อัยการคนสวย พลิกสวมสูทแต่งแมน คนตกใจถกกันสนั่น ที่แท้เบื้องหลังสุดอบอุ่น

          อัยการคนสวย พลิกสวมสูทแต่งแมน คนตกใจถกกันสนั่น ก่อนรู้เบื้องหลังสุดอบอุ่น ลุคไม่คุ้นนี้เพื่อครอบครัว หยอกใครจะมาคุยด้วย ขอคนหล่อกว่าตัวเอง 


          วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2567 เว็บไซต์ ETtoday รายงานเรื่องราวของ เฉินฮั่นจาง อัยการประจำสำนักงานอัยการเขตนิวไทเป ของไต้หวัน ซึ่งแม้ว่าเขาจะเกิดมาเป็นผู้ชาย แต่เฉินฮั่นจางก็รักที่จะสวมเสื้อผ้าผู้หญิง และมักปรากฏตัวในลุคผมยาว สวมกระโปรงสวยหวานเหมือนผู้หญิง พร้อมแชร์ภาพในชุดแฟชั่นต่าง ๆ ผ่านอินสตาแกรมอยู่เสมอ จนมีผู้ติดตามมากกว่า 7 หมื่นคน อีกทั้งยังได้รับฉายาจากชาวเน็ต ว่าเป็นอัยการที่สวยที่สุดด้วย

          แต่ไม่กี่วันก่อน อยู่ ๆ เฉินฮั่นจาง ก็ปรากฏตัวในลุคที่ดูต่างออกไป เมื่อเขาสลัดชุดหวาน ๆ ที่ทุกคนคุ้นตา เปลี่ยนกลับมาสวมสูทผูกเนกไท ไว้ผมสั้น รูปลักษณ์ที่หล่อเหลาผิดตาทำให้เกิดเสียงฮือฮาขึ้น ขณะที่ผู้คนมากมายต่างก็รู้สึกสงสัย พากันถกเถียงและตั้งคำถามว่าเหตุใดอัยการคนสวยจึงลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองเช่นนี้


          จนล่าสุด เฉินฮั่นจาง ก็ตัดสินใจออกมาอธิบายเหตุผล ซึ่งเมื่อได้ทราบถึงที่มาที่ไปก็ทำเอาชาวเน็ตอดตื้นตันไม่ได้

          โดย เฉินฮั่นจาง ระบุในโพสต์อินสตาแกรมว่า เหตุที่เขากลับมาสวมชุดผู้ชายที่ไม่ได้สวมมานานแล้วนี้ ก็เพื่อจะถ่ายรูปครอบครัวสำหรับอัลบั้มจบการศึกษาของลูกนั่นเอง


          พร้อมกันนั้นเขายังเผยภาพของลูกชาย ที่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างตัวเขากับภรรยา บรรยากาศของครอบครัวอบอุ่นน่ารัก เป็นหนึ่งเดียวกัน และยังมีภาพของ เฉินฮั่นจาง ลุคชายหนุ่มในมุมต่าง ๆ ด้วย ซึ่งเขายังบอกขำ ๆ ว่า "ถ้าคุณอยากคุยกับฉัน จะต้องหล่อกว่าฉันนะ"

          อย่างไรก็ตาม เฉินฮั่นจาง ยืนยันว่าเขายังชอบลุคผู้หญิงของตัวเองอยู่ ส่วนผมยาวสวยที่หายไปนั้นก็ไม่ได้ตัดทิ้งแต่อย่างใด เพียงแค่ซ่อนไว้ใต้วิกผมสั้นเท่านั้น ส่วนคนวิจารณ์เรื่องรูปลักษณ์ของเขานั้น อัยการคนสวยระบุว่า "รูปลักษณ์ของชายหญิงที่ชาวเน็ตบางคนรู้จัก อาจจะต่างจากชายหญิงที่ฉันรู้จักอยู่เล็กน้อยนะ"


          ทั้งนี้ ชาวเน็ตบางส่วนก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ชื่นชม เฉินฮั่นจาง กับลุคใหม่ของเขา เช่น "หล่อมากเลย" "สวมชุดผู้ชายแล้วให้สไตล์เหมือนบอยแบนด์ญี่ปุ่นเลย" และ "ไถมาเจอโดยบังเอิญ นึกว่าศิลปินค่ายจอห์นนี่ซะอีก ให้ฟีลเหมือนหนุ่มญี่ปุ่นเลย"

ขอบคุณข้อมูลจาก ETtoday