x close

ชีวิตพลิกของ ดร. มหาลัย ป่วยใช้ทุนไม่ไหว กลับโดนฟ้องสิบล้าน ช่วงชีวิตหนึ่งกลายเป็นคนเร่ร่อน


          หนูหริ่ง สมบัติ บุญงามอนงค์ ได้เล่าเรื่องเพื่อน เรียนหนักจนได้เป็นดอกเตอร์แต่ป่วยจิตเวชตามมา พอต้องมาใช้ทุนที่มหาวิทยาลัยส่งไป กลับทำงานต่อไม่ได้ โดนมหาวิทยาลัยฟ้องเอาเงินคืนนับสิบล้านบาท ช่วงชีวิตหนึ่งต้องกลายเป็นคนเร่ร่อนเป็นปี ๆ

นักเรียนนอกกลายเป็นคนเร่ร่อน
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล

          วันที่ 2 ธันวาคม 2566 สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือคุณหนูหริ่ง นักกิจกรรมคนดัง ได้ออกมาเล่าถึงดอกเตอร์คนหนึ่ง ที่ชีวิตพลิกผันอย่างหนัก ด้วยอาการป่วยที่สืบเนื่องมาตั้งแต่การเรียนปริญญาเอก จากคนที่มีอนาคตอันสดใสและการงานดี แต่ด้วยโรคร้ายที่ล้อมเข้ามาทำให้เธอไปทำงานไม่ไหว และทางมหาวิทยาลัยดังทางภาคเหนือแห่งหนึ่งได้ตัดสินใจฟ้องเธอ จนทำให้ช่วงชีวิตหนึ่งนั้นเธอต้องเร่ร่อนอยู่ที่เชียงราย

          ทั้งนี้ หนูหริ่ง ได้เผยว่า ดอกเตอร์คนดังกล่าวเป็นลูกสาวในครอบครัวคนไทยที่มีพี่น้องหลายคน ในวัยเด็กที่บ้านค่อนข้างจน พี่ ๆ เลยส่งให้เธอเรียน และเธอก็ได้เรียนจนจบปริญญาเอกด้วยทุนจากกระทรวงวิทยาศาสตร์ และทุนจากมหาวิทยาลัยดังทางภาคเหนือ

          ในขณะที่เรียนปริญญาเอกที่อังกฤษ ดอกเตอร์กลับต้องป่วยด้วยโรคจิตเวช แต่เนื่องจากระบบและกระบวนการรักษาของมหาวิทยาลัยดี ดอกเตอร์เลยสามารถกลับมาเรียนจนจบ และกลับมาเมืองไทยเพื่อใช้ทุนที่มหาวิทยาลัย

          แต่เมื่อทำงานไปสักระยะ อาการป่วยของดอกเตอร์กำเริบ เธอไม่สามารถทำงานและควบคุมตัวเองได้ ผู้บริหารจึงขอให้เธอลาออก เธอจึงเขียนอีเมล์ลาออกแม้ตอนนั้นยังใช้ทุนการศึกษาไม่ครบ และพบว่าต่อมา มหาวิทยาลัยที่เคยให้ทุนและโอกาสทำงาน กลับมาฟ้องร้องเธอเป็นเงินนับสิบล้านบาท

ประเทศอังกฤษ

ช่วงชีวิตที่แย่ จากดอกเตอร์สู่คนเร่ร่อนในเชียงราย แม้ดีขึ้นยังถูกฟ้องจนล้มละลาย ศาลไม่มองว่ากำลังป่วย


          ในช่วงที่แย่ที่สุด ทางดอกเตอร์ได้เดินเร่ร่อนที่เชียงราย ขี่จักรยานจากในเมืองไปที่ อ.แม่จัน คนเดียว ไม่อาบน้ำ ใส่เสื้อผ้าตัวเดิมเป็นปี และกว่าจะได้เข้าสู่กระบวนการรักษาก็หลายปี ในตอนนี้อาการจิตเวชของดอกเตอร์ดีขึ้นแล้ว แต่กลับต้องมาเผชิญหน้ากับปัญหาใหม่คือ เธอถูกฟ้องร้องจนต้องเป็นบุคคลล้มละลาย พี่ชายที่ช่วยเซ็นรับประกันเรื่องทุนให้ก็ต้องเดือดร้อนไปด้วย

          ทางดอกเตอร์ได้สู้ไปตามกระบวนการศาล และยืนยันว่าเธอมีอาการป่วย ซึ่งตามระเบียบของกระทรวงวิทย์ฯ ได้ยกเว้นอาการเจ็บป่วยที่ไม่สามารถทำงานได้ แต่ทางมหาวิทยาลัยกลับสู้ในประเด็นที่ว่า เธอลาออกและไม่กลับมาใช้ทุน ศาลมองแค่ว่าเธอใช้ทุนหรือเปล่า ไม่ได้มองว่าเธอป่วยจนใช้ทุนไม่ได้ ทำให้การต่อสู้ในศาลครั้งนี้ เธอต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในศาลชั้นต้น และกำลังอยู่ระหว่างการอุทธรณ์

          ในตอนนี้ ทางดอกเตอร์ได้ซึ่งมีอาการดีขึ้น ได้กลับมาทำงานกับมูลนิธิหนึ่งของหน่วยงานรัฐ อันถือเป็นการทำงานครั้งแรกในรอบ 10 ปี เธอมีความสุขที่ได้ออกมาเจอผู้คน แม้ว่าทางหัวหน้างานจะบอกว่างานวิจัยของเธอนั้นสามารถทำที่บ้านได้ก็ตาม

ชีวิตกลับมานับหนึ่งใหม่ พร้อมฝากข้อคิดสำคัญ ความกดดันทางการศึกษาอาจเป็นหนึ่งในสาเหตุของโรค


          ด้านคุณหนูหริ่งได้มาทิ้งท้ายว่า เมื่อตนทราบว่าดอกเตอร์ได้รับงานทำ ตนก็ให้มาเลือกเสื้อผ้า รองเท้า สิ่งของจำเป็นในการใช้ที่มูลนิธิกระจกเงา และหนูหริ่งก็โอนเงินให้ดอกเตอร์เพื่อเป็นเงินก้นถุงสำหรับเริ่มงานวันแรก ดอกเตอร์ได้แวะมาที่มูลนิธิและเอาไป ในส่วนของคดีความนั้น ได้มีอาจารย์ด้านกฎหมายยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือแล้ว

          เรื่องนี้คุณหนูหริ่งได้ฝากไว้ว่า รากหนึ่งของปัญหาคือแรงบีบคั้นจากการศึกษา แม้เธอจะเรียนจนจบแต่ผลกระทบก็ยังตามติด และไม่ใช่ว่าทุกคนจะรับมือได้ หนูหริ่งเคยมีการแลกเปลี่ยนกับคนอื่นเช่นกันและมองว่า การศึกษาเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่โรคจิตเวช ก่อนหน้านี้เราอาจจะได้ยินว่าเรียนจนเป็นบ้า มันมีที่มา และเป็นเรื่องที่ควรทำให้เกิดความรู้และมีระบบในการรับมือกับปัญหาด้วย
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ชีวิตพลิกของ ดร. มหาลัย ป่วยใช้ทุนไม่ไหว กลับโดนฟ้องสิบล้าน ช่วงชีวิตหนึ่งกลายเป็นคนเร่ร่อน โพสต์เมื่อ 2 ธันวาคม 2566 เวลา 15:23:31 198,219 อ่าน
TOP