เจ้าของที่ดินงงโดนตำรวจบุกรวบ ถามตักดินที่ตัวเองขายผิดด้วยเหรอด้าน ตร. แจงข้อกฎหมายยิบ ชี้ขุดกว้างและลึกเกินไปเสี่ยงพังทลาย
วันที่ 4 มกราคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานว่า ตำรวจออกตรวจพื้นที่การขุดถมดิน บริเวณ ต.สำนักขุนเณร อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร พบมีรถบรรทุก 2 คัน ขนดินเหนียวเปียกน้ำ แบกน้ำหนักจนน่าสงสัยบนถนนทางหลวง จึงขับรถติดตามดู พบนำไปถมในที่ดินชาวบ้าน ลักษณะเป็นการนำไปขายเชิงพาณิชย์หลายเที่ยวรถ ติดตามต่อจนพบว่ามีการลักลอบขุดตักดินในพื้นที่หลังฟาร์มไก่แห่งหนึ่งใน ต.สำนักขุนเณร พบมีรถแบ็กโฮกำลังขุดตักดินเป็นบ่อขนาดใหญ่ มีความลึกกว่า 5 เมตร มีรถบรรทุกเข้าไปรอรับดินอยู่
เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. แสดงตนขอตรวจสอบเอกสารการแจ้งการขุดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และเอกสารการได้รับอนุญาตให้ประกอบกิจการโรงงานจำพวกที่ 3 ตาม พ.ร.บ.โรงงาน พ.ศ. 2535 มี นายวอ (นามสมมติ) คนขับรถแบ็กโฮ มาแสดงตนเป็นผู้จัดการบ่อ และเป็นเจ้าของรถทั้งหมด รวมถึงรถบรรทุกด้วย มีลูกจ้าง 2 คน เป็นคนขับรถขนส่งดินให้ พร้อมแจ้งว่า ไม่มีเอกสารดังกล่าวตามที่ขอตรวจสอบ เพราะขุดดินในที่ตัวเองขาย ไม่จำเป็นต้องบอกใคร ผิดด้วยเหรอ ?
ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.4 บก.ปทส. จึงแนะนำให้ทราบว่า การขุดดินลึกเกิน 3 เมตร หรือพื้นที่ปากบ่อเกินกว่า 10,000 ตารางเมตร โดยปากบ่อดินมีระยะห่างถึงเขตที่ดินข้างเคียง เกิน 2 เท่าของความลึก แม้จะเป็นที่ดินของตนเองก็ตาม ต้องแจ้งการขุดต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่นก่อนจะทำการขุดดิน เพราะการกระทำดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการพังทลายของดิน ส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมและพื้นที่ข้างเคียง จึงต้องขออนุญาตเพื่อจัดการป้องกันการพังทลายของดิน โดยต้องได้รับการรับรองจากวิศวกรเสียก่อน
หากไม่แจ้งต่อเจ้าพนักงานท้องถิ่น และกระทำการโดยพลการ มีโทษตาม พ.ร.บ.การขุดดินและถมดิน พ.ศ. 2543 อัตราโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายวอ อ้างว่า ตนทราบดี เพราะประกอบกิจการมานาน และเคยขออนุญาต แต่เข้าใจว่าพอเป็นที่ของตัวเอง เลยเจตนาไม่ขอ เพราะคิดว่าเรื่องเล็ก ๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิด จึงตรวจยึดของกลาง พร้อมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ดงเจริญ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เฟซบุ๊ก โหนกระแส