนบาทต่อตู้ และรัฐต้องเสียหายทางภาษีมากกว่า 1.5 แสนบาทต่อตู้