สมรักษ์ บรรยายสิ่งที่เกิดขึ้นในห้องนอนกับเด็ก 17 ปี ยอมรับมีการถอดเสื้อผ้า กอด จูบ แต่ไม่มีการข่มขืนแต่อย่างใด รู้ว่าน้องอายุ 17 ก็หยุด ด้านอัยการชี้ ความผิดสำเร็จไปแล้ว จากนี้ลุ้นแค่จะติดคุกหรือรอลงอาญา
ในขณะเดียวกัน สมรักษ์ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ว่า ตนไปเที่ยวตามประสาตนที่ขอนแก่น น้องเขาก็มาเที่ยว น้องเขามาอยู่โต๊ะของตน และน้องเขาก็ไปโรงแรมกับตน แต่ตนยืนยันว่าไม่เคยข่มขืนใคร มันจะมีอยู่ที่ว่าถอดเสื้อผ้า กอด หอม ธรรมดา และถามน้องเขาอายุเท่าไร เขาก็บอกว่า 17 ปี ตนก็สะดุ้งเลย และบอกว่าไม่ได้ ๆ เดี๋ยวพักผ่อนก่อนแล้วพรุ่งนี้ตนไปส่ง เสร็จแล้วตนก็หลับ แล้วเขาก็ถ่ายรูปตนเอาไว้และไปแจ้งความ ก็ไม่รู้ว่าใครแบล็กเมล์ใคร
รอคุยกับทนายดีกว่า เรื่องมันละเอียดอ่อน มาหาว่าตนฉุดกระชากขึ้นรถขึ้นอะไร มันมีกล้องวงจรปิด เราก็ไปเที่ยว ขับรถไปตามถนน เข้าไปในโรงแรม ไม่มีการฉุดกระชาก ตนก็ไม่ได้ข่มขืนใคร เรื่องเลิกกับภรรยา ตนเซ็นใบหย่ากันมา 2 เดือนกว่าแล้ว
นอกจากนี้ สมรักษ์ ยังบอกว่า ทำไมถึงแจ้งความ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดอื่น ๆ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
ในขณะเดียวกัน นายปรเมศว์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ในส่วนของการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์ อายุเกินกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 ถึง 200,000 บาท หากพบว่าผู้กระทำความผิดยินยอม อย่างไรก็เข้าตามความผิดมาตรา 319 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 4,000 ถึง 20,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์ของสมรักษ์ ที่ยอมรับว่ามีการเข้าโรงแรมกับเด็ก 17 ปีจริง เมื่อรู้ว่าน้องอายุ 17 ปี ก็หยุดการกระทำ และแยกย้ายกันไปนอน และมีภาพของเด็กอายุ 17 ปี ที่ถ่ายรูปสมรักษ์อยู่บนเตียง จึงเชื่อได้ว่า ความผิดสำเร็จแล้ว จากนี้จะสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ ส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ซึ่งโดยปกติแล้ว คดีพรากผู้เยาว์ลักษณะนี้ ศาลจะลงโทษตามตัวบทกฎหมายชัดเจน แต่บางกรณีศาลอาจจะรอลงอาญา หาก 2 ฝ่ายเจรจากันเป็นผล
อัยการปรเมศวร์กล่าวต่อว่า จากรูปการณ์ในตอนนี้ หากสมรักษ์รับผิดชอบ อาจมีเหตุให้ศาลสั่งลงโทษจำคุกเป็นรอลงอาญา แต่ตอนนี้สมรักษ์ได้ถูกสังคมพิพากษาไปเรียบร้อย และภรรยาและลูกของสมรักษ์ก็จะถูกสังคมตั้งคำถาม และส่งผลต่อความรู้สึกคนในครอบครัวทั้งหมด
วันที่ 11 ธันวาคม 2566 ในเฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้เผยคลิปของสมรักษ์ที่ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ซึ่งสมรักษ์นอนอยู่บนเตียงและบอกว่า หน้าตาอย่างตนน่ะหรือจะไปข่มขืนคน ผมไม่ได้ข่มขืนใคร รอพิสูจน์กันว่าผมข่มขืนจริงไหม ผมนี่นักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิกไม่มีข่มขืนใครแน่นอน ตนก็ไปเที่ยวของตน น้องเขาก็มาเที่ยวของเขา และน้องเขาก็มายืนกินที่โต๊ะของตน และขากลับน้องเขาก็กลับพร้อมผม เขาก็มาของเขาเอง ผมไม่ได้XXXกับน้องเขานะ ผมจะรู้ได้ยังไงว่าอายุ 17 ผมมารู้ตอนอยู่ในห้อง
ในขณะเดียวกัน สมรักษ์ ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติม ว่า ตนไปเที่ยวตามประสาตนที่ขอนแก่น น้องเขาก็มาเที่ยว น้องเขามาอยู่โต๊ะของตน และน้องเขาก็ไปโรงแรมกับตน แต่ตนยืนยันว่าไม่เคยข่มขืนใคร มันจะมีอยู่ที่ว่าถอดเสื้อผ้า กอด หอม ธรรมดา และถามน้องเขาอายุเท่าไร เขาก็บอกว่า 17 ปี ตนก็สะดุ้งเลย และบอกว่าไม่ได้ ๆ เดี๋ยวพักผ่อนก่อนแล้วพรุ่งนี้ตนไปส่ง เสร็จแล้วตนก็หลับ แล้วเขาก็ถ่ายรูปตนเอาไว้และไปแจ้งความ ก็ไม่รู้ว่าใครแบล็กเมล์ใคร
รอคุยกับทนายดีกว่า เรื่องมันละเอียดอ่อน มาหาว่าตนฉุดกระชากขึ้นรถขึ้นอะไร มันมีกล้องวงจรปิด เราก็ไปเที่ยว ขับรถไปตามถนน เข้าไปในโรงแรม ไม่มีการฉุดกระชาก ตนก็ไม่ได้ข่มขืนใคร เรื่องเลิกกับภรรยา ตนเซ็นใบหย่ากันมา 2 เดือนกว่าแล้ว
นอกจากนี้ สมรักษ์ ยังบอกว่า ทำไมถึงแจ้งความ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดอื่น ๆ เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
อัยการชี้ สมรักษ์ทำความผิดสำเร็จแล้ว โดนแน่นอนพรากผู้เยาว์ จากนี้คือ จะติดคุกหรือรอลงอาญา
ในขณะเดียวกัน นายปรเมศว์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโสสำนักงานอัยการสูงสุด ระบุว่า ในส่วนของการกระทำความผิดเกี่ยวกับการพรากผู้เยาว์ อายุเกินกว่า 15 ปีแต่ไม่เกิน 18 ปี ไม่ว่าผู้เยาว์นั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ผู้กระทำความผิดก็ต้องถูกดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 318 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 40,000 ถึง 200,000 บาท หากพบว่าผู้กระทำความผิดยินยอม อย่างไรก็เข้าตามความผิดมาตรา 319 ต้องโทษจำคุกตั้งแต่ 2 ถึง 10 ปี ปรับตั้งแต่ 4,000 ถึง 20,000 บาท
อย่างไรก็ตาม จากการให้สัมภาษณ์ของสมรักษ์ ที่ยอมรับว่ามีการเข้าโรงแรมกับเด็ก 17 ปีจริง เมื่อรู้ว่าน้องอายุ 17 ปี ก็หยุดการกระทำ และแยกย้ายกันไปนอน และมีภาพของเด็กอายุ 17 ปี ที่ถ่ายรูปสมรักษ์อยู่บนเตียง จึงเชื่อได้ว่า ความผิดสำเร็จแล้ว จากนี้จะสอบพยานที่เห็นเหตุการณ์ ส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้อง ซึ่งโดยปกติแล้ว คดีพรากผู้เยาว์ลักษณะนี้ ศาลจะลงโทษตามตัวบทกฎหมายชัดเจน แต่บางกรณีศาลอาจจะรอลงอาญา หาก 2 ฝ่ายเจรจากันเป็นผล
อัยการปรเมศวร์กล่าวต่อว่า จากรูปการณ์ในตอนนี้ หากสมรักษ์รับผิดชอบ อาจมีเหตุให้ศาลสั่งลงโทษจำคุกเป็นรอลงอาญา แต่ตอนนี้สมรักษ์ได้ถูกสังคมพิพากษาไปเรียบร้อย และภรรยาและลูกของสมรักษ์ก็จะถูกสังคมตั้งคำถาม และส่งผลต่อความรู้สึกคนในครอบครัวทั้งหมด
