รีวิวอาชีพแท็กซี่ จากรายได้หลักหมื่น สู่เดือนละ 1 ล้าน มีรถกว่า 100 คัน พลิกชีวิตได้ยังไง


          รีวิวอาชีพทำแท็กซี่ ตอนนี้มีรถกว่า 100 คัน รายได้หลักหมื่น สู่เดือนละ 1 ล้าน จากคนขับแท็กซี่ธรรมดา หาเช้ากินค่ำ สู่เถ้าแก่อู่ เผยเคล็ดลับทำได้ยังไง ตลอดเวลา 14 ปีที่ประกอบอาชีพนี้ และวิธีจัดการแก้ปัญหาต่าง ๆ

อู่แท็กซี่

          อาชีพคนขับแท็กซี่ เป็นอาชีพของคนหาเข้ากินค่ำ ซึ่งการที่จะได้เงินน้อยหรือมาก ก็ขึ้นอยู่กับความขยันและไหวพริบของคนขับด้วยเช่นกัน ซึ่งส่วนมาก คนที่ขับแท็กซี่อาจจะขับไปตลอด หรือไม่เช่นนั้นก็เอาประสบการณ์จากการขับแท็กซี่ไปขับรถอย่างอื่น แต่ล่าสุด ได้มีคนหนึ่งที่ได้ออกมารีวิวชีวิตของเขา ที่เริ่มจากการเป็นแค่คนขับแท็กซี่ธรรมดา วันนี้เขาได้ต่อยอดในวิชาชีพ จนมีรายได้เดือนละ 1 ล้าน

          วันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2567 คุณ เจ้าพ่อเจริญกรุง สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม มีการเล่าประสบการณ์การทำธุรกิจแท็กซี่ 14 ปี จากรายได้หลักหมื่นสู่เดือนละ 1 ล้าน ถ้าดูจากตัวเลขแล้ว มันก็แทบไม่น่าเชื่อ แต่เจ้าตัวก็สามารถทำได้ มีเคล็ดลับอย่างไร จะเริ่มเล่าอย่างละเอียดยิบ

          ความฝันของเจ้าของกระทู้คือ การทำอาชีพขับรถแท็กซี่ แล้วมีเงินที่สามารถซื้อรถได้ 100 คันด้วยเงินสด ฝันนี้ดูเหมือนจะห่างไกล และการฝ่าฟันจนมาถึงเป้าหมายก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

จากอดีตคนขับแท็กซี่ สู่เจ้าของอู่แท็กซี่ ตั้งเป้า - ขยัน ความฝันเป็นจริงได้


          เส้นทางในสายอาชีพนี้ เริ่มตั้งแต่ปี 2552 เมื่อที่บ้านของเขาให้เงินมาหนึ่งก้อนไปซื้อรถ ตอนนั้นเขาได้ซื้อรถโตโยต้า วีออส และไปสอบใบขับขี่ส่วนบุคคล ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปตามปกติ เมื่อขับรถมาได้ 1 ปี เขาอยากจะขับแท็กซี่ จึงไปสอบใบขับขี่รถสาธารณะ แต่ปรากฏว่าสอบไม่ผ่าน เพราะปลายเส้นประสาทอ่อนแรง เจ้าหน้าที่ขนส่งพื้นที่ 3 ระดับที่น่าจะใหญ่ที่สุดในหน่วย เป็นคนบอกเขาเอง เขาถึงขั้นเสียใจร้องไห้ออกมาอย่างไม่อาย เพราะคาดหวังว่าจะได้ใบขับขี่และจะได้ทำทุกอย่างให้ถูกต้อง

          ถึงกระนั้นเขาก็ไม่ยอมแพ้ เขาไปซื้อแท็กซี่เขียวเหลืองมา 1 คัน และซื้อแบบชุดโอนลอย จนวันที่ วันที่ 28 พฤษภาคม 2553 ขับไป 3 ชั่วโมงแรก เลือกใช้เส้นทางสนามหลวงเพราะมั่นใจว่าต้องมีผู้โดยสารโบกรถเรียกแน่นอน แต่ผลที่ได้คือ ไม่ได้ผู้โดยสารคน มาได้ตอนขากลับบริเวณพระราม 4 สรุป 1 เดือนแรก ได้เงินมา 40,000 บาท ตกวันละ 1,300 บาท

          ในช่วงนั้น การเรียกแท็กซี่ในแอปฯ ยังไม่บูม เขาจึงได้แต่ผู้โดยสารที่โบกรถหน้างาน และความที่อยากได้เงินเยอะ ๆ เขาก็ตื่นมาขับรถตั้งแต่เช้าจนถึงตี 3 ทำแบบนี้ไป 3 เดือน ได้เงินมา 100,000 บาท จึงอยากบอกว่า เงินแสนไม่ได้หายากขนาดนั้น ถ้าขยัน

          ทว่าพี่สาวกลับเป็นห่วงที่โหมงานหนัก เนื่องจากเขสมีโรคเส้นประสาทอ่อนแรง บวกกับกลับบ้านตี 3 ทุกวัน เจ้าของกระทู้จึงเลิกขับรถตามความต้องการของพี่สาว แล้วหันมาจับธุรกิจปล่อยเช่ารถแทน จากคนขับปรับอาชีพมาเป็นเถ้าแก่ ตั้งเป้ามีรถหลายร้อยคัน

          แผนงานเริ่มต้นของเจ้าของกระทู้ใน 28 ปี คือ ตั้งเป้ามีรถ 300 คัน แต่ในตอนนี้เข้าสู่ปีที่ 14 เป้าหมายอยู่ที่ 80 คัน แต่ปัจจุบันมีร่วม 100 คัน ถือว่าเกินกว่าเป้า

ชีวิตเถ้าแก่แท็กซี่ที่ไม่ง่าย ชีวิตที่คู่กับการขึ้นโรงพัก หาคนขับแท็กซี่ดี ๆ ยากมาก


          การเปลี่ยนสถานะจากคนขับเป็นคนปล่อยเช่ารถ ทำให้เจ้าของกระทู้ได้เจอเรื่องราวหลากหลาย เพราะต้องเจอคนเช่าหลายประเภท เจ้าตัวยอมรับว่า ส่วนใหญ่คนเช่า "แสบมาก" ถ้าตีเป็นคนขับ 100 คน จะมีแสบสุด ๆ 30 คน, แสบกลาง ๆ 60 คน และดีเลิศเพียง 10 คนเท่านั้น หาคนที่จ่ายค่าเช้าตรงตามงวดได้ยากมาก

          เจ้าของกระทู้ ทำธุรกิจปล่อยเช่าโดยมีรถแค่คันเดียวอยู่ 2 ปี ไม่ได้ซื้อรถมาเพิ่มเพราะช่วงนั้นเจอปัญหาชีวิตแม่เลี้ยงโกงเงิน กระทั่งมีพี่สาวมาให้ยืมเงิน ทำให้สามารถซื้อรถคันที่ 2 ได้สำเร็จในปี 2555

          การเป็นเจ้าของอู่แท็กซี่ มักอยู่คู่กับการไปโรงพัก ตลอดอาชีพที่ทำมา เข้าโรงพักไปเกิน 20 ครั้ง ในปี 2566 ก็เข้าไป 3 ครั้ง มีทั้งคดีรถไฟไหม้ซึ่งแรงสุดตั้งแต่ทำธุรกิจ, คดีคนขับถอดแม็กซ์ไปขาย, คดีฉ้อโกงคนรับซื้อของเก่า เอาฝาสูบไปขาย ทางเจ้าของกระทู้ก็ไม่ยอมปล่อยเฉย ต้องเอาคนผิดมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้

          ปัญหาจุกจิกอีก 1 เรื่องคือ การต้องต่อสู้กับอารมณ์ตัวเองที่หงุดหงิดเวลามีเคสรถชน คนไม่จ่ายค่างวด ต้องเอาชนะสิ่งเหล่านี้ให้ได้ ถึงประสบความสำเร็จ ส่วนในปัจจุบัน ถ้าหากต้องการทำธุรกิจประเภทนี้ ต้องปรับตัวตามยุคสมัย ทำรถที่รับงานผ่านแอปฯ ได้ด้วย

อู่แท็กซี่

หลักการบริหารรถ ซื้อรถมือสอง ปล่อยเช่าทำกำไร อย่าไปซื้อรถป้ายแดง


          วิธีที่เจ้าของกระทู้ใช้คือ การซื้อรถมือ 2 ป้ายดำ แล้วนำมารีไฟแนนซ์ใหม่ ดอกเบี้ยจะถูกกว่าการซื้อรถป้ายแดง โดยดอกเบี้ยรถมือ 2 อยู่ที่ประมาณ 4-5 เปอร์เซ็นต์ต่อปี ต่อให้รวมภาษีมูลค่าเพิ่มก็ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์ต่อปี และใช้เวลาผ่อนสั้นกว่า เช่น ซื้อรถมือ 2 ประมาณ 3 แสนบาท ถ้าปล่อยเช่าซื้อให้คนขับต่อประมาณ 3-4 ปี ก็จะได้เงินมา 6 แสน กำไรราว 3 แสนบาท เห็นกำไรเยอะขนาดนี้ แต่มันก็ต้องแลกกับความเสี่ยงในหลาย ๆ เรื่องเช่นกัน

          เจ้าของกระทู้ ยังอธิบายถึงเหตุผลสำคัญในการเลือกซื้อรถมือ 2 ด้วยว่า รถมือ 2 เอามาทำธุรกิจแท็กซี่ มีโอกาสโตเร็วกว่ารถป้ายแดง เพราะค่าเสื่อมสภาพของป้ายแดงมีสูง เช่น ถ้าซื้อรถป้ายแดงราคา 1 ล้านบาท ใช้ไป 1 ปี ขายได้ 7 แสนบาท แต่รถมือ 2 มีค่าเสื่อมสภาพที่น้อยกว่า ทุนต่ำ ราคาตกลงนิดเดียว เท่ากับทำธุรกิจโตเร็วกว่า

          หลังจากนั้น เจ้าของกระทู้ก็ใช้วิธีการรีไฟแนนซ์ไปเรื่อย ๆ ประมาณ 4 ปีต่อคัน แล้วก็ซื้อรถเพิ่ม จนสถานะการเงินมั่นคง ก็เลิกรีไฟแนนซ์ และซื้อรถด้วยเงินสด

          ปัจจุบัน เจ้าของกระทู้เป็นคนปล่อยเช่าแท็กซี่และเปิดอู่รถเอง เพียงแต่ยังไม่มีช่างซ่อม เนื่องจากช่างซ่อมดี ๆ นั้นหายาก จึงใช้วิธีจ้างคนนอกมาทำ แต่ค่าซ่อมเดือนหนึ่งก็เยอะพอสมควร แลกกับงานที่ดีและมีรับประกัน

          นอกจากการซื้อรถมือ 2 แล้ว ยังต้องอดออม ลงทุนเพิ่มเสมอ เช่น ในทุก ๆ เดือนต้องลงทุนซื้อรถ 3-4 คันทุกเดือน ช่วงที่ทำอาชีพนี้ใหม่ ๆ กว่าจะซื้อได้ 1 คัน เป็นอะไรที่ใช้เวลานานมาก ตรงกับวลีที่ว่า หากหาเงินล้านแรกได้ ล้านต่อไปง่ายนิดเดียว ผลตอบแทนทวีคูณมีจริง แต่ต้องสู้หน่อย

วิธีจัดการกับลูกค้าเจ้าปัญหา - เจอปัญหาโควิด รับมือยังไง และมุมมองต่อรถอีวี


          ในกรณีที่เจอลูกค้าแสบมาก ๆ โดยเฉพาะเรื่องการค้างค่าเช่ารถนาน ๆ ทางเจ้าของกระทู้จะใช้วิธีการให้ทีมงานไปยึดรถคืน แต่ถ้าเป็นช่วงทำงานแรก ๆ จะไปยึดรถพร้อมกับลูกน้องอีก 2 คน

          ส่วนช่วงโควิด 19 ก็เจอปัญหาเรื่องไม่มีคนเช่ารถ เพราะรัฐบาลมีมาตรการกักตัวอยู่บ้าน จึงไม่มีใครออกไปไหน สถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ก็ปิดหมด ในช่วงนั้นมีรถประมาณ 50 คัน มีคนเอาไปวิ่งแค่ 25 คัน จอดเหลือ 25 คัน รายได้จากการวิ่งตกคันละ 100-200 บาทเท่านั้น

          เจ้าของกระทู้ไม่กลัวเรื่องความนิยมรถอีวีที่เพิ่มขึ้น และยังไม่คิดลงทุนทางด้านนี้ เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่นิ่ง ถ้าหากรถมีปัญหาไปชนกับใคร เสียค่าอะไหล่แพงบานเบอะดังที่เป็นข่าวหลายครั้ง

อู่แท็กซี่

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รีวิวอาชีพแท็กซี่ จากรายได้หลักหมื่น สู่เดือนละ 1 ล้าน มีรถกว่า 100 คัน พลิกชีวิตได้ยังไง โพสต์เมื่อ 10 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 09:16:01 38,369 อ่าน
TOP
x close