ชายใจพัง ติดคุกเพราะปกป้องพี่เขย สุดท้ายกลับถูกแย่งเมีย พาหนีไปด้วยกัน ทิ้งลูกชายวัย 12 ปีไว้ สุดท้ายมาออกทีวีเพื่อตรวจดีเอ็นเอ โลกถล่มอีกครั้ง
วันที่ 3 ธันวาคม 2566 เว็บไซต์ Tri Thuc & Cuoc Song รายงานเรื่องราวสะเทือนใจของ สวีกั่วซิง (นามสมมติ) ชายจากมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ที่ต้องติดคุกเป็นเวลานาน 2 ปีจากการกระทำเพื่อปกป้องพี่เขย แต่กลับต้องใจสลายเมื่อออกจากคุกมาพบว่า พี่เขยผู้นี้ลอบเป็นชู้กับภรรยาของเขา และพากันหนีไปโดยทิ้งลูกชายที่ยังเล็กไว้ อย่างไรก็ตาม โชคร้ายของเขายังไม่หมดเท่านั้น เมื่อผลตรวจดีเอ็นเอของเขากับลูกชาย กลับยิ่งเผยความจริงเจ็บปวดใจ
รายงานจาก baidu เผยว่า สวีกั่วซิง เกิดมาในครอบครัวเกษตรกรที่ยากจน เขามีพี่สาว 2 คน ขณะที่ตัวเขาเองเรียนไม่จบ ทำให้ไม่สามารถหางานทำดี ๆ ในตัวเมืองได้ ต้องกลับมาทำการเกษตรต่อที่บ้านเกิด กระทั่งอายุ 25 ปี ก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงจากหมู่บ้านข้างเคียง ที่ดูเป็นคนดี รับสภาพของเขาได้ และพ่อแม่เขาก็ยอมจ่ายสินสอดราคาแพงเพื่อให้เขาได้สร้างครอบครัว
สวีกั่วซิงแต่งงานได้ไม่นาน ภรรยาก็คลอดลูกชาย ทำให้เขาดีใจมากและยิ่งตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัว ชีวิตของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่งทุก ๆ อย่างจะเปลี่ยนไป
ตอนที่ลูกชายของเขาอายุ 10 ขวบ อยู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับชนกำแพงบ้านของสวีกั่วซิงจนเสียหาย คนขับรถเห็นชาวบ้านมุงดูกันมากมายเลยร้องขอให้สวีกั่วซิงไปเจรจาเรื่องค่าเสียหายที่บ้านตัวเอง สวีกั่วซิงจึงชวนพี่เขยไปบ้านคู่กรณีด้วยกัน แต่เมื่อไปถึงคู่กรณีกลับพลิกลิ้น ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ซ้ำยังพูดจาหยาบคายดูถูกพวกเขา และเข้ามาผลัก
พี่เขยของสวีกั่วซิงเป็นคนหัวร้อน ทำให้โกรธจัด แต่ในขณะที่การโต้เถียงรุนแรงขึ้น สวีกั่วซิงพยายามจะห้ามไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายลงไม้ลงมือกัน เพราะคู่กรณีเป็นคนตัวใหญ่และแข็งแรง พี่เขยอาจจะเป็นฝ่ายแย่ซะเอง สุดท้ายสวีกั่วซิงที่หันไปเห็นท่อนเหล็กอยู่ไม่ไกล จึงวิ่งเข้าไปคว้าท่อนเหล็กมาฟาดศีรษะคู่กรณีเพื่อปกป้องพี่เขย ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเล็กน้อย
ผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พี่เขยของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่สวีกั่วซิงกลับเป็นฝ่ายถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกาย และต้องติดคุกนานถึง 2 ปี
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคม 2559 ตอนที่สวีกั่วซิงถูกปล่อยตัวออกจากคุกและกำลังเดินกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านคุยกัน โดยมีคนพูดถึงเขาว่า "ฉันได้ยินว่าเขาติดคุกเพราะพี่เขย ไม่รู้ตอนนี้จะนึกเสียใจไหม" และ "น่าสงสารนะ เขาจะทำยังไงถ้ากลับไปบ้านพบว่าพี่สาวเป็นบ้าไปแล้ว"
สวีกั่วซิงได้ยินก็ตกใจ รีบเข้าไปสอบถามทันที และก็ได้รับคำตอบจากชาวบ้านคนนั้นว่า "นายไม่รู้เหรอ เมียนายแอบเป็นชู้กับพี่เขย และหนีไปด้วยกันแล้ว ส่วนพี่สาวนายก็เป็นบ้าไปแล้ว"
เมื่อเขากลับไปถึงบ้าน สวีกั่วซิงก็พบว่าครอบครัวของเขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นอกจากเขาจะถูกสวมเขา พี่สาวคนรองของเขายังกลายเป็นคนสติไม่ดี กลายเป็นว่าตอนที่เขาติดคุกอยู่นั้น พี่สาวเกิดจับได้ว่าสามีตัวเองแอบมีเซ็กส์กับภรรยาของน้องชาย หญิงร้ายชายเลวจึงตัดสินใจหนีตามกันไป ทิ้งลูกชายไว้ไม่เหลียวแล
สวีกั่วซิงทั้งโกรธและเกลียดทั้งคู่มาก เขาใช้เวลาไม่นานในการตามหาที่อยู่ของทั้งคู่ และบุกไปหาภรรยาถึงบ้าน เมื่อไปถึงก็พบว่ามีทารกอายุไม่ถึงขวบอยู่บนเตียง เด็กคนนี้ไม่มีทางเป็นลูกของเขา แต่เป็นลูกของภรรยากับพี่เขย
แม้สวีกั่วซิงจะโกรธจัดจนอยากฆ่าคน แต่เขาก็กัดฟันเดินจากมา เพราะเขายังมีพ่อแม่ที่แก่ชรา รวมถึงลูกชายวัย 12 ปี และพี่สาวที่ต้องดูแล อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขากลับเริ่มสงสัยว่าหลานชายอาจไม่ใช่หลานแท้ ๆ เพราะได้ยินคนในหมู่บ้านลือกันว่าภรรยาของสวีกั่วซิงนั้นไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยมาตั้งแต่แรก แต่เคยขึ้นเตียงกับผู้ชายก่อนแต่งงานด้วยซ้ำ
สวีกั่วซิงที่อยากมีชีวิตสงบสุข ตัดสินใจที่จะตรวจดีเอ็นเอกับลูกชายตามความต้องการของพ่อแม่ หวังว่าจะช่วยทำให้พวกท่านสบายใจ แต่เพราะเขาเพิ่งออกจากคุก ไม่มีงาน และไม่มีเงิน จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมรายการโทรทัศน์ ที่จะช่วยดำเนินการตรวจดีเอ็นเอให้
เมื่อสวีกั่วซิงปรากฏตัวในสภาพผอมแห้งและผิวหนังเต็มไปด้วยริ้วรอย ผู้ชมที่ได้รับฟังเรื่องราวของเขาต่างก็เห็นใจเขาอย่างมาก แม้แต่แพทย์ที่ทำการตรวจดีเอ็นเอให้พ่อลูกก็ยังต้องกลั้นน้ำตา อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่สวีกั่วซิงเฝ้ารอ โลกของเขาก็ต้องพังทลายอีกครั้ง เมื่อแพทย์ได้แจ้งว่า เขากับลูกชายไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกัน
โชคชะตาของชายคนนี้ทำให้ผู้ชมต่างรู้สึกเห็นใจมาก นอกจากเขาจะติดคุกเพื่อปกป้องพี่เขย แต่กลับถูกสวมเขาแย่งภรรยาไป แม้แต่ลูกชายที่รักและดูแลมานานก็ยังกลายเป็นลูกคนอื่น กลายเป็นว่าภรรยาของเขาลักลอบได้เสียกับพี่เขยตั้งแต่แต่งงานได้ไม่นาน และพ่อแท้ ๆ ของลูกชายก็คือพี่เขยนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้ความจริงที่โหดร้าย สวีกั่วซิงกลับบอกเพียงว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ต่อไปให้ดี เขาจะยังรักและเลี้ยงเด็กคนนี้ต่อไป เขารักเด็กคนนี้มานานหลายปี จึงไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งลูกคนนี้ไปได้
หัวใจที่ยิ่งใหญ่ของเขาทำให้ผู้ชมตื้นตันใจมาก ขณะเดียวกันสังคมยังพากันวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายภรรยาและพี่เขย ที่ไม่เพียงแต่จะประพฤติผิดศีลธรรม ยังใจดำขนาดพากันหนีไปและมีลูกด้วยกันเพิ่มอีก ขณะที่สวีกั่วซิงยังรับโทษอยู่
ขอบคุณข้อมูลจาก Tri Thuc & Cuoc Song, baidu
วันที่ 3 ธันวาคม 2566 เว็บไซต์ Tri Thuc & Cuoc Song รายงานเรื่องราวสะเทือนใจของ สวีกั่วซิง (นามสมมติ) ชายจากมณฑลเหลียวหนิง ประเทศจีน ที่ต้องติดคุกเป็นเวลานาน 2 ปีจากการกระทำเพื่อปกป้องพี่เขย แต่กลับต้องใจสลายเมื่อออกจากคุกมาพบว่า พี่เขยผู้นี้ลอบเป็นชู้กับภรรยาของเขา และพากันหนีไปโดยทิ้งลูกชายที่ยังเล็กไว้ อย่างไรก็ตาม โชคร้ายของเขายังไม่หมดเท่านั้น เมื่อผลตรวจดีเอ็นเอของเขากับลูกชาย กลับยิ่งเผยความจริงเจ็บปวดใจ
รายงานจาก baidu เผยว่า สวีกั่วซิง เกิดมาในครอบครัวเกษตรกรที่ยากจน เขามีพี่สาว 2 คน ขณะที่ตัวเขาเองเรียนไม่จบ ทำให้ไม่สามารถหางานทำดี ๆ ในตัวเมืองได้ ต้องกลับมาทำการเกษตรต่อที่บ้านเกิด กระทั่งอายุ 25 ปี ก็ได้แต่งงานกับผู้หญิงจากหมู่บ้านข้างเคียง ที่ดูเป็นคนดี รับสภาพของเขาได้ และพ่อแม่เขาก็ยอมจ่ายสินสอดราคาแพงเพื่อให้เขาได้สร้างครอบครัว
สวีกั่วซิงแต่งงานได้ไม่นาน ภรรยาก็คลอดลูกชาย ทำให้เขาดีใจมากและยิ่งตั้งใจทำงานเพื่อครอบครัว ชีวิตของเขาดำเนินไปอย่างราบรื่น แต่ใครจะคิดว่าวันหนึ่งทุก ๆ อย่างจะเปลี่ยนไป
ตอนที่ลูกชายของเขาอายุ 10 ขวบ อยู่ ๆ ก็มีรถบรรทุกคันหนึ่งขับชนกำแพงบ้านของสวีกั่วซิงจนเสียหาย คนขับรถเห็นชาวบ้านมุงดูกันมากมายเลยร้องขอให้สวีกั่วซิงไปเจรจาเรื่องค่าเสียหายที่บ้านตัวเอง สวีกั่วซิงจึงชวนพี่เขยไปบ้านคู่กรณีด้วยกัน แต่เมื่อไปถึงคู่กรณีกลับพลิกลิ้น ไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย ซ้ำยังพูดจาหยาบคายดูถูกพวกเขา และเข้ามาผลัก
พี่เขยของสวีกั่วซิงเป็นคนหัวร้อน ทำให้โกรธจัด แต่ในขณะที่การโต้เถียงรุนแรงขึ้น สวีกั่วซิงพยายามจะห้ามไม่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายลงไม้ลงมือกัน เพราะคู่กรณีเป็นคนตัวใหญ่และแข็งแรง พี่เขยอาจจะเป็นฝ่ายแย่ซะเอง สุดท้ายสวีกั่วซิงที่หันไปเห็นท่อนเหล็กอยู่ไม่ไกล จึงวิ่งเข้าไปคว้าท่อนเหล็กมาฟาดศีรษะคู่กรณีเพื่อปกป้องพี่เขย ทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บเล็กน้อย
ผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ พี่เขยของเขาไม่ได้รับบาดเจ็บใด ๆ แต่สวีกั่วซิงกลับเป็นฝ่ายถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกาย และต้องติดคุกนานถึง 2 ปี
อย่างไรก็ตาม ในเดือนกรกฎาคม 2559 ตอนที่สวีกั่วซิงถูกปล่อยตัวออกจากคุกและกำลังเดินกลับบ้าน ก็ได้ยินเสียงชาวบ้านคุยกัน โดยมีคนพูดถึงเขาว่า "ฉันได้ยินว่าเขาติดคุกเพราะพี่เขย ไม่รู้ตอนนี้จะนึกเสียใจไหม" และ "น่าสงสารนะ เขาจะทำยังไงถ้ากลับไปบ้านพบว่าพี่สาวเป็นบ้าไปแล้ว"
สวีกั่วซิงได้ยินก็ตกใจ รีบเข้าไปสอบถามทันที และก็ได้รับคำตอบจากชาวบ้านคนนั้นว่า "นายไม่รู้เหรอ เมียนายแอบเป็นชู้กับพี่เขย และหนีไปด้วยกันแล้ว ส่วนพี่สาวนายก็เป็นบ้าไปแล้ว"
เมื่อเขากลับไปถึงบ้าน สวีกั่วซิงก็พบว่าครอบครัวของเขาเปลี่ยนไปแล้วจริง ๆ นอกจากเขาจะถูกสวมเขา พี่สาวคนรองของเขายังกลายเป็นคนสติไม่ดี กลายเป็นว่าตอนที่เขาติดคุกอยู่นั้น พี่สาวเกิดจับได้ว่าสามีตัวเองแอบมีเซ็กส์กับภรรยาของน้องชาย หญิงร้ายชายเลวจึงตัดสินใจหนีตามกันไป ทิ้งลูกชายไว้ไม่เหลียวแล
สวีกั่วซิงทั้งโกรธและเกลียดทั้งคู่มาก เขาใช้เวลาไม่นานในการตามหาที่อยู่ของทั้งคู่ และบุกไปหาภรรยาถึงบ้าน เมื่อไปถึงก็พบว่ามีทารกอายุไม่ถึงขวบอยู่บนเตียง เด็กคนนี้ไม่มีทางเป็นลูกของเขา แต่เป็นลูกของภรรยากับพี่เขย
แม้สวีกั่วซิงจะโกรธจัดจนอยากฆ่าคน แต่เขาก็กัดฟันเดินจากมา เพราะเขายังมีพ่อแม่ที่แก่ชรา รวมถึงลูกชายวัย 12 ปี และพี่สาวที่ต้องดูแล อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้นพ่อแม่ของเขากลับเริ่มสงสัยว่าหลานชายอาจไม่ใช่หลานแท้ ๆ เพราะได้ยินคนในหมู่บ้านลือกันว่าภรรยาของสวีกั่วซิงนั้นไม่ใช่ผู้หญิงเรียบร้อยมาตั้งแต่แรก แต่เคยขึ้นเตียงกับผู้ชายก่อนแต่งงานด้วยซ้ำ
สวีกั่วซิงที่อยากมีชีวิตสงบสุข ตัดสินใจที่จะตรวจดีเอ็นเอกับลูกชายตามความต้องการของพ่อแม่ หวังว่าจะช่วยทำให้พวกท่านสบายใจ แต่เพราะเขาเพิ่งออกจากคุก ไม่มีงาน และไม่มีเงิน จึงตัดสินใจเข้ามาร่วมรายการโทรทัศน์ ที่จะช่วยดำเนินการตรวจดีเอ็นเอให้
เมื่อสวีกั่วซิงปรากฏตัวในสภาพผอมแห้งและผิวหนังเต็มไปด้วยริ้วรอย ผู้ชมที่ได้รับฟังเรื่องราวของเขาต่างก็เห็นใจเขาอย่างมาก แม้แต่แพทย์ที่ทำการตรวจดีเอ็นเอให้พ่อลูกก็ยังต้องกลั้นน้ำตา อย่างไรก็ตาม เมื่อถึงเวลาที่สวีกั่วซิงเฝ้ารอ โลกของเขาก็ต้องพังทลายอีกครั้ง เมื่อแพทย์ได้แจ้งว่า เขากับลูกชายไม่มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกัน
โชคชะตาของชายคนนี้ทำให้ผู้ชมต่างรู้สึกเห็นใจมาก นอกจากเขาจะติดคุกเพื่อปกป้องพี่เขย แต่กลับถูกสวมเขาแย่งภรรยาไป แม้แต่ลูกชายที่รักและดูแลมานานก็ยังกลายเป็นลูกคนอื่น กลายเป็นว่าภรรยาของเขาลักลอบได้เสียกับพี่เขยตั้งแต่แต่งงานได้ไม่นาน และพ่อแท้ ๆ ของลูกชายก็คือพี่เขยนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม แม้จะรู้ความจริงที่โหดร้าย สวีกั่วซิงกลับบอกเพียงว่าเขาจะเลี้ยงดูเด็กคนนี้ต่อไปให้ดี เขาจะยังรักและเลี้ยงเด็กคนนี้ต่อไป เขารักเด็กคนนี้มานานหลายปี จึงไม่มีทางที่เขาจะทอดทิ้งลูกคนนี้ไปได้
หัวใจที่ยิ่งใหญ่ของเขาทำให้ผู้ชมตื้นตันใจมาก ขณะเดียวกันสังคมยังพากันวิพากษ์วิจารณ์ฝ่ายภรรยาและพี่เขย ที่ไม่เพียงแต่จะประพฤติผิดศีลธรรม ยังใจดำขนาดพากันหนีไปและมีลูกด้วยกันเพิ่มอีก ขณะที่สวีกั่วซิงยังรับโทษอยู่
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Tri Thuc & Cuoc Song, baidu
