ผู้โดยสารไทยชั้นบิสซิเนสหงุดหงิดหนักมาก ซื้อตั๋วจาก สุวรรณภูมิ - เมลเบิร์น แต่เครื่องดันไปลงที่ซิดนีย์ ด่ากัปตันไม่มีกระดูกสันหลัง ควรไปใส่กระโปรง จนกัปตันตัวจริงมาชี้ ด่ากันแบบนี้ นี่คือคนที่ทำให้รอดตาย พวกมานะชาย ตายก่อนเกษียณเพียบ !
อุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเกิดขึ้นกับทุกชนิดของการเดินทาง แม้กระทั่งการเดินทางโดยเครื่องบินที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับไหวพริบปฏิภาณของกัปตันเครื่อง ว่าจะสามารถควบคุมเครื่องบิน และแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าในบางครั้งบางที เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร การแก้ไขสถานการณ์อาจทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบาย จนกลายมาเป็นเสียงก่นด่าตามมา
ล่าสุด ได้มีเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่ง ที่เดินทางด้วยสายการบินดัง จากกรุงเทพมหานคร ไปลงที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ปรากฏว่าเครื่องบินได้บินวน ไม่สามารถลงจอดได้ที่เมลเบิร์น เครื่องจึงต้องเปลี่ยนไปลงที่ซิดนีย์แทน ทำให้หนุ่มคนนั้นไม่พอใจ ออกมาด่าสาปกัปตันเสีย ๆ หาย ถึงขั้นไล่ไปใส่กระโปรง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal
ทั้งนี้ ในเที่ยวบินดังกล่าว เป็นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปลงที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ทว่ามีเหตุจำเป็นต้องที่เครื่องบินต้องไปลงที่ซิดนีย์แทน จนทำให้ผู้โดยสารออกมาตำหนิกัปตันด้วยคำพูดต่าง ๆ เช่น
- เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ เพราะทัศนวิสัยไม่ดี และหอการบินสั่งให้เครื่องบินวน จนกระทั่งน้ำมันไม่พอ การใส่น้ำมันไม่พอเหมือนกัปตันไม่เผื่ออะไรเลย และบินวนแค่ 20 นาทีเท่านั้น เครื่องบินมาถึงตอนเช้า ยังไงก็ต้องบินวนในช่วงเวลาเร่งด่วน จนสุดท้ายต้องมาลงที่ซิดนีย์แทน
- ตนขึ้นลงสนามบินเมลเบิร์นมาไม่ต่ำกว่าพันรอบ ทุกฤดู ทุกเวลา ไม่เคยเจอแบบนี้โดยเฉพาะในหน้าร้อน ข้อมูลทางอากาศในอินเทอร์เน็ตเห็นกันทั่ว และจากไฟลต์เรดาร์พบว่าเที่ยวบินอื่นลงจอดได้อย่างสนุกสนาน ไม่มีใครมีปัญหา มองด้วยตาท้องฟ้าใสแจ๋ว โดยผู้โดยสารเช็กสภาพอากาศในมือถือ ก็พบว่าอากาศดี แดดออก 21 องศาเซลเซียส ทัศนวิสัยเยี่ยม มองเห็นได้ไกล 10 กม. และภาพที่อยู่บนเครื่องบินก็พบว่า อากาศดี ไม่มีเมฆมาบัง
- ผู้โดยสารมองว่า กัปตันไม่มีความเป็นนักสู้ ไม่พยายามสื่อสารกับหอการบิน เพราะอาจจะไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษ และสู้กับเล่ห์เหลี่ยมของกัปตันสายการบินอื่นของออสเตรเลียไม่ได้ จนไม่สามารถแย่งกันเพื่อขอจอดได้ ทั้งที่น้ำมันเหลือน้อยแล้ว "ความหน่อมแน้มที่ไม่ควรมีในผู้ชายสักคน"
- ผู้โดยสารมองว่า กัปตันไม่แอ่นอกรับผิดชอบ ไม่พูดความจริง มีแต่ต้องการที่จะแถ ไม่มีความกล้าหรือกระดูกสันหลังเลย
- กัปตันโกหก ท้าทายความไม่โง่ของผู้โดยสาร ทุกคนมีอินเทอร์เน็ต กร่าง เหลือเชื่อจริง ๆ
- สายการบินแห่งนี้ เป็นสายการบินที่ห่วยระดับโลกตั้งแต่ผู้บริหาร เครื่องบิน กัปตัน นักบิน ยกเว้นพนักงานต้อนรับที่ดีนะดับโลก ถ้าไม่ติดว่าตนอยู่เมืองไทยและต้องโดนบังคับใช้สายการบินนี้ไปโดยปริยาย ตนจะไม่ใช้เลย สายการบินนี้คือตัวเลือกสุดท้ายเสมอ
"นี่บอกให้กัปตันออกมาสารภาพแล้ว ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ผู้โดยสารก็โกรธ ปล่อยให้พนักงานต้อนรับกลายเป็นแพะ โดนด่าแทนกัปตัน แมนจริง ๆ"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal
กัปตันมาแจงเป็นข้อ เงียบมนุษย์ปากแจ๋ว ยันตอนนั้นอากาศไม่ดี ภาษาอังกฤษไม่แย่ พวกหน่อมแน้มนี่แหละ พาทุกคนรอดตายมาเยอะ
ในขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal ได้ออกมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นข้อ ๆ ว่าแม้ท่านจะแสดงความไม่รู้ ดูถูกด้อยค่า และกัปตันและนักบินเพิ่งพาท่านรอดมาได้หยก ๆ
ในช่วงที่ไปถึงที่เมลเบิร์น อากาศคือ "ทัศนวิสัยย่ำแย่" โดยทัศนวิสัยเพียง 200 เมตร หมอกหนา ขับรถยังไม่เห็นทาง และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีเครื่องบินที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางกันเป็นจำนวน
- อากาศเฉพาะการบินเป็นข่าวเฉพาะ ไม่ได้เห็นตามอินเทอร์เน็ตหรือมากับมือถือ ให้ลองไปดูในแอปฯ Airport จะคอยบอกว่าอากาศเมืองที่ท่านอยู่ในตอนนี้เป็นอย่างไร อัปเดตทุก 30 นาที
- เรื่องการเติมน้ำมันเครื่องบิน ต้องเติมน้ำมันตามที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถเติมให้ต่ำกว่านี้ได้ และกัปตันก็เติมน้ำมันมาเผื่อในระดับหนึ่งแล้ว
- ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย อย่างไรก็ต้องไปลงที่สนามบินสำรอง เป็นหลักการสากลที่คนโดยสารเข้าใจ การเปลี่ยนแปลงสนามบินนั้นเกิดได้ โดยเฉพาะจากสภาพอากาศ เป็นสิ่งที่คู่กับนักบินอยู่แล้ว
- ผู้โดยสารมองว่ากัปตันไม่มีความเป็นนักสู้ พูดภาษาอังกฤษโดยไม่มั่นใจ สู้กัปตันชาวออสเตรเลียไม่ได้ กัปตันหน่อมแน้ม แย่งคนอื่นจอดลงไม่ได้ทั้งที่น้ำมันเหลือน้อย ซึ่งเรื่องภาษาอังกฤษนั้น นักบินทุกคนต้องสอบ Aviation English ทุกคน และต้องผ่าน สอบกันที่สถาบันกลาง ไม่ผ่านบินไม่ได้
- การลงจอดต้องเป็นไปตามคิว หากอากาศปิดก็ต้องวนรอก่อน อากาศดีขึ้นถึงจะได้ลงก่อน หากมาถึงช้าก็ได้ลงช้า รอไม่ได้ก็ไปสนามบินสำรอง จะมาแซงคิวไม่ได้ และไม่มีการต่อรอง ยกเว้นกรณีน้ำมันเหลือต่ำมากจนต้องออก Mayday Fuel คือน้ำกว่าน้ำมันสำรองก้นถัง แบบนี้จะขอลงจอดได้ แต่จะโดนสอบสวนไส้แตกแน่นอนว่าทำไมเอาตัวเองไปเสี่ยง หากนักบินหาญกล้าอย่างที่ท่านว่า บินวนที่เมลเบิร์นเพื่อต่อรองเรื่อย ๆ ผลลัพธ์คงไม่ทำให้ท่านปากแจ๋วได้แบบนี้
- นักบินหน่อมแน้มที่ท่านว่านี่แหละที่พารอดกันมาเยอะ ส่วนพวกมานะชาย หรือ Macho ส่วนใหญ่ตายก่อนเกษียณ ตอนนี้มีการถอดเคสมานะชายเหมือนที่ท่านว่ามาให้นักบินทั่วโลกเรียนกันในวิชาที่ชื่อว่า Crew Resource Management เพราะความเป็น "มานะชาย" นี่แหละที่ทำให้อันตราย
"สุดท้ายก่อนจบ นักบินไทยมาตรฐานระดับโลก ไปสอบที่ไหนเขาก็รับ อยู่เมืองนอกกันก็เยอะแยะครับ นักบินเราบินกันด้วยมาตรฐานที่สูงสุด เพราะเราก็กลัวตาย นักบินมี ลูก เมีย พ่อ แม่ คนรักที่รอเรากลับบ้านอยู่เช่นกัน กรุณาให้เกียรตินักบินคนที่ดูแลชีวิตท่านด้วย"
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
อุบัติเหตุหรือสิ่งที่ไม่คาดฝัน เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ และเกิดขึ้นกับทุกชนิดของการเดินทาง แม้กระทั่งการเดินทางโดยเครื่องบินที่ได้ขึ้นชื่อว่ามีความปลอดภัยเป็นอย่างมาก แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับไหวพริบปฏิภาณของกัปตันเครื่อง ว่าจะสามารถควบคุมเครื่องบิน และแก้ไขสถานการณ์นั้นได้ดีมากน้อยแค่ไหน ซึ่งแน่นอนว่าในบางครั้งบางที เพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร การแก้ไขสถานการณ์อาจทำให้ผู้โดยสารไม่ได้รับความสะดวกสบาย จนกลายมาเป็นเสียงก่นด่าตามมา
ล่าสุด ได้มีเรื่องราวของหนุ่มคนหนึ่ง ที่เดินทางด้วยสายการบินดัง จากกรุงเทพมหานคร ไปลงที่เมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย แต่ปรากฏว่าเครื่องบินได้บินวน ไม่สามารถลงจอดได้ที่เมลเบิร์น เครื่องจึงต้องเปลี่ยนไปลงที่ซิดนีย์แทน ทำให้หนุ่มคนนั้นไม่พอใจ ออกมาด่าสาปกัปตันเสีย ๆ หาย ถึงขั้นไล่ไปใส่กระโปรง
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal
หนุ่มโมโหจัด เปลี่ยนจากบินลงเมลเบิร์นเป็นซิดนีย์ ด่ากัปตันหน่อมแน้ม ไม่สู้คน ภาษาอังกฤษไม่ดี ไม่มีกระดูกสันหลัง
ทั้งนี้ ในเที่ยวบินดังกล่าว เป็นการเดินทางจากกรุงเทพฯ ไปลงที่กรุงเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ทว่ามีเหตุจำเป็นต้องที่เครื่องบินต้องไปลงที่ซิดนีย์แทน จนทำให้ผู้โดยสารออกมาตำหนิกัปตันด้วยคำพูดต่าง ๆ เช่น
- เครื่องบินไม่สามารถลงจอดได้ เพราะทัศนวิสัยไม่ดี และหอการบินสั่งให้เครื่องบินวน จนกระทั่งน้ำมันไม่พอ การใส่น้ำมันไม่พอเหมือนกัปตันไม่เผื่ออะไรเลย และบินวนแค่ 20 นาทีเท่านั้น เครื่องบินมาถึงตอนเช้า ยังไงก็ต้องบินวนในช่วงเวลาเร่งด่วน จนสุดท้ายต้องมาลงที่ซิดนีย์แทน
- ตนขึ้นลงสนามบินเมลเบิร์นมาไม่ต่ำกว่าพันรอบ ทุกฤดู ทุกเวลา ไม่เคยเจอแบบนี้โดยเฉพาะในหน้าร้อน ข้อมูลทางอากาศในอินเทอร์เน็ตเห็นกันทั่ว และจากไฟลต์เรดาร์พบว่าเที่ยวบินอื่นลงจอดได้อย่างสนุกสนาน ไม่มีใครมีปัญหา มองด้วยตาท้องฟ้าใสแจ๋ว โดยผู้โดยสารเช็กสภาพอากาศในมือถือ ก็พบว่าอากาศดี แดดออก 21 องศาเซลเซียส ทัศนวิสัยเยี่ยม มองเห็นได้ไกล 10 กม. และภาพที่อยู่บนเครื่องบินก็พบว่า อากาศดี ไม่มีเมฆมาบัง
- ผู้โดยสารมองว่า กัปตันไม่มีความเป็นนักสู้ ไม่พยายามสื่อสารกับหอการบิน เพราะอาจจะไม่มั่นใจในภาษาอังกฤษ และสู้กับเล่ห์เหลี่ยมของกัปตันสายการบินอื่นของออสเตรเลียไม่ได้ จนไม่สามารถแย่งกันเพื่อขอจอดได้ ทั้งที่น้ำมันเหลือน้อยแล้ว "ความหน่อมแน้มที่ไม่ควรมีในผู้ชายสักคน"
- ผู้โดยสารมองว่า กัปตันไม่แอ่นอกรับผิดชอบ ไม่พูดความจริง มีแต่ต้องการที่จะแถ ไม่มีความกล้าหรือกระดูกสันหลังเลย
- กัปตันโกหก ท้าทายความไม่โง่ของผู้โดยสาร ทุกคนมีอินเทอร์เน็ต กร่าง เหลือเชื่อจริง ๆ
- สายการบินแห่งนี้ เป็นสายการบินที่ห่วยระดับโลกตั้งแต่ผู้บริหาร เครื่องบิน กัปตัน นักบิน ยกเว้นพนักงานต้อนรับที่ดีนะดับโลก ถ้าไม่ติดว่าตนอยู่เมืองไทยและต้องโดนบังคับใช้สายการบินนี้ไปโดยปริยาย ตนจะไม่ใช้เลย สายการบินนี้คือตัวเลือกสุดท้ายเสมอ
"นี่บอกให้กัปตันออกมาสารภาพแล้ว ก็ยังไม่กล้าพูดอะไรสักคำ ผู้โดยสารก็โกรธ ปล่อยให้พนักงานต้อนรับกลายเป็นแพะ โดนด่าแทนกัปตัน แมนจริง ๆ"
ภาพจาก เฟซบุ๊ก กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal
กัปตันมาแจงเป็นข้อ เงียบมนุษย์ปากแจ๋ว ยันตอนนั้นอากาศไม่ดี ภาษาอังกฤษไม่แย่ พวกหน่อมแน้มนี่แหละ พาทุกคนรอดตายมาเยอะ
ในขณะเดียวกัน เฟซบุ๊ก กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal ได้ออกมาอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นข้อ ๆ ว่าแม้ท่านจะแสดงความไม่รู้ ดูถูกด้อยค่า และกัปตันและนักบินเพิ่งพาท่านรอดมาได้หยก ๆ
ในช่วงที่ไปถึงที่เมลเบิร์น อากาศคือ "ทัศนวิสัยย่ำแย่" โดยทัศนวิสัยเพียง 200 เมตร หมอกหนา ขับรถยังไม่เห็นทาง และในช่วงเวลาเดียวกันนั้น มีเครื่องบินที่ต้องเปลี่ยนเส้นทางกันเป็นจำนวน
- อากาศเฉพาะการบินเป็นข่าวเฉพาะ ไม่ได้เห็นตามอินเทอร์เน็ตหรือมากับมือถือ ให้ลองไปดูในแอปฯ Airport จะคอยบอกว่าอากาศเมืองที่ท่านอยู่ในตอนนี้เป็นอย่างไร อัปเดตทุก 30 นาที
- เรื่องการเติมน้ำมันเครื่องบิน ต้องเติมน้ำมันตามที่กฎหมายกำหนด ไม่สามารถเติมให้ต่ำกว่านี้ได้ และกัปตันก็เติมน้ำมันมาเผื่อในระดับหนึ่งแล้ว
- ถ้าเกิดเหตุสุดวิสัย อย่างไรก็ต้องไปลงที่สนามบินสำรอง เป็นหลักการสากลที่คนโดยสารเข้าใจ การเปลี่ยนแปลงสนามบินนั้นเกิดได้ โดยเฉพาะจากสภาพอากาศ เป็นสิ่งที่คู่กับนักบินอยู่แล้ว
- ผู้โดยสารมองว่ากัปตันไม่มีความเป็นนักสู้ พูดภาษาอังกฤษโดยไม่มั่นใจ สู้กัปตันชาวออสเตรเลียไม่ได้ กัปตันหน่อมแน้ม แย่งคนอื่นจอดลงไม่ได้ทั้งที่น้ำมันเหลือน้อย ซึ่งเรื่องภาษาอังกฤษนั้น นักบินทุกคนต้องสอบ Aviation English ทุกคน และต้องผ่าน สอบกันที่สถาบันกลาง ไม่ผ่านบินไม่ได้
- การลงจอดต้องเป็นไปตามคิว หากอากาศปิดก็ต้องวนรอก่อน อากาศดีขึ้นถึงจะได้ลงก่อน หากมาถึงช้าก็ได้ลงช้า รอไม่ได้ก็ไปสนามบินสำรอง จะมาแซงคิวไม่ได้ และไม่มีการต่อรอง ยกเว้นกรณีน้ำมันเหลือต่ำมากจนต้องออก Mayday Fuel คือน้ำกว่าน้ำมันสำรองก้นถัง แบบนี้จะขอลงจอดได้ แต่จะโดนสอบสวนไส้แตกแน่นอนว่าทำไมเอาตัวเองไปเสี่ยง หากนักบินหาญกล้าอย่างที่ท่านว่า บินวนที่เมลเบิร์นเพื่อต่อรองเรื่อย ๆ ผลลัพธ์คงไม่ทำให้ท่านปากแจ๋วได้แบบนี้
- นักบินหน่อมแน้มที่ท่านว่านี่แหละที่พารอดกันมาเยอะ ส่วนพวกมานะชาย หรือ Macho ส่วนใหญ่ตายก่อนเกษียณ ตอนนี้มีการถอดเคสมานะชายเหมือนที่ท่านว่ามาให้นักบินทั่วโลกเรียนกันในวิชาที่ชื่อว่า Crew Resource Management เพราะความเป็น "มานะชาย" นี่แหละที่ทำให้อันตราย
"สุดท้ายก่อนจบ นักบินไทยมาตรฐานระดับโลก ไปสอบที่ไหนเขาก็รับ อยู่เมืองนอกกันก็เยอะแยะครับ นักบินเราบินกันด้วยมาตรฐานที่สูงสุด เพราะเราก็กลัวตาย นักบินมี ลูก เมีย พ่อ แม่ คนรักที่รอเรากลับบ้านอยู่เช่นกัน กรุณาให้เกียรตินักบินคนที่ดูแลชีวิตท่านด้วย"