บทสรุปคดี เจ้าของร้านทองยิงโจรดับ จบยังไง หลังยิงป้องกันตัวแต่โดนข้อหาหนัก


          ครบ 1 ปี คนร้านปล้นร้านทอง จ.ตาก โดนเจ้าของร้านยิงโจรดับ 1 ราย บทสรุปคดี ยิงป้องกันตัวแต่โดนข้อหาหนัก ศาลสั่งไม่ฟ้องเจ้าของร้าน ส่วนโจรโดนคุกอ่วม



          จากเหตุการณ์คนร้าย 4 คนบุกปล้นร้านทองในพื้นที่ จ.ตาก ซึ่งขณะนั้นคนร้ายมีการยิงประตูกระจกเพื่อเปิดทางเข้าไปก่อนเหตุ แต่ยังไม่ทันได้ทองคำไป กลับถูกเจ้าของร้านที่เข้าไปหยิบอาวุธปืนลูกซองออกมายิงต่อสู้ จนคนร้ายต้องวิ่งหนีกระเจิง โดยเหตุการณ์นี้ทำให้มีคนร้ายถูกยิงและเสียชีวิต 1 คนนั้น

          ล่าสุด (9 ธันวาคม 2566) เฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานว่า เจ้าของร้านทองดังกล่าว ได้โพสต์ข้อความบอกเล่าเหตุการณ์ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อเป็นกรณีศึกษาแก่ร้านทองอื่น ๆ โดยระบุว่า วันนี้เป็นวันครบรอบเหตุการณ์ที่ตนถูกปล้นร้านทองใน จ.ตาก คดีได้สิ้นสุดลงแล้ว ทางอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องในคดีที่ตนถูกตั้งข้อหาพยายามฆ่า ตนเลยจะมาเล่าเหตุการณ์ในวันนั้นให้ฟัง เพื่อเป็นกรณีศึกษาสำหรับร้านค้าในการป้องกันตัวเองจากโจรผู้ร้าย

          วันที่ 8 ธันวาคม 2565 ในวันนั้นขณะที่ตนอยู่นอกร้าน เรียกช่างมาปรับกล้องวงจรที่ไม่ได้ตำแหน่ง ไม่ถึง 5 นาที ก็มีโจร 4 คน เข้ามาจอดรถด้านข้างร้าน แล้วชายคนหนึ่งได้ใช้อาวุธปืนติดท่อเก็บเสียงมาทราบภายหลังว่าเป็นขนาด .380 ออโต้ ตนจึงบอกให้ภรรยาหนี มีกระสุนยิงเข้ามา 1 นัด ถูกกระจกหน้าร้านแตก ตนและภรรยาหลบมาด้านหลังแล้วหันไปคว้าปืนลูกซองมาขึ้นลำไว้ ช่วงเวลานั้นมันเร็วมากสมองกำลังตัดสินใจอย่างยากลำบากว่าจะทำอย่างไรดี จากนั้นก็ได้ยินเสียงเจียลูกกรง

          ตนสองจิตสองใจว่าจะทำยังไงดี ยิงไปเลยก็กลัวจะถูกคนอื่น เลยย่อตัวลงแล้วเหนี่ยวไกยิงขึ้นเพดาน สิ้นเสียงปืนโจรทั้ง 4 คน ก็วิ่งหนีออกไปหน้าร้าน ตนเลยตามออกไป จากนั้น 1 ในคนร้ายก็ยิงใส่ตนอีก ตนหลบและยิงสวนไป 2-3 นัด

          ตอนนั้นไวมากไม่รู้เลยว่าคนที่ตนยิงเป็นคนไหน ใจคิดอย่างเดียวว่าอยากยิงให้อยู่แล้วอยากจับโจรให้ได้ด้วย ไม่ได้ต้องการยิงให้ตาย และจะได้ไม่ต้องไปปล้นใครได้อีก ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าโจรมีปืนกี่กระบอก วิ่งไปทางไหนบ้าง เหตุการณ์สิ้นสุดแล้วหรือยัง ตนเห็นคนร้ายวิ่งหนีขากะเผลกแล้วล้มลง ตนจึงวิ่งไปบอกภรรยาว่าตนยิงโจรล้มอยู่หน้าร้านคนหนึ่ง จากนั้นก็มีคนวิ่งเข้ามาดูเหตุการณ์เป็นจำนวนมาก กระทั่งเจ้าหน้าที่มาตนก็รีบอัดคลิปส่งให้ เพื่อติดตามคนที่เหลือ

          เจ้าหน้าที่มาตรวจสอบที่เกิดเหตุหาวิถีกระสุนพิมพ์ลายนิ้วมือ ตนได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่าจะถูกตั้งข้อหาว่าพยายามฆ่าเอาไว้ก่อน มีสำนักข่าวต่าง ๆ โทรมาจะเชิญไปออกรายการ แต่ตอนนั้นตนกลัวในหลาย ๆ อย่าง อยากอยู่กับครอบครัวด้วย ขวัญกำลังใจเสียหมดแล้ว เลยปฏิเสธไม่ไป

          วันที่ 11 เมษายน 2566 ศาลนัดสืบพยานโจทย์ประกอบคำรับสารภาพ อัยการเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 3 วันที่ 24 พฤษภาคม 2566 ฟังคำพิพากษา จำเลยที่ 1 และ 2 โดนข้อหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง และข้อหาอื่น ๆ และให้การรับสารภาพ คงจำคุกรวม 10 ปี 9 เดือน และจำเลยที่ 3 จำคุก 6 ปี 8 เดือน ยกฟ้องจำเลยที่ 1 และ 2 ฐานร่วมกันพยายามฆ่า (ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่อัยการขยายเวลายื่นอุทธรณ์) วันที่ 6 ตุลาคม 2566 อัยการแจ้งคำสั่งไม่ฟ้องเจ้าของร้านทอง (ผู้ต้องหาในคดีที่ยิงโจร)


          โดยพิจารณาแล้วเห็นว่า มีเหตุจำต้องกระทำเพื่อสิทธิของตนหรือของผู้อื่นให้พ้นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายหรือไม่ เห็นว่าขณะเกิดเหตุคนร้ายทั้ง 4 มีเจตนาปล้นร้านทองของผู้ต้องหาโดยพกพาอาวุธปืนมาด้วยทั้งยังได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาภายในร้าน ขณะที่ผู้ต้องหาและภรรยาอยู่บริเวณเคาน์เตอร์ในร้าน แม้ว่าภายหลังจากที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงขึ้นเพดานร้านเพื่อขู่ คนร้ายทั้ง 4 คนจะได้วิ่งหลบหนีออกมาจากร้านแล้วก็ตาม

          แต่จากภาพในกล้องวงจรปิด 1 ในคนร้ายยังใช้อาวุธปืนยิงเข้ามาในร้านของผู้ต้องหาอีก การที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายที่ยังคงอยู่บริเวณหน้าร้านและคนร้ายมีจำนวนมากกว่าผู้ต้องหา ประกอบกับขณะเกิดเหตุในบริเวณดังกล่าวไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลความปลอดภัย บุคคลที่อยู่ในภาวะเช่นนั้นย่อมมีเหตุที่จะทำให้เข้าใจได้ว่าคนร้ายอาจจะกลับเข้ามาในร้านอีก การที่ผู้ต้องหาใช้อาวุธปืนยิงไปยังคนร้ายเพื่อป้องกันชีวิตของตนและภรรยาซึ่งอยู่ในร้านรวมทั้งป้องกันทรัพย์สินจำนวนมาก จึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันชีวิตของตนเอง ภรรยารวมถึงทรัพย์สินของตนเองให้พ้นจากภัยอันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภัยที่ใกล้จะถึง

          แม้ผู้ต้องหาได้ใช้อาวุธปืนยิงไปที่คนร้าย 2 - 3 ครั้งติดต่อกัน ก็เนื่องมาจากคนร้ายมา 4 คน และได้ใช้อาวุธปืนในการก่อเหตุ อีกทั้งข้อเท็จจริงยังได้ความว่าผู้ต้องหามีความสามารถในการใช้อาวุธปืนเนื่องจากผ่านการอบรมหลักสูตรการใช้อาวุธปืนเบื้องต้น หากประสงค์ให้คนร้ายถึงแก่ความตายย่อมสามารถทำได้ และเมื่อพิจารณาจากบาดแผลของนาย...หนึ่งในคนร้ายที่ถูกยิง พบว่าถูกยิงบริเวณต้นขาเท่านั้น

          จึงเป็นการกระทำสมควรแก่เหตุที่ไม่เกินกรณีแห่งการที่จำต้องกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนได้กระทำของผู้ต้องหาจึงเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมายตามกฎหมายอาญา มาตรา 68 ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จึงมีคำสั่งไม่ฟ้อง เจ้าของร้านทอง ข้อหาพยายามฆ่าผู้อื่น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 68, 80, 288

          ทั้งนี้ เจ้าของร้านทั้งยังระบุว่า "ขอบคุณญาติพี่น้อง ครอบครัว และเพื่อน ๆ อันเป็นที่รักทุกคนที่คอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจนะครับ ต่อไปนี้คงต้องหาโอกาสพาครอบครัวไปเที่ยว หาเวลาพักผ่อนบ้าง ออกกำลังกายบ้าง เราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ใช้ชีวิตให้ปลอดภัย รักทุกคนนะครับ"



ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก โหนกระแส


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
บทสรุปคดี เจ้าของร้านทองยิงโจรดับ จบยังไง หลังยิงป้องกันตัวแต่โดนข้อหาหนัก อัปเดตล่าสุด 9 ธันวาคม 2566 เวลา 14:29:35 31,229 อ่าน
TOP
x close