x close

โอละพ่อ เศรษฐินีตามหาผัวป่วย หนีไปกับลูกจ้าง ฝ่ายชายโผล่อ้าง เล่าหนังคนละม้วน !

          เศรษฐินี ตามหาสามีป่วยโรคสมองหายจากบ้าน เชื่อฝีมือหญิงที่เคยจ้างทำงาน ด้านฝ่ายชายโผล่แจง ตั้งใจหนีเพราะทนเมียไม่ไหว จบที่เลือกแยกทาง

          จากกรณี น.ส.มัลลิกา อายุ 57 ปี นักธุรกิจหญิง ร้องเรียนผ่านสื่อมวลชนว่า นายสรายุทธ อายุ 53 ปี ผู้เป็นสามี หายตัวออกจากบ้านในหมู่บ้าน ต.บางคูวัด อ.เมือง จ.ปทุมธานี โดยน่าจะมีคนขับรถมารับไป เกรงว่าจะถูกหลอกลวงหรือได้รับอันตราย เพราะสามีนั้นมีอาการป่วยสมองเหลือเพียงครึ่งซีก โดยคาดว่าสามีนั้นน่าจะถูกหญิงสาวที่เคยทำงานนั้นพาตัวไปด้วยจุดประสงค์บางอย่าง

          น.ส.มัลลิกา เล่าว่า ก่อนหน้านี้ ตนรู้จักกับชายคนหนึ่ง จากการไปซื้อตู้เย็นที่อีกฝ่ายโพสต์ขาย ก่อนที่เจ้าตัวจะติดต่อกลับมาขอความช่วยเหลือ ฝ่ายชายอ้างว่าเขามีภรรยาและแม่ที่ป่วย ลูกเป็นออทิสติก อยากกลับมาอยู่ที่ปทุมธานี เธอจึงช่วยเหลือให้ได้มาอยู่ที่ห้องเช่าใกล้กับหมู่บ้าน น.ส.มัลลิกา ช่วยให้เงินไปใช้หนี้ และเธอก็ลงทุนเปิดร้านอาหารตามสั่งให้ทำเป็นอาชีพ แต่หลังจากขายไปได้หนึ่งวัน ชายคนนี้ก็บอกว่าขายไม่ไหว ทำไม่ได้แล้ว เธอก็เสียความรู้สึกมาก จึงถามไปว่าแล้วจะทำยังไง ก่อนที่ฝ่ายชายจะเสนอว่าจะให้ภรรยา ชื่อ "นางฝน" มาทำงานหาเงินแทน ก่อนที่เธอจะให้ฝนไปทำงานอยู่ที่ร้านซักรีด

          หลังจากผ่านไปราวหนึ่งเดือน น.ส.มัลลิกา ต้องเดินทางไปทำธุระที่ภาคใต้ ส่วนขากลับเธอให้นายสรายุทธกลับมากับนางฝน เพราะเธอนั้นต้องอยู่ดูงานต่อ หลังจากกลับมาได้ไม่นานก็พบเรื่องผิดสังเกต กลับมาที่ร้านไม่เห็นใครอยู่ในร้าน แต่เห็นรองเท้าของนางฝนถอดทิ้งไว้ น.ส.มัลลิกา จึงลองเดินหา เคาะประตูห้องก็ไม่มีใครตอบรับ จนไปแอบซุ่มดู ก่อนจะพบนางฝนเดินออกมาจากห้อง จึงเข้าไปถามว่า นายสรายุทธ สามีตนไปไหน นางฝนบอกว่าอยู่ในบ้าน โดยนางฝนอ้างว่าไปเข้าห้องน้ำมา ตอนนั้นไม่เชื่อ จึงได้เรียกทั้งสองคนมาคุย ก่อนที่จะไล่นางฝนออกจากงาน

          จากนั้น น.ส.มัลลิกา ก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด โดยพานายสรายุทธไปด้วย ระหว่างทาง ได้ขอให้นายสรายุทธ มาสลับขับรถแทน เมื่อสามีขับไปได้สักพัก มีโทรศัพท์เข้ามาเป็นสายของนางฝน ตนจึงรับสายแทน ถามว่ายังไม่จบอีกเหรอ ? ก่อนที่จะวางสายและปิดมือถือไป


เศรษฐินี มัลลิกา เล่าวันที่ผัวหายไป บอกจะไปออกกำลังกายแล้วหาย ใครเจอสามีพร้อมให้เงิน 20,000


          จนกระทั่งเมื่อวันที่ 5 มีนาคม ที่ผ่านมา ตนพาครอบครัวและลูกน้องไปกินข้าว กลับมาถึงบ้าน ลูกน้องมาบอกว่านายสรายุทธแอบไปคุยโทรศัพท์ ก่อนที่สามีจะเดินมาบอกว่า ขอไปเดินออกกำลังกายนอกบ้าน แต่ออกไปแล้วก็หายไปเลย ลูกน้องวิ่งไปตามหาก็ไม่เจอ โทร.ไปก็ไม่ติด สอบถาม รปภ. หน้าหมู่บ้านได้ความว่า เห็นนายสรายุทธนั่งรถแท็กซี่ออกจากหมู่บ้านไป และไม่สามารถติดต่อได้อีกเลย ตนจึงเดินทางไปแจ้งความ ก่อนพบหลักฐานว่า แท็กซี่คันดังกล่าวไปส่งนายสรายุทธกับนางฝน ที่โรงแรมแห่งหนึ่งแถวตลาดพูนทรัพย์ จากนั้นเช้าวันที่ 6 มีนาคม ทั้งคู่ออกจากโรงแรมแล้วขึ้นรถแท็กซี่อีกคันไปลงที่ท่ารถตู้ตรงข้ามศูนย์การค้าย่านรังสิต แต่กล้องบริเวณนั้นเสีย ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าทั้งคู่หายไปไหน

          น.ส.มัลลิกา วอนให้ผู้ที่พบเห็นสามีตนหรือว่านางฝน แจ้งมาได้ที่ สภ.เมืองปทุมธานี ถ้าสามารถนำสามีกลับมาได้ เธอมีสินน้ำใจให้ผู้แจ้ง 20,000 บาท เพราะตอนนี้เองเป็นห่วงสามีมาก เนื่องจากสามีป่วย สมองใช้การได้ซีกเดียว และต้องรับการรักษาและกินยาอย่างต่อเนื่อง ส่วนสาเหตุของเรื่องนี้มองว่า อีกฝ่ายนั้นประสงค์ไม่ดีกับสามี เพราะสามีหายไปพร้อมสร้อยทองคำ 3 บาท พระเลี่ยมทองหนัก 2 บาทอีกหนึ่งองค์ เงินสดจำนวน 10,000 บาท โดยตนเองพบว่าวันนั้นเงินในบัญชีจำนวนหนึ่งถูกโอนไปให้กับพี่เขยของนางฝน อีกด้วย เชื่อว่าน่าจะมีผู้ร่วมขบวนการมากกว่านี้



นายสรายุทธ สามี ออกมาพูด ตั้งใจจะแยกจาก หนีออกมาเพราะทนเมียไม่ได้ ไม่ขอกลับไปอีกแล้ว


            ความคืบหน้าเรื่องนี้ วันที่ 12 มีนาคม 2567 เพจเฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานว่า นายสรายุทธพร้อมนางฝน อายุ 44 ปี เดินทางมาที่ สภ.เมืองปทุมธานี เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ โดยบอกว่า ตนเป็นคนเรียกรถแท็กซี่ในหมู่บ้านให้มาส่ง เพื่อหานางฝนที่ย่านวัดเสด็จ ซึ่งสาเหตุที่นายสรายุทธ หนีออกจากบ้านเป็นเพราะทนพฤติกรรมของ น.ส.มัลลิกา ไม่ได้ เขาด่าทุกวัน ส่วนทรัพย์สินที่ติดตัวไปนั้นมีสร้อยคอทองคำหนัก 2 บาทและพระเลี่ยมทอง แต่สร้อยคอทองคำตนได้ขายไปแล้ว

            ส่วนเรื่องการโอนเงินให้ นางฝน เพื่อใช้หนี้และเป็นค่าเดินทาง ซึ่งทุกอย่างเป็นความคิดของตัวเอง และไม่ได้มีใครลักพาตัวหรือชักชวนไป ที่ไม่มีการติดต่อกลับภรรยานั้น เพราะไม่อยากคุยด้วยแล้ว ตนเริ่มมีความคิดว่าจะหนีออกจากบ้านเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ซึ่งตนเหมือนคนเป็นคนกล้ามเนื้ออ่อนแรง แต่ภรรยาก็ไม่เต็มใจที่จะดูแล เหมือนกับว่าตนเป็นภาระ ยืนยันว่าจะแยกทางกับภรรยาอย่างแน่นอน


            ขณะที่ นางฝน บอกว่า ภรรยาของฝ่ายชายได้มาคุกคามชีวิตครอบครัวของมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นลูกสาว อายุ 8 ขวบและพี่ชาย พี่สาวไม่เป็นอันทำกิน วันนั้นนายสรายุทธได้เข้ามาหาตนเองที่ร้านขายของย่านวัดเสด็จและตอนที่อยู่ด้วยกัน ตนเองก็ดูแลเขาเป็นอย่างดีและไม่เคยพูดว่าให้เขาออกมาจากบ้าน ซึ่งการดูแลนั้นเป็นในลักษณะลูกจ้างกับนายจ้าง

            ด้าน น.ส.มัลลิกา ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวหลังเจรจากับสามีว่า สามีเปลี่ยนไปเยอะและเขาไปตกลงอะไรยังไงกันตนเองก็ไม่ทราบ และวันนี้ ตนก็ได้แยกทางกับสามี จบกันด้วยดีเพราะเขาเลือกที่จะไปทางของเขา ส่วนเรื่องทรัพย์สินก็ได้มีการลงบันทึกประจำวันไว้เรียบร้อย และกรมธรรม์ 10 ล้านเขายกให้กับตนเองทั้งหมดเลย

ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โอละพ่อ เศรษฐินีตามหาผัวป่วย หนีไปกับลูกจ้าง ฝ่ายชายโผล่อ้าง เล่าหนังคนละม้วน ! อัปเดตล่าสุด 12 มีนาคม 2567 เวลา 16:15:33 18,804 อ่าน
TOP