ไวรัลสาวอินโดนีเซียเข้าไทยพร้อมสามี แต่ถูกปฏิเสธเข้าประเทศเพราะเงินไม่พอ ด้านสถานทูตอินโดฯ ในไทยดันรับลูก ส่วน ตม. ไทยแจงเป็นเรื่องโอละพ่อ งานนี้เจ้าตัวแจงกลับ แบบนี้ใครผิดใครถูกกันแน่
ภาพจาก ช่อง 3
ช่อง 3 รายงานว่า จากกรณีที่เพจสถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เตือนชาวอินโดนีเซียที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยว่า ให้เตรียมหนังสือเดินทาง ทริปการท่องเที่ยว เงินติดตัว มิเช่นนั้นจะถูก ตม. ไทยส่งกลับ และต่อมามีนักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดนีเซีย เล่าเรื่องผ่าน TikTok @herjastip_ ระบุว่า เดือนมกราคม ที่ผ่านมา ตนกับสามีเดินทางมาฉลองฮันนีมูนที่ไทย ตนผ่าน ตม. ได้ แต่สามีติด ตม. เพราะไม่มีเงินติดตัว ดังนั้น ตนจึงพยายามกด ATM แสดงเงินแก่เจ้าหน้าที่ แต่ทาง ตม. ก็ยังส่งสามีตนกลับ ทำให้ตนต้องยกเลิกการเดินทาง กลับไปพร้อมสามีและไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแทน
เรื่องดังกล่าว สร้างความเสียหายแก่วงการท่องเที่ยวไทยมากในแง่ภาพลักษณ์ ทำให้ พล.ต.ต. เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ โฆษก สตม. เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า ผู้โพสต์เป็นชาวอินโดนีเซีย ชื่อ นางสาวฟาลิดา (นามสมมติ) เดินทางเข้าไทยทางสนามบินดอนเมือง เที่ยวบิน FD395 จาการ์ตา - ดอนเมือง เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา แต่ในวงจรปิดกลับพบว่า เธอเดินทางเข้าไทยเพียงคนเดียว
ภาพจาก TikTok @herjastip_
ส่วนวันกลับนั้น เธอออกจากไทยวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ทางสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ตรงกับที่เธอพูดในคลิป เธออยู่ไทยนานถึง 13 วัน นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นางสาวฟาลิดาเข้า-ออกไทยบ่อยครั้ง มีอาชีพค้าขายออนไลน์ ดังนั้น การพูดเรื่องสามีไม่ผ่าน ตม. เป็นการสร้างคอนเทนต์เท่านั้น
ต่อมา ทาง สตม. ได้เชิญผู้แทนสถานทูตอินโดนีเซียในไทยมาร่วมรับฟังคำชี้แจง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อนโยบายเปิดฟรีวีซ่าและการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง โดยในที่ประชุมมีการเปิดคลิปหลักฐาน
ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบกลุ่มท่องเที่ยวที่อาจมาลักลอบทำงาน จะดูแผนการท่องเที่ยว การจองที่พักเป็นหลัก ส่วนเงินติดตัวเป็นประเด็นประกอบ เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้บัตรเครดิต และการจ่ายเงินผ่านทางออนไลน์ ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องเงินสดติดตัวไม่พอแล้วจะถูกปฏิเสธการเข้าเมือง จึงไม่ตรงตามข้อเท็จจริง
คนที่ถูกปฏิเสธเข้าเมืองส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่สามารถแสดงแผนท่องเที่ยว ไม่มีการจองที่พัก หรือใช้ใบจองที่พักปลอมเพื่อตบตา อีกทั้งคนอินโดนีเซียจำนวนมากถูกหลอกให้บินเข้าไทยเพื่อไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เข้าข่ายเสี่ยงค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ตม. ไทย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเสมอ
ภาพจาก TikTok @herjastip_
สาวอินโดไม่ยอม ตม. ไทย อัดคลิปแจง ทำไมถึงอินโดฯ คนเดียว
หญิงคนดังกล่าว อัดคลิปชี้แจงกลับไปว่า อยากจะแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ฉันไปประเทศไทยคนเดียว มันไม่จริงเลยนะ ความจริงคือ ฉันไปกับสามี แต่ฉันจองตั๋วกลับอินโดนีเซียผิดวัน
วันที่ไปเช็กอินขากลับที่ดอนเมืองคือวันที่ 15 มกราคม ตอน 10.00 น. พร้อมสามี แต่ฉันไม่สามารถกลับประเทศได้ ดังนั้น อีกวันหนึ่งคือ 16 มกราคม ฉันจึงไปที่สุวรรณภูมิเพื่อซื้อตั๋วใหม่ ออกเดินทางจากไทยในวันนั้น ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมฉันไปคนเดียว เพราะฉันซื้อตั๋วผิด
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3
ภาพจาก ช่อง 3
ช่อง 3 รายงานว่า จากกรณีที่เพจสถานทูตอินโดนีเซียประจำประเทศไทย เตือนชาวอินโดนีเซียที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทยว่า ให้เตรียมหนังสือเดินทาง ทริปการท่องเที่ยว เงินติดตัว มิเช่นนั้นจะถูก ตม. ไทยส่งกลับ และต่อมามีนักท่องเที่ยวสาวชาวอินโดนีเซีย เล่าเรื่องผ่าน TikTok @herjastip_ ระบุว่า เดือนมกราคม ที่ผ่านมา ตนกับสามีเดินทางมาฉลองฮันนีมูนที่ไทย ตนผ่าน ตม. ได้ แต่สามีติด ตม. เพราะไม่มีเงินติดตัว ดังนั้น ตนจึงพยายามกด ATM แสดงเงินแก่เจ้าหน้าที่ แต่ทาง ตม. ก็ยังส่งสามีตนกลับ ทำให้ตนต้องยกเลิกการเดินทาง กลับไปพร้อมสามีและไปฮันนีมูนที่ญี่ปุ่นแทน
เรื่องดังกล่าว สร้างความเสียหายแก่วงการท่องเที่ยวไทยมากในแง่ภาพลักษณ์ ทำให้ พล.ต.ต. เชิงรณ ริมผดี ผบก.ตม.2 และ โฆษก สตม. เปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว พบว่า ผู้โพสต์เป็นชาวอินโดนีเซีย ชื่อ นางสาวฟาลิดา (นามสมมติ) เดินทางเข้าไทยทางสนามบินดอนเมือง เที่ยวบิน FD395 จาการ์ตา - ดอนเมือง เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ผ่านมา แต่ในวงจรปิดกลับพบว่า เธอเดินทางเข้าไทยเพียงคนเดียว
ภาพจาก TikTok @herjastip_
ส่วนวันกลับนั้น เธอออกจากไทยวันที่ 16 มกราคม ที่ผ่านมา ทางสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งข้อเท็จจริงไม่ตรงกับที่เธอพูดในคลิป เธออยู่ไทยนานถึง 13 วัน นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบว่า นางสาวฟาลิดาเข้า-ออกไทยบ่อยครั้ง มีอาชีพค้าขายออนไลน์ ดังนั้น การพูดเรื่องสามีไม่ผ่าน ตม. เป็นการสร้างคอนเทนต์เท่านั้น
ต่อมา ทาง สตม. ได้เชิญผู้แทนสถานทูตอินโดนีเซียในไทยมาร่วมรับฟังคำชี้แจง พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อนโยบายเปิดฟรีวีซ่าและการกระตุ้นท่องเที่ยวของรัฐบาลเป็นอย่างยิ่ง โดยในที่ประชุมมีการเปิดคลิปหลักฐาน
ส่วนขั้นตอนการตรวจสอบกลุ่มท่องเที่ยวที่อาจมาลักลอบทำงาน จะดูแผนการท่องเที่ยว การจองที่พักเป็นหลัก ส่วนเงินติดตัวเป็นประเด็นประกอบ เนื่องจากปัจจุบันมีการใช้บัตรเครดิต และการจ่ายเงินผ่านทางออนไลน์ ดังนั้นการกล่าวอ้างเรื่องเงินสดติดตัวไม่พอแล้วจะถูกปฏิเสธการเข้าเมือง จึงไม่ตรงตามข้อเท็จจริง
คนที่ถูกปฏิเสธเข้าเมืองส่วนใหญ่เป็นเพราะไม่สามารถแสดงแผนท่องเที่ยว ไม่มีการจองที่พัก หรือใช้ใบจองที่พักปลอมเพื่อตบตา อีกทั้งคนอินโดนีเซียจำนวนมากถูกหลอกให้บินเข้าไทยเพื่อไปทำงานแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน เข้าข่ายเสี่ยงค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ตม. ไทย พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยวอินโดนีเซียเสมอ
ภาพจาก TikTok @herjastip_
สาวอินโดไม่ยอม ตม. ไทย อัดคลิปแจง ทำไมถึงอินโดฯ คนเดียว
หญิงคนดังกล่าว อัดคลิปชี้แจงกลับไปว่า อยากจะแก้ความเข้าใจผิดที่ว่า ฉันไปประเทศไทยคนเดียว มันไม่จริงเลยนะ ความจริงคือ ฉันไปกับสามี แต่ฉันจองตั๋วกลับอินโดนีเซียผิดวัน
วันที่ไปเช็กอินขากลับที่ดอนเมืองคือวันที่ 15 มกราคม ตอน 10.00 น. พร้อมสามี แต่ฉันไม่สามารถกลับประเทศได้ ดังนั้น อีกวันหนึ่งคือ 16 มกราคม ฉันจึงไปที่สุวรรณภูมิเพื่อซื้อตั๋วใหม่ ออกเดินทางจากไทยในวันนั้น ดังนั้น จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมฉันไปคนเดียว เพราะฉันซื้อตั๋วผิด
ขอบคุณข้อมูลจาก ช่อง 3