เปิดเรื่องราว ครูชัยยศ เซ็นตรวจรับให้เด็ก ม.ต้นได้แบ่งอาหารกินนกับน้องประถม กลับโดนชี้มูลความผิดโดย ปปช. ด้านลูกศิษย์บางส่วนมาร้องก็ไม่เป็นผล ถูกให้ออกจากราชการ ต้องมายืนขายโรตี
วันที่ 7 ธันวาคม 2566 กำลังเป็นเรื่องราวที่คนแชร์ต่อกันเป็นอย่างมาก กับเรื่องราวของครูชัยยศ สุขค้อ ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ ต้องมาขายโรตีประทังชีวิต หลังจากที่ครูไปเซ็นตรวจรับเรื่องอาหารกลางวัน จากที่มีงบให้เด็กอนุบาลและประถมศึกษา แต่ทางโรงเรียนได้เจียดงบส่วนนี้มาดูและเด็ก ม.ต้นด้วย จนถูกชี้มูลว่าเป็นการทุจริต
เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้บอกเล่าเรื่องราวของครูชัยยศ ครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3)ว่า ครูชัยยศอยู่สอนอยู่ในโรงเรียนบ้านยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมต้น เด็ก ๆ ล้วนยากจนและขาดโอกาส แต่ทางรัฐบาลกลับมีงบประมาณอาหารกลางวันที่จัดสรรมาให้ เพียงพอแค่กับนักเรียนชั้นอนุบาลและประถมศึกษาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหารของโรงเรียนได้พยายามเจียดงบนี้ เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่กินนอนได้กินอาหารกลางวันด้วย นักเรียน ม.ต้น กลุ่มนี้มักเป็นนักเรียนยากจน ไม่มีเงินมาโรงเรียน และไม่ได้อยู่กับผู้ปกคคอง และต่อมามีผู้รายงานความผิดปกตินี้ต่อ ป.ป.ช. ว่ามีการใช้งบทุจริตในการจัดซื้ออาหารกลางวัน ตั้งแต่ปี 2562 ครูชัยยศในฐานะผู้เซ็นตรวจรับ และไม่รอบคอบมากพอ จึงโดนหางเลขไปด้วย
ครูชัยยศ ถูก ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบเมื่อปี 2563 และตรวจพบว่ามีมูลความผิดจริง จึงถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิด ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมกับคณะกรรมการ 4 คน ได้แก่ ผอ. โรงเรียน, ครูอีก 2 คน (มีครูคนหนึ่งย้ายไปอยู่ในพื้นที่ สพป.4 และอยู่ระหว่างการดำเนินพิจารณาความผิด) และ ครูชัยยศเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ซึ่งทั้งหมดต่างปฏิเสธว่าไม่มีส่วนร่วมในการทุจริต
จนกระทั่งวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา ได้มีคำสั่งให้ครูชัยยศ ปลดให้พ้นจากราชการ จึงทำให้ครูชัยยศต้องเปลี่ยนไปขายโรตีเพื่อเลี้ยงชีพแทน
ด้านเรื่องเล่าเช้านี้ เผยความรู้สึกของครูชัยยศ ครูชัยยศบอกว่า ตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะตนทำหน้าที่ตรวจสอบ นับจำนวนไข่ 10 แผง หมู 10 กก. และตนถูกชี้มูลว่าเอื้อให้เกิดการทุจริต ตนเสียใจ เนื่องจากการตรวจรับไปอยู่ในเอกสารหน้าเดียวกัน ตนยึดเอกสารเป็นหลักที่บอกให้ตรวจรับอาหารกลางวัน เรื่องราคา เรื่องจัดซื้อ ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง
ในขณะที่เฟซบุ๊ก วันนั้นเมื่อฉันสอน ได้กล่าววว่า ทางครูชัยยศเองก็ยอมรับว่าตนไม่ได้มีความรอบคอบมากพอ เนื่องจากการเบิกจ่ายนั้นไม่เป็นไปตามระเบียบ แต่ไม่ว่าจะทำความดี หรือได้รับรางวัลครูดีเด่นมามากแค่ไหน ส่งนักเรียนจนเรียนจบปริญญาตรี อุทิศเวลาสอนเด็ก แต่สุดท้าย ชีวิตข้าราชการก็ต้องหยุด ทางเพจได้คุยกับครูชัยยศ และครูก็เหมือนรับสภาพไปแล้ว สูญสิ้นศรัทธาต่อความดีงาม
ครูชัยยศ ได้สละเงินตัวเองส่งเสียลูกศิษย์ บ่มเพาะสั่งสอนจนลูกศิษย์มีการมีงาน ครูมั่นใจว่าตนไม่ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำนี้ ครูชัยยศไม่ได้มีความรู้ในเรื่องพัสดุ แต่ต้องมาจบเส้นทางชีวิตราชการเพราะมีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับ และด้วยคำตัดสินที่เด็ดขาด การลงโทษอย่างไม่รอมชอม และถูกตราหน้าว่าทุจริต ทั้งที่ไม่ได้เคยได้รับประโยชน์อันใด
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ครูรุ่นใหม่ว่า ถ้าอยากอยู่จนเกษียณ ไม่อยากออกจากราชการ อย่าไปยุ่งกับงานตรวจรับ ไม่แน่ใจอย่าเซ็น ไม่ละเอียดอย่าเซ็น ถ้าผิดจะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะไม่มีความดีใดปกป้องคุณ และเรื่องจะยังเป็นชะตากรรมของครูไทยสืบไป
ทางเพจยังได้เผยให้เห็นถึงจดหมายจากลูกศิษย์ครูชัยยศ ที่มีทั้งเขียนมือ ทั้งพิมพ์ บอกเล่าเรื่องราวการเรียนการสอนกับครูชัยยศ หลายคนไม่เคยได้รับโอกาสในการศึกษา ก็ได้ครูชัยยศช่วยฝึกสอนและพัฒนาการวาดรูปให้ เมื่อไม่มีเงินเติมน้ำมันมาเรียนหนังสือ ก็ได้ครูช่วยออกเงินให้ บางคนได้รับการถ่ายทอดวิชาศิลปะจากครูชัยยศ จนสามารถสอบและรับราชการเป็นครูศิลปะ เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากครูชัยยศ และบางคนสามารถก้าวหน้าในอาชีพ ได้ไปประกวดผลงานระดับประเทศ เพราะครูชัยยศ
นอกจากนี้ยังพบว่า ครูชัยยศพูดได้หลายภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาปกาเกอญอ ภาษากะเหรี่ยงโปร์ และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ครูชัยยศยังมาสอนหนังสือให้นักเรียน บางครั้งเมื่อนักเรียนจบออกไปแล้ว ครูยังช่วยหาทุนการศึกษาให้ หลายคนมีอาชีพที่ดี มีการงานทำ และสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ ก็เพราะครูชัยยศ
วันที่ 7 ธันวาคม 2566 กำลังเป็นเรื่องราวที่คนแชร์ต่อกันเป็นอย่างมาก กับเรื่องราวของครูชัยยศ สุขค้อ ที่ถูกคำสั่งให้ออกจากราชการ ต้องมาขายโรตีประทังชีวิต หลังจากที่ครูไปเซ็นตรวจรับเรื่องอาหารกลางวัน จากที่มีงบให้เด็กอนุบาลและประถมศึกษา แต่ทางโรงเรียนได้เจียดงบส่วนนี้มาดูและเด็ก ม.ต้นด้วย จนถูกชี้มูลว่าเป็นการทุจริต
เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้บอกเล่าเรื่องราวของครูชัยยศ ครูชำนาญการพิเศษ (คศ.3)ว่า ครูชัยยศอยู่สอนอยู่ในโรงเรียนบ้านยางเปา อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ ซึ่งเป็นโรงเรียนขยายโอกาส เปิดสอนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมัธยมต้น เด็ก ๆ ล้วนยากจนและขาดโอกาส แต่ทางรัฐบาลกลับมีงบประมาณอาหารกลางวันที่จัดสรรมาให้ เพียงพอแค่กับนักเรียนชั้นอนุบาลและประถมศึกษาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ทางผู้บริหารของโรงเรียนได้พยายามเจียดงบนี้ เพื่อให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่กินนอนได้กินอาหารกลางวันด้วย นักเรียน ม.ต้น กลุ่มนี้มักเป็นนักเรียนยากจน ไม่มีเงินมาโรงเรียน และไม่ได้อยู่กับผู้ปกคคอง และต่อมามีผู้รายงานความผิดปกตินี้ต่อ ป.ป.ช. ว่ามีการใช้งบทุจริตในการจัดซื้ออาหารกลางวัน ตั้งแต่ปี 2562 ครูชัยยศในฐานะผู้เซ็นตรวจรับ และไม่รอบคอบมากพอ จึงโดนหางเลขไปด้วย
ครูชัยยศ ถูก ป.ป.ช. เข้าตรวจสอบเมื่อปี 2563 และตรวจพบว่ามีมูลความผิดจริง จึงถูก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดทางอาญา ฐานเป็นเจ้าพนักงานกระทำความผิด ฐานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ พร้อมกับคณะกรรมการ 4 คน ได้แก่ ผอ. โรงเรียน, ครูอีก 2 คน (มีครูคนหนึ่งย้ายไปอยู่ในพื้นที่ สพป.4 และอยู่ระหว่างการดำเนินพิจารณาความผิด) และ ครูชัยยศเป็นผู้ถูกกล่าวหาที่ 4 ซึ่งทั้งหมดต่างปฏิเสธว่าไม่มีส่วนร่วมในการทุจริต
จนกระทั่งวันที่ 30 พฤศจิกายน 2566 คณะอนุกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษาประจำเขตพื้นที่การศึกษา ได้มีคำสั่งให้ครูชัยยศ ปลดให้พ้นจากราชการ จึงทำให้ครูชัยยศต้องเปลี่ยนไปขายโรตีเพื่อเลี้ยงชีพแทน
เปิดใจครูชัยยศ โดนปลดจากราชการทั้งที่ไม่ได้ประโยชน์ ด้านลูกศิษย์ส่งคำร้องคัดค้าน มีวันนี้ได้เพราะครูชัยยศ
ด้านเรื่องเล่าเช้านี้ เผยความรู้สึกของครูชัยยศ ครูชัยยศบอกว่า ตนรู้สึกว่าไม่เป็นธรรม เพราะตนทำหน้าที่ตรวจสอบ นับจำนวนไข่ 10 แผง หมู 10 กก. และตนถูกชี้มูลว่าเอื้อให้เกิดการทุจริต ตนเสียใจ เนื่องจากการตรวจรับไปอยู่ในเอกสารหน้าเดียวกัน ตนยึดเอกสารเป็นหลักที่บอกให้ตรวจรับอาหารกลางวัน เรื่องราคา เรื่องจัดซื้อ ตนไม่ได้เกี่ยวข้อง
ในขณะที่เฟซบุ๊ก วันนั้นเมื่อฉันสอน ได้กล่าววว่า ทางครูชัยยศเองก็ยอมรับว่าตนไม่ได้มีความรอบคอบมากพอ เนื่องจากการเบิกจ่ายนั้นไม่เป็นไปตามระเบียบ แต่ไม่ว่าจะทำความดี หรือได้รับรางวัลครูดีเด่นมามากแค่ไหน ส่งนักเรียนจนเรียนจบปริญญาตรี อุทิศเวลาสอนเด็ก แต่สุดท้าย ชีวิตข้าราชการก็ต้องหยุด ทางเพจได้คุยกับครูชัยยศ และครูก็เหมือนรับสภาพไปแล้ว สูญสิ้นศรัทธาต่อความดีงาม
ครูชัยยศ ได้สละเงินตัวเองส่งเสียลูกศิษย์ บ่มเพาะสั่งสอนจนลูกศิษย์มีการมีงาน ครูมั่นใจว่าตนไม่ได้รับผลประโยชน์จากการกระทำนี้ ครูชัยยศไม่ได้มีความรู้ในเรื่องพัสดุ แต่ต้องมาจบเส้นทางชีวิตราชการเพราะมีชื่อเป็นกรรมการตรวจรับ และด้วยคำตัดสินที่เด็ดขาด การลงโทษอย่างไม่รอมชอม และถูกตราหน้าว่าทุจริต ทั้งที่ไม่ได้เคยได้รับประโยชน์อันใด
เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์ให้ครูรุ่นใหม่ว่า ถ้าอยากอยู่จนเกษียณ ไม่อยากออกจากราชการ อย่าไปยุ่งกับงานตรวจรับ ไม่แน่ใจอย่าเซ็น ไม่ละเอียดอย่าเซ็น ถ้าผิดจะมาอ้างว่าไม่รู้ไม่ได้ เพราะไม่มีความดีใดปกป้องคุณ และเรื่องจะยังเป็นชะตากรรมของครูไทยสืบไป
ทางเพจยังได้เผยให้เห็นถึงจดหมายจากลูกศิษย์ครูชัยยศ ที่มีทั้งเขียนมือ ทั้งพิมพ์ บอกเล่าเรื่องราวการเรียนการสอนกับครูชัยยศ หลายคนไม่เคยได้รับโอกาสในการศึกษา ก็ได้ครูชัยยศช่วยฝึกสอนและพัฒนาการวาดรูปให้ เมื่อไม่มีเงินเติมน้ำมันมาเรียนหนังสือ ก็ได้ครูช่วยออกเงินให้ บางคนได้รับการถ่ายทอดวิชาศิลปะจากครูชัยยศ จนสามารถสอบและรับราชการเป็นครูศิลปะ เพราะได้รับแรงบันดาลใจจากครูชัยยศ และบางคนสามารถก้าวหน้าในอาชีพ ได้ไปประกวดผลงานระดับประเทศ เพราะครูชัยยศ
นอกจากนี้ยังพบว่า ครูชัยยศพูดได้หลายภาษา ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ภาษาปกาเกอญอ ภาษากะเหรี่ยงโปร์ และวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ครูชัยยศยังมาสอนหนังสือให้นักเรียน บางครั้งเมื่อนักเรียนจบออกไปแล้ว ครูยังช่วยหาทุนการศึกษาให้ หลายคนมีอาชีพที่ดี มีการงานทำ และสามารถหาเลี้ยงครอบครัวได้ ก็เพราะครูชัยยศ
