อย. สั่งแบนอาหารเสริมดัง ผลิตวันที่ 15 กันยายน 2566 หลังมีคนกินแล้วตาย พอเข้าไปตรวจโรงงานก็ไม่พบ แถมในอาหารเสริมเจอสารอันตราย ผิดกฎหมายยาเสพติด อาการข้างเคียงรุนแรงเพราะเป็นสารต้องห้าม
จากกรณีที่ผู้บริโภคสั่งซื้อผลิตภัณฑ์เสริมอาหารยี่ห้อหนึ่ง รุ่นวันที่ผลิต 15 กันยายน 2566 หมดอายุในอีก 2 ปีข้างหน้า ก่อนที่จะรับประทานแล้วเสียชีวิต
ล่าสุด วันที่ 22 ธันวาคม 2566 สำนักงานอาหารและยา ซื้อตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดังกล่าว คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดีเอส DS Dietary Suplement Product มีหมายเลข อย. คือ 74-1-17165-5-0002 ผลิตโดย บริษัท แอลเอช อินโนเวชั่น จำกัด บ้านเลขที่ 189/802 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ต่อมา เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตตามที่อยู่ ไม่พบว่ามีสถานที่ตามที่ระบุไว้บนสลากอยู่จริง จึงสงสัยว่า ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตราย จึงได้ตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการวิเคราะห์พบ ไซบูทรามีน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 เป็นอันตรายต่อสุขภาพและอนามัยของประชาชน เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายยาเสพติด ตอนนี้ประสานตำรวจนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีแล้ว
ทั้งนี้ ไซบูทรามีน
เป็นวัตถุออกฤทธิ์มีผลข้างเคียง โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดสมองตีบ โรคตับ โรคไต โรคต้อหิน
หญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร หากรับประทานเข้าไป อาจมีอาการข้างเคียงคือ
ปากแห้ง ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ ท้องผูก ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง
หัวใจเต้นเร็วจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานอาหารและยา
ล่าสุด วันที่ 22 ธันวาคม 2566 สำนักงานอาหารและยา ซื้อตัวอย่างผลิตภัณฑ์ดังกล่าว คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ดีเอส DS Dietary Suplement Product มีหมายเลข อย. คือ 74-1-17165-5-0002 ผลิตโดย บริษัท แอลเอช อินโนเวชั่น จำกัด บ้านเลขที่ 189/802 ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร
ต่อมา เจ้าหน้าที่สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสมุทรสาคร เข้าตรวจสอบสถานที่ผลิตตามที่อยู่ ไม่พบว่ามีสถานที่ตามที่ระบุไว้บนสลากอยู่จริง จึงสงสัยว่า ผลิตภัณฑ์นี้มีส่วนผสมของสารที่เป็นอันตราย จึงได้ตรวจวิเคราะห์ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผลการวิเคราะห์พบ ไซบูทรามีน เป็นวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 เป็นอันตรายต่อสุขภาพและอนามัยของประชาชน เป็นการกระทำที่ฝ่าฝืนกฎหมายยาเสพติด ตอนนี้ประสานตำรวจนำผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีแล้ว
ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักงานอาหารและยา