เบนซ์ เรซซิ่ง ทำเรื่องขอเงินชดเชยหลังติดคุกเกิน 256 วัน เปิดเงินชดเชยที่จะได้รับ จะได้สูงสุดที่เท่าไร แล้วมีวิธีการคิดยังไง พร้อมเสนอแนะแยกผู้ต้องขังเด็ดขาดกับระหว่างพิจารณาคดีออกจากกัน
วันที่ 18 มกราคม 2567 ช่อง 3 รายงานว่า นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง เข้าพบนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อทำเรื่องขอเงินชดเชยกรณีที่ศาลพิพากษายกฟ้องข้อหาสมคบกันค้ายาเสพติด แต่ได้รับโทษจำคุกในข้อหาฟอกเงิน 4 ปี เกินอัตราโทษของเดิมที่อยู่ที่ 3 ปี 4 เดือน
นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า นายอัครกิตติ์ ถูกตั้งข้อหาสมคบกันค้ายาเสพติดและสมคบกันฟอกเงิน ซึ่งศาลฎีกายกฟ้องคดียาเสพติด ส่วนคดีฟอกเงิน ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่ในเวลานั้น นายอัครกิตติ์ ถูกจำคุกไปแล้ว 4 ปี 10 วัน เท่ากับว่า ได้รับโทษเกินกว่ากำหนด 256 วัน ดังนั้นนายอัครกิตติ์ จึงขอใช้สิทธิ์การเยียวยาตามกฎหมาย โดยจะต้องใช้สิทธิ์ภายใน 1 ปี หลังจากพ้นโทษ
สำหรับเกณฑ์ชดเชยเยียวยา จะยึดตามค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดกับสถานที่ถูกจองจำ ซึ่งจะไม่เท่ากัน แต่จะไม่มากกว่า 350 บาท แล้วนำมาคำนวณกับวันที่ถูกขังเกิน โดยนายอัครกิตติ์ มีภูมิลำเนาและถูกขังในกรุงเทพฯ ก็จะยึดเกณฑ์ดังกล่าว
ภาพจาก ช่อง 3
นายอัครกิตติ์ ยังมีข้อเสนอต่อกรมราชทัณฑ์
ขอให้แยกการกักขังระหว่างผู้ต้องขังคดีเด็ดขาดกับผู้ต้องขังที่อยู่ในชั้นพิจารณาคดีหรืออยู่ในขั้นตอนการฝากขัง
รวมถึงแยกนักโทษคดีการเมืองที่ขังรวมกับนักโทษคดีอาญาทั่วไป
ส่วนเหตุผลที่ขอให้แยกผู้ต้องขังเด็ดขาดกับคนที่ยังไม่มีคำพิพากษาออกจากกัน เพราะการปฏิบัติต่าง ๆ เช่น การเตรียมหลักฐาน การเยี่ยมญาติ การพบทนาย ไม่ได้รับการแบ่งแยกตามรัฐธรรมนูญ หากสุดท้ายศาลยกฟ้องแล้วมาใช้สิทธิ์อย่างตน ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เสียไป อย่างงาน ชีวิต และครอบครัว แต่ตนก็ไม่ได้เสนอว่าให้สร้างเรือนจำใหม่ ใช้เรือนจำที่มีอยู่แล้ว แยกแดนต่าง ๆ ออกมา อย่างห้องน้ำ จะมีห้องเดียวต่อนักโทษ 50 คน หากแยกประเภทนักโทษออกมาก็ลดความแออัดได้
สำหรับเงินที่นายอัครกิตติ์จะได้รับนั้น สูงสุดที่จะได้คือ 350 บาทต่อวัน เมื่อคูณกับ 256 วัน เท่ากับว่า เงินที่จะได้รับมีโอกาสสูงสุดอยู่ที่ 89,600 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3
วันที่ 18 มกราคม 2567 ช่อง 3 รายงานว่า นายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช หรือเบนซ์ เรซซิ่ง เข้าพบนายกองตรี ธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำรองนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เพื่อทำเรื่องขอเงินชดเชยกรณีที่ศาลพิพากษายกฟ้องข้อหาสมคบกันค้ายาเสพติด แต่ได้รับโทษจำคุกในข้อหาฟอกเงิน 4 ปี เกินอัตราโทษของเดิมที่อยู่ที่ 3 ปี 4 เดือน
นายกองตรี ธนกฤต กล่าวว่า นายอัครกิตติ์ ถูกตั้งข้อหาสมคบกันค้ายาเสพติดและสมคบกันฟอกเงิน ซึ่งศาลฎีกายกฟ้องคดียาเสพติด ส่วนคดีฟอกเงิน ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 3 ปี 4 เดือน แต่ในเวลานั้น นายอัครกิตติ์ ถูกจำคุกไปแล้ว 4 ปี 10 วัน เท่ากับว่า ได้รับโทษเกินกว่ากำหนด 256 วัน ดังนั้นนายอัครกิตติ์ จึงขอใช้สิทธิ์การเยียวยาตามกฎหมาย โดยจะต้องใช้สิทธิ์ภายใน 1 ปี หลังจากพ้นโทษ
สำหรับเกณฑ์ชดเชยเยียวยา จะยึดตามค่าแรงขั้นต่ำของแต่ละจังหวัดกับสถานที่ถูกจองจำ ซึ่งจะไม่เท่ากัน แต่จะไม่มากกว่า 350 บาท แล้วนำมาคำนวณกับวันที่ถูกขังเกิน โดยนายอัครกิตติ์ มีภูมิลำเนาและถูกขังในกรุงเทพฯ ก็จะยึดเกณฑ์ดังกล่าว
ภาพจาก ช่อง 3
นายอัครกิตติ์ กล่าวว่า เงินชดเชยที่ตนเรียกร้องจะไม่ได้เยอะ
แต่ก็ต้องการใช้สิทธิ์ของตัวเอง
อยากให้ผู้ต้องขังคนอื่นที่มีสถานะเช่นเดียวกันมาใช้สิทธิ์นี้
เพราะหลายคนอาจจะไม่ทราบ
ส่วนเหตุผลที่ขอให้แยกผู้ต้องขังเด็ดขาดกับคนที่ยังไม่มีคำพิพากษาออกจากกัน เพราะการปฏิบัติต่าง ๆ เช่น การเตรียมหลักฐาน การเยี่ยมญาติ การพบทนาย ไม่ได้รับการแบ่งแยกตามรัฐธรรมนูญ หากสุดท้ายศาลยกฟ้องแล้วมาใช้สิทธิ์อย่างตน ก็เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เสียไป อย่างงาน ชีวิต และครอบครัว แต่ตนก็ไม่ได้เสนอว่าให้สร้างเรือนจำใหม่ ใช้เรือนจำที่มีอยู่แล้ว แยกแดนต่าง ๆ ออกมา อย่างห้องน้ำ จะมีห้องเดียวต่อนักโทษ 50 คน หากแยกประเภทนักโทษออกมาก็ลดความแออัดได้
สำหรับเงินที่นายอัครกิตติ์จะได้รับนั้น สูงสุดที่จะได้คือ 350 บาทต่อวัน เมื่อคูณกับ 256 วัน เท่ากับว่า เงินที่จะได้รับมีโอกาสสูงสุดอยู่ที่ 89,600 บาท
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3