ราชกิจจานุเบกษา ประกาศให้ร้านค้าออนไลน์ ส่งข้อมูลร้านค้าต่อกรมสรรพากร เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป โดยสามารถส่งได้ด้วยตัวเองหรือจ้างร้านจัดทำก็ได้
วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ราชกิจจานุเบกษา มีการลงประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษ มีรายละเอียดดังนี้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ประกอบกับข้อ 6 และข้อ 7 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติ รมว.คลัง กำหนดให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษ โดยให้จัดทำและนำส่งข้อมูลบัญชีพิเศษผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร สามารถสรุปได้ดังนี้
1. ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม (ร้านค้าออนไลน์) ที่จัดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย และมีรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีเกิน 1 พันล้านบาท มีบัญชีพิเศษ (บัญชีที่แสดงข้อมูลรายรับของร้านค้าออนไลน์จากผู้ประกอบการ) อย่างไรก็ตาม ถ้าหากรอบระยะเวลาบัญชีใดหลังจากนี้มีไม่เกิน 1 พันล้านบาท ให้ยังคงมีหน้าที่จัดทำบัญชีพิเศษ
ทั้งนี้ กิจการที่ไม่เกี่ยวข้องคือ กิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
2. ให้ร้านค้าออนไลน์ ยื่นคำขออนุญาต
เชื่อมระบบอิเล็กทรอนิกส์ของตนกับของกรมสรรพากร
เพื่อนำส่งข้อมูลให้กรมสรรพากร และร้านค้าออนไลน์
ต้องมีระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่มีลักษณะตามข้อ 6 (1) ของกฎกระทรวงฉบับที่ 384
(พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากร
ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการอิเล็กทรอนิกส์
และมีความมั่นคงปลอดภัย
3. ร้านค้าออนไลน์ สามารถมอบหมายให้ผู้บริการจัดทำ และนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลบัญชีพิเศษแทนได้ โดยต้องแจ้งเรื่องนี้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับทำข้อมูลให้ร้านค้าออนไลน์ มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่แก้ไขให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด กรมสรรพากรอาจยกเลิกการอนุญาตการเชื่อมต่อระบบและลบรายชื่ออกจากบัญชีผู้บริการจำทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามที่ประกาศไว้
4. ร้านค้าออนไลน์หรือผู้ให้บริการจัดทำ และนำส่งข้อมูลแทนร้านค้าออนไลน์ ต้องนำส่งข้อมูลบนระบบของกรมสรรพากรภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
5. หากร้านค้าออนไลน์ ส่งข้อมูลเสร็จแล้ว แต่มีความต้องการที่จะแก้ไข ยกเลิก หรือเพิ่มเติมข้อมูล สามารถส่งข้อมูลชิ้นใหม่มาได้
6. ประกาศนี้มีผลบังคับใช้สำหรับการส่งข้อมูลในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 29 ธันวาคม 2566 ราชกิจจานุเบกษา มีการลงประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีเงินได้ เรื่อง กำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษ มีรายละเอียดดังนี้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 17 (1) แห่งประมวลรัษฎากร ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 25) พ.ศ. 2525 ประกอบกับข้อ 6 และข้อ 7 ของกฎกระทรวงฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ อธิบดีกรมสรรพากรโดยอนุมัติ รมว.คลัง กำหนดให้ผู้ประกอบการอิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษ โดยให้จัดทำและนำส่งข้อมูลบัญชีพิเศษผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร สามารถสรุปได้ดังนี้
1. ให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์ม (ร้านค้าออนไลน์) ที่จัดทะเบียนจัดตั้งในประเทศไทย และมีรายได้จากกิจการ หรือเนื่องจากกิจการที่กระทำในรอบระยะเวลาบัญชีเกิน 1 พันล้านบาท มีบัญชีพิเศษ (บัญชีที่แสดงข้อมูลรายรับของร้านค้าออนไลน์จากผู้ประกอบการ) อย่างไรก็ตาม ถ้าหากรอบระยะเวลาบัญชีใดหลังจากนี้มีไม่เกิน 1 พันล้านบาท ให้ยังคงมีหน้าที่จัดทำบัญชีพิเศษ
ทั้งนี้ กิจการที่ไม่เกี่ยวข้องคือ กิจการที่อยู่ภายใต้การกำกับของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
3. ร้านค้าออนไลน์ สามารถมอบหมายให้ผู้บริการจัดทำ และนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์หรือข้อมูลบัญชีพิเศษแทนได้ โดยต้องแจ้งเรื่องนี้ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ของกรมสรรพากร
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อย่างไรก็ตาม ผู้ที่รับทำข้อมูลให้ร้านค้าออนไลน์ มีระบบอิเล็กทรอนิกส์ไม่เป็นไปตามที่กำหนดในกฎกระทรวง ฉบับที่ 384 (พ.ศ. 2565) ว่าด้วยการดำเนินการเกี่ยวกับเอกสารหลักฐานหรือหนังสือด้วยกระบวนการทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่แก้ไขให้แล้วเสร็จภายในเวลาที่กำหนด กรมสรรพากรอาจยกเลิกการอนุญาตการเชื่อมต่อระบบและลบรายชื่ออกจากบัญชีผู้บริการจำทำและนำส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ตามที่ประกาศไว้
4. ร้านค้าออนไลน์หรือผู้ให้บริการจัดทำ และนำส่งข้อมูลแทนร้านค้าออนไลน์ ต้องนำส่งข้อมูลบนระบบของกรมสรรพากรภายใน 150 วัน นับตั้งแต่วันสุดท้ายของรอบระยะเวลาบัญชี เว้นแต่อธิบดีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
5. หากร้านค้าออนไลน์ ส่งข้อมูลเสร็จแล้ว แต่มีความต้องการที่จะแก้ไข ยกเลิก หรือเพิ่มเติมข้อมูล สามารถส่งข้อมูลชิ้นใหม่มาได้
6. ประกาศนี้มีผลบังคับใช้สำหรับการส่งข้อมูลในรอบระยะเวลาบัญชีที่เริ่มในหรือหลังวันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไป