สามี-ภรรยาวัยชรา เชื่อใจลูกและสะใภ้ ยอมเซ็นยกทรัพย์สินให้หลานชาย ก่อนสุดท้ายโดนตะเพิดพ้นบ้านตัวเอง
![ไล่พ่อแม่จากบ้าน]( "ไล่พ่อแม่จากบ้าน")
รายงานเปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคู่รักวัยเกือบ 90 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศจีน พวกเขาเริ่มสร้างครอบครัวด้วยการเป็นเจ้าของห้องในแฟลตแห่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2530 ก่อนจะมีลูกชายหนึ่งคน โดยต่อมาลูกชายนั้นแต่งงานกับลูกสะใภ้ และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อสุขภาพเริ่มย่ำแย่และต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังจากนั้น ลูกชายและสะใภ้เริ่มกดดันให้เขาเซ็นสัญญาเพื่อยกทรัพย์สมบัติให้กับหลาน ตอนนั้นผู้เป็นแม่กังวลว่าจะต้องสูญเสียบ้านไปหากตัดสินใจดังกล่าว แต่ฝ่ายพ่อเลือกที่จะเชื่อใจครอบครัว เขาไม่คิดว่าลูกชายและสะใภ้จะทำเรื่องอะไรที่เลวร้าย และสักวันทรัพย์สินของพวกเขาก็จะต้องตกทอดไปสู่ลูกหลานอยู่ดี
ผู้เป็นพ่อตัดสินใจเซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าห้อง มูลค่าราว 1.05 ล้านหยวน (ราว 5.3 ล้านบาท) ให้กับหลานชาย โดยการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นไปโดยที่เขาไม่ได้บอกให้กับภรรยาได้ทราบ ซึ่งช่วงเวลานับจากนี้ เขาและภรรยายังสามารถอาศัยอยู่ในห้องได้จนกว่าจะเสียชีวิต
ต่อมา สุขภาพของผู้เป็นพ่อเริ่มย่ำแย่ลง การจะขึ้น-ลงในห้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากเนื่องจากไม่มีลิฟต์ เขาจึงเช่าที่พักของเพื่อนและย้ายเข้าไปอยู่ชั้นล่างในชุมชนที่อยู่อาศัยอื่น พร้อมกับปล่อยเช่าห้องพักที่พวกเขาเคยอยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว
![ไล่พ่อแม่จากบ้าน]( "ไล่พ่อแม่จากบ้าน")
จากนั้นเมื่อช่วงปีก่อน สัญญาณที่นำไปสู่เรื่องราวอันเลวร้ายเริ่มปรากฏออกมา เมื่อลูกชายและสะใภ้แจ้งว่าพวกเขาต้องการจะขายแฟลตเพื่อนำเงินทั้งหมดไปซื้อวิลล่า ผู้เป็นพ่อได้ฟังก็รู้สึกตกใจและทำการห้ามปรามลูก แต่เขากลับถูกลูกชายต่อว่ากลับมาอย่างรุนแรง ซ้ำลูกชายก็ยังไม่เคยแบ่งค่าเช่าห้องดังกล่าวให้กับผู้เป็นพ่อแม่เลยอีกด้วย
เมื่อสัญญาเช่าของผู้เช่าสิ้นสุดลง ทั้งสองพยายามจะย้ายกลับเข้าไปในบ้าน แต่พบว่าลูกชายของพวกเขาเปลี่ยนกุญแจไปแล้ว ในจังหวะนั้นพวกเขาไม่ทันได้เตรียมใจและไม่มีที่อื่นที่จะไปพัก จึงทำได้แค่นอนบนพื้นแข็ง ๆ อันหนาวเหน็บด้านนอกห้อง เมื่อลูกชายและลูกสะใภ้รับรู้ กลับไม่คิดจะห่วงใย แถมตอบกลับมาว่าห้องนั้นเป็นของพวกเขาแล้ว ผู้เป็นพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไป
หลังเกิดเรื่อง สามีและภรรยาวัยชราถูกบังคับให้ย้ายเข้าไปอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์ โดยปัจจุบันพวกเขาได้ตัดสินใจนำเรื่องนี้ออกมาตีแผ่ เพื่อขอคำแนะนำทางกฎหมาย โดยหวังว่าจะหาวิธีเพื่อให้ได้บ้านของตัวเองกลับคืนมา
ปรากฏว่า เรื่องราวนี้ได้จุดชนวนความไม่พอใจอย่างกว้างขวางบนโซเชียลของจีน ชาวเน็ตนั้นแสดงความเห็นอย่างดุเดือด เช่น "ลูกชายคนนี้ไม่ต่างจากปีศาจของจริง" หลายคนต่างมองว่ากรณีนี้เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก พร้อมส่งกำลังใจให้สามี-ภรรยา ได้บ้านของพวกเขากลับคืนมา
ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 31 มกราคม 2567 เว็บไซต์ SCMP รายงานเรื่องราวชวนสะเทือนหัวใจ กรณีคู่รักวัยชราถูกลูกชายแท้ ๆ และลูกสะใภ้ ยึดบ้านที่เคยอยู่อาศัยพร้อมไล่ออกไปจากบ้านโดยที่ไม่ทันเตรียมใจ จนต้องเผชิญความมืดมนในช่วงบั้นปลายของชีวิต รายงานเปิดเผยว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกับคู่รักวัยเกือบ 90 ปี ซึ่งอาศัยอยู่ในประเทศจีน พวกเขาเริ่มสร้างครอบครัวด้วยการเป็นเจ้าของห้องในแฟลตแห่งหนึ่งตั้งแต่ปี 2530 ก่อนจะมีลูกชายหนึ่งคน โดยต่อมาลูกชายนั้นแต่งงานกับลูกสะใภ้ และมีลูกชายด้วยกัน 1 คน
เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้เป็นพ่อสุขภาพเริ่มย่ำแย่และต้องเข้ารับการผ่าตัด หลังจากนั้น ลูกชายและสะใภ้เริ่มกดดันให้เขาเซ็นสัญญาเพื่อยกทรัพย์สมบัติให้กับหลาน ตอนนั้นผู้เป็นแม่กังวลว่าจะต้องสูญเสียบ้านไปหากตัดสินใจดังกล่าว แต่ฝ่ายพ่อเลือกที่จะเชื่อใจครอบครัว เขาไม่คิดว่าลูกชายและสะใภ้จะทำเรื่องอะไรที่เลวร้าย และสักวันทรัพย์สินของพวกเขาก็จะต้องตกทอดไปสู่ลูกหลานอยู่ดี
ผู้เป็นพ่อตัดสินใจเซ็นเอกสารโอนกรรมสิทธิ์การเป็นเจ้าห้อง มูลค่าราว 1.05 ล้านหยวน (ราว 5.3 ล้านบาท) ให้กับหลานชาย โดยการเซ็นสัญญาครั้งนี้เป็นไปโดยที่เขาไม่ได้บอกให้กับภรรยาได้ทราบ ซึ่งช่วงเวลานับจากนี้ เขาและภรรยายังสามารถอาศัยอยู่ในห้องได้จนกว่าจะเสียชีวิต
ต่อมา สุขภาพของผู้เป็นพ่อเริ่มย่ำแย่ลง การจะขึ้น-ลงในห้องเป็นเรื่องที่ยากลำบากเนื่องจากไม่มีลิฟต์ เขาจึงเช่าที่พักของเพื่อนและย้ายเข้าไปอยู่ชั้นล่างในชุมชนที่อยู่อาศัยอื่น พร้อมกับปล่อยเช่าห้องพักที่พวกเขาเคยอยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
จากนั้นเมื่อช่วงปีก่อน สัญญาณที่นำไปสู่เรื่องราวอันเลวร้ายเริ่มปรากฏออกมา เมื่อลูกชายและสะใภ้แจ้งว่าพวกเขาต้องการจะขายแฟลตเพื่อนำเงินทั้งหมดไปซื้อวิลล่า ผู้เป็นพ่อได้ฟังก็รู้สึกตกใจและทำการห้ามปรามลูก แต่เขากลับถูกลูกชายต่อว่ากลับมาอย่างรุนแรง ซ้ำลูกชายก็ยังไม่เคยแบ่งค่าเช่าห้องดังกล่าวให้กับผู้เป็นพ่อแม่เลยอีกด้วย
เมื่อสัญญาเช่าของผู้เช่าสิ้นสุดลง ทั้งสองพยายามจะย้ายกลับเข้าไปในบ้าน แต่พบว่าลูกชายของพวกเขาเปลี่ยนกุญแจไปแล้ว ในจังหวะนั้นพวกเขาไม่ทันได้เตรียมใจและไม่มีที่อื่นที่จะไปพัก จึงทำได้แค่นอนบนพื้นแข็ง ๆ อันหนาวเหน็บด้านนอกห้อง เมื่อลูกชายและลูกสะใภ้รับรู้ กลับไม่คิดจะห่วงใย แถมตอบกลับมาว่าห้องนั้นเป็นของพวกเขาแล้ว ผู้เป็นพ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไป
หลังเกิดเรื่อง สามีและภรรยาวัยชราถูกบังคับให้ย้ายเข้าไปอยู่ที่เกสต์เฮ้าส์ โดยปัจจุบันพวกเขาได้ตัดสินใจนำเรื่องนี้ออกมาตีแผ่ เพื่อขอคำแนะนำทางกฎหมาย โดยหวังว่าจะหาวิธีเพื่อให้ได้บ้านของตัวเองกลับคืนมา
ปรากฏว่า เรื่องราวนี้ได้จุดชนวนความไม่พอใจอย่างกว้างขวางบนโซเชียลของจีน ชาวเน็ตนั้นแสดงความเห็นอย่างดุเดือด เช่น "ลูกชายคนนี้ไม่ต่างจากปีศาจของจริง" หลายคนต่างมองว่ากรณีนี้เป็นเรื่องที่เลวร้ายมาก พร้อมส่งกำลังใจให้สามี-ภรรยา ได้บ้านของพวกเขากลับคืนมา
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก SCMP
