คณบดีแจงแล้ว ดราม่าแมวนอนแอร์ฉ่ำกินไฟหลวง สั่งเจ้าหน้าที่คอยดูแล-เก็บอึฉี่ แถมสั่งย้ายเพื่อให้แมวนอนห้องใหญ่ ความจริงคนละเรื่อง ชี้ น้องเป็นแมวจร คนรักแมวช่วยกันดูแล
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน
จากกรณีที่การโพสต์แฉคณบดีสาวขนแมวตัวเอง 4 ตัว มาเลี้ยงในที่ทำงาน โดยมีการเปิดแอร์ให้แมว และยังให้เลขาฯ คอยดูแล แถมยังสั่งย้ายฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปอยู่ในพื้นที่คับแคบ แล้วย้ายแมวไปไว้ที่ห้องประชาสัมพันธ์แทน ซึ่งกว้างขวางอยู่สบายกว่า จนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตและแชร์ต่อกันเป็นวงกว้างนั้น
อ่านเพิ่มเติม : แฉคณบดีสาว ขนแมวจากบ้าน เปิดแอร์ฉ่ำ ๆ ที่ทำงานกินไฟหลวง ลูกน้องกลายเป็นสมุนแมว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน
ล่าสุด (8 มกราคม 2567) เพจ เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ทางทีมข่าวช่อง 3 ได้เดินทางลงพื้นที่และได้รับการชี้แจงจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชชพร เทียบจัตุรัส คณบดีคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ผศ. ดร.วิชชพร เปิดเผยว่า แมวทั้ง 4 ตัว ไม่ใช่แมวของตน แต่เป็นแมวจรที่รับมาจากกระทรวงศึกษาธิการ หลังไปราชการที่นั่นแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มาขอให้ช่วยรับไปดูแล ซึ่งขณะนั้นแมวยังตัวเล็ก เป็นลูกแมวที่แม่มาคลอดทิ้งไว้ ยังลืมตาไม่ได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชชพร กล่าวว่า ช่วงแรก ๆ เจ้าหน้าที่ก็จะสลับกันดูแลที่คณะและเลี้ยงที่บ้านสลับกันไป ต่อมา เกรงว่างูเหลือมยาว 3-4 เมตรในคณะจะเลื้อยมากินลูกแมว จึงนำไปเลี้ยงที่ห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1 ของคณะ ซึ่งเป็นห้องที่ปิดไว้ อยู่ระหว่างรองบประมาณปรับปรุงเป็นห้องกิจกรรมนักศึกษา ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าย้ายเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไปอยู่หน้าห้องคณบดีฯ เพื่อให้แมวอยู่ที่กว้างกว่านั้น ข้อมูลไม่ถูกต้อง เพราะได้มีการย้ายเจ้าหน้าที่ไปอยู่รวมกับสำนักงานคณบดี ที่ชั้น 3 หลายเดือนแล้ว ก่อนที่จะนำแมวมาไว้ในนี้
ส่วนข้อกล่าวหา ใช้ไฟหลวง เปิดไฟเปิดแอร์ให้แมวทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ลักษณะเป็นห้องปิดไว้ มีเพียงเจ้าหน้าที่สลับกันนำน้ำและอาหารไปให้แมวเท่านั้น ส่วนเรื่องอึและฉี่แมว เจ้าหน้าที่คณะที่ใจรักแมว ก็สลับกันไปดูแล ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชชพร เผยด้วยว่า มีนักศึกษาแสดงความประสงค์จะขอรับแมวตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 2 ตัว ไปเลี้ยง แต่เห็นว่ารอให้ทำหมันให้เรียบร้อยก่อน จึงจะให้นำไปเลี้ยงได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน
จากกรณีที่การโพสต์แฉคณบดีสาวขนแมวตัวเอง 4 ตัว มาเลี้ยงในที่ทำงาน โดยมีการเปิดแอร์ให้แมว และยังให้เลขาฯ คอยดูแล แถมยังสั่งย้ายฝ่ายประชาสัมพันธ์ไปอยู่ในพื้นที่คับแคบ แล้วย้ายแมวไปไว้ที่ห้องประชาสัมพันธ์แทน ซึ่งกว้างขวางอยู่สบายกว่า จนกลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจจากชาวเน็ตและแชร์ต่อกันเป็นวงกว้างนั้น
อ่านเพิ่มเติม : แฉคณบดีสาว ขนแมวจากบ้าน เปิดแอร์ฉ่ำ ๆ ที่ทำงานกินไฟหลวง ลูกน้องกลายเป็นสมุนแมว
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน
ล่าสุด (8 มกราคม 2567) เพจ เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า ทางทีมข่าวช่อง 3 ได้เดินทางลงพื้นที่และได้รับการชี้แจงจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชชพร เทียบจัตุรัส คณบดีคณะเทคโนโลยีสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ผศ. ดร.วิชชพร เปิดเผยว่า แมวทั้ง 4 ตัว ไม่ใช่แมวของตน แต่เป็นแมวจรที่รับมาจากกระทรวงศึกษาธิการ หลังไปราชการที่นั่นแล้วเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย มาขอให้ช่วยรับไปดูแล ซึ่งขณะนั้นแมวยังตัวเล็ก เป็นลูกแมวที่แม่มาคลอดทิ้งไว้ ยังลืมตาไม่ได้
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชชพร กล่าวว่า ช่วงแรก ๆ เจ้าหน้าที่ก็จะสลับกันดูแลที่คณะและเลี้ยงที่บ้านสลับกันไป ต่อมา เกรงว่างูเหลือมยาว 3-4 เมตรในคณะจะเลื้อยมากินลูกแมว จึงนำไปเลี้ยงที่ห้องประชาสัมพันธ์ชั้น 1 ของคณะ ซึ่งเป็นห้องที่ปิดไว้ อยู่ระหว่างรองบประมาณปรับปรุงเป็นห้องกิจกรรมนักศึกษา ดังนั้น ข้อกล่าวหาที่ว่าย้ายเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์ไปอยู่หน้าห้องคณบดีฯ เพื่อให้แมวอยู่ที่กว้างกว่านั้น ข้อมูลไม่ถูกต้อง เพราะได้มีการย้ายเจ้าหน้าที่ไปอยู่รวมกับสำนักงานคณบดี ที่ชั้น 3 หลายเดือนแล้ว ก่อนที่จะนำแมวมาไว้ในนี้
ส่วนข้อกล่าวหา ใช้ไฟหลวง เปิดไฟเปิดแอร์ให้แมวทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่ใช่เรื่องจริง แต่ลักษณะเป็นห้องปิดไว้ มีเพียงเจ้าหน้าที่สลับกันนำน้ำและอาหารไปให้แมวเท่านั้น ส่วนเรื่องอึและฉี่แมว เจ้าหน้าที่คณะที่ใจรักแมว ก็สลับกันไปดูแล ไม่ได้มีการบังคับแต่อย่างใด
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.วิชชพร เผยด้วยว่า มีนักศึกษาแสดงความประสงค์จะขอรับแมวตัวผู้ 2 ตัว และตัวเมีย 2 ตัว ไปเลี้ยง แต่เห็นว่ารอให้ทำหมันให้เรียบร้อยก่อน จึงจะให้นำไปเลี้ยงได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก เรื่องเล่าเช้านี้