หนุ่มวัย 30 หลอดเลือดในสมองแตกหลังอาบน้ำ แพทย์ชี้ไม่ได้เช็กความดันประจำ เตือนประชาชนดูแลตัวเอง แนะเคล็ดสังเกตอาการ

วันที่ 25 มกราคม 2567 เว็บไซต์ ETtoday รายงานว่า
ชายไต้หวันอายุ 30 ปี ต้องอยู่ในสภาพวิกฤตหลังก้าวออกจากห้องน้ำ
เมื่อเขาเกิดอาการปวดหัวจนแทบระเบิด มือและขาขวาอ่อนแรง
และเริ่มมีอาการพูดไม่ชัด
กระทั่งทางครอบครัวช่วยพาส่งโรงพยาบาลจึงพบว่าเขามีอาการของโรคหลอดเลือดในสมอง
และยังเสี่ยงอันตรายแม้จะได้รับการรักษาแล้ว
เรื่องดังกล่าวได้รับการเปิดเผยจาก ดร.เฉินเต๋อหยวน หัวหน้าแพทย์จากแผนกศัลยกรรมประสาท ของโรงพยาลอีต้า ในไต้หวัน โดย ดร.เฉินเต๋อหยวน ระบุว่า เฉพาะวันที่ 22-23 มกราคม ทางโรงพยาบาลได้รับตัวผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองเข้ารักษาแล้ว 6 ราย พร้อมย้ำเตือนว่าในสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิต่ำ หรือมีความเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิมาก หลอดเลือดจะหดตัวได้ ซึ่งหากไม่มีการควบคุมความดันโลหิตให้เป็นปกติ หรือดื่มน้ำไม่มากพอจนเลือดข้น ก็อาจทำให้ความดันโลหิตพุ่งขึ้นสูง และเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดโรคหลอดเลือดสมอง
ดร.เฉินเต๋อหยวน ยังยกกรณีของชายวัย 30 ปี จากเมืองเกาสง ที่ไม่ได้วัดความดันโลหิตเป็นประจำ ในวันที่ 22 มกราคม ซึ่งเผชิญคลื่นความเย็น เขาอาบน้ำร้อนที่บ้านจนร่างกายอุ่น แต่เมื่อออกมาจากห้องน้ำก็เริ่มเกิดอาการผิดปกติ ปวดหัวมากจนแทบระเบิด จากนั้นสักพักแขนขวากับขาขวาก็เริ่มอ่อนแรง เขาจะร้องให้คนในบ้านมาช่วย แต่กลับพูดไม่ชัด
ทั้งนี้ ดร.เฉินเต๋อหยวน ได้เตือนประชาชนให้ดูแลสุขภาพในช่วงที่สภาพอากาศหนาวเย็น หลีกเลี่ยงสภาพที่มีความแตกต่างของอุณหภูมิมาก รวมถึงแนะนำหลักการ FAST สำหรับช่วยสังเกตอาการโรคหลอดเลือดสมอง ประกอบด้วย ใบหน้า (Face) แขน (Arm) คำพูด (Speech) และเวลา (Time) โดยอาจจะลองให้ผู้ป่วยยิ้ม เพื่อดูว่ามีใบหน้าสมดุลมีอาการบิดเบี้ยวหรือไม่ ให้ลองยกแขนทั้ง 2 ข้างค้างสัก 10 วินาทีเพื่อดูว่าแขนอ่อนแรงหรือไม่ รวมถึงให้ลองพูดประโยคง่าย ๆ ว่ามีอาการพูดเลอะเลือนหรือพูดไม่ชัดหรือไม่ โดยหากพบว่ามีอาการที่เข้าข่าย ให้รีบพาไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday, CTI, Yahoo News