เปิดเรื่องราว ขุนเดช ศิลปินจิตเวช เจ้าของเพลงฮิต อธิษฐานลารักหน้าไฟ แต่งเองร้องเองจนค่ายเพลงรับเข้าสังกัด เผยข่าวดีอาการล่าสุด
ภาพจาก @paxwax
จากไวรัลเพลงดังในโซเชียล อย่าง อธิษฐานลารักหน้าไฟ ที่ถูกแต่งโดย "ขุนเดช" หนุ่มซึ่งถูกมองว่าป่วยจิตเวช แต่กลับโชว์ความสามารถกับการเป็นศิลปินสร้างสรรบทเพลงได้ลึกซึ้งกินใจ ขณะหน่วยงานลงพื้นที่ไปประเมินอาการและถ่ายคลิปมาลงโซเชียลจนดังชั่วข้ามคืน ทั้งถูกแชร์และนำไปร้องตามกันเพียบ แม้กระทั่ง อ.ไข่ มาลีฮวนนา ศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง ก็ยังนำไปคัฟเวอร์ในเวอร์ชั่นของตัวเองนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2567 เดลินิวส์ รายงานว่า ชายคนดังกล่าวซึ่งถูกเรียกว่า ขุนเดช เขานั้นมีชื่อว่า นายเดช ธรรมประชา อายุ 44 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งพื้นที่หมู่ 10 บ้านโคกกว้าง ต.มหาไชย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ โดยที่ผ่านมา ขุนเดช เคยมีอาการป่วยจิตเวช แต่ปัจจุบันได้รับความช่วยเหลือจนอาการดีขึ้น สามารถเล่นกีต้าร์แต่งเพลงได้ และมีบทเพลงที่เขียนไว้กว่า 20 เพลงเลยทีเดียว
ภาพจาก @paxwax
ต้นตอก่อนจะเกิดคลิปไวรัลดังกล่าว มาจากเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ปฏิบัติการฝ่ายความมั่นคง อ.สมเด็จ ลงพื้นที่ติดตามและประเมินผลกลุ่มเป้าหมายที่มีอาการจิตเวช ซึ่งเดิมที นายเดช เป็นผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มสีแดง ขณะทำการประเมิน นายเดชได้นำกีตาร์คู่ใจ ออกมาดีดและร้องเพลงคลอไปด้วย ปลัดอำเภอและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าเพราะดี จึงนำโทรศัพท์มาบันทึกคลิปไว้ จนกลายเป็นกระแสโด่งดังชั่วข้ามคืน
ขุนเดช เปิดใจว่า ตนอาศัยอยู่บ้านคนเดียว เคยมีครอบครัว แต่หย่าร้างกับอดีตภรรยาแล้ว ปัจจุบันหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างทั่วไป และชอบแต่งเพลง เล่นกีตาร์ เป็นชีวิตจิตใจ ทุกเพลงแต่งจากชีวิตจริงของตัวเองและเรื่องราวในสังคม ส่วนใหญ่เป็นสไตล์เพลงเพื่อชีวิต อย่างเพลง "อธิษฐานลารักหน้าไฟ" นั้น แต่งจากแรงบันดาลใจ เข้ากับชีวิตตัวเองที่หย่าร้างกับอดีตภรรยา ทั้งนี้ จากการที่ตนสามารถเล่นกีตาร์และแต่งเพลงได้ นอกจากจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวแล้ว ยังซึมซับมาจากคุณพ่อ ที่เคยเป็นคนสอนดนตรีและแต่งเพลง แต่งกลอนลำในชุมชน สมัยที่ตนยังเป็นเด็กอีกด้วย
นอกจากนี้ ขุนเดช ยอมรับว่า ไม่รู้เลยว่าคลิปที่เล่นเพลงออกไปจะกลายเป็นกระแสโด่งดัง เพราะตัวเองนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ ได้ยินจากชาวบ้านเล่าให้ฟังเท่านั้น ทั้งนี้ ขอขอบคุณ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า ที่ให้ความสนใจ นำเพลงของตนไปคัฟเวอร์ และขอบคุณค่ายเพลงนาคราชคู่ ที่จะเข้ามาสนับสนุนเป็นนักร้องในสังกัด เบื้องต้นทางค่ายระบุว่า อยากมอบโอกาสครั้งสำคัญให้ชายคนนี้ ได้ร่วมงานกับทางค่ายเพลงนาคราชคู่ และได้ออกซิงเกิลเป็นของตัวเอง
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านโคกกว้าง เล่าว่า นายเดช อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เคยแต่งงาน มีครอบครัว แต่หย่าร้างกับภรรยาแล้วหลายปี เนื่องจากนายเดช เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บางครั้งมีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง ถึงขั้นจะทำร้ายคนในครอบครัว จึงรายงานไปที่ฝ่ายปกครองเพื่อเข้ามาดำเนินการบำบัดฟื้นฟู จากการประเมินภาวะอารมณ์และพฤติกรรมของนายเดช พบว่าดีขึ้นตามลำดับ โดยนิสัยส่วนตัวเขาค่อนข้างเป็นคนขี้อาย ชอบหาที่สงบ ๆ นั่งคิดเพลง เขียนเพลง เล่นกีตาร์อยู่คนเดียว ชาวบ้านที่ผ่านมาเห็นและได้ยินก็ออกปากชมว่าเพราะดี น่าฟังจนได้รับโอกาสจากโลกโซเชียล และได้ฉายาว่า ขุนเดช มหาไชย
ขุนเดช เล่าชีวิตว่า ในอดีตตนเรียนจบ ม.6 เคยมีคนรัก มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกสาว 1 คน ต่อมาหลงผิดชีวิตจึงเปลี่ยนทิศเดินหลงทาง ทำครอบครัวแตกหัก โชคดีที่สังคมยังให้โอกาส มีฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชน หมั่นมาเยี่ยมและให้กำลังใจ ในขณะที่ตนก็พยายามกลับตนเป็นคนดี ทั้งนี้ มีกีตาร์และเสียงเพลงคอยปลอบประโลมใจ จึงทำให้มีวันนี้ และได้รับโอกาสดี ๆ จากหลายฝ่าย ที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนชีวิตตนให้ดีขึ้น
สิ่งที่ดึงตนกลับมามีสติสัมปชัญญะได้ เพราะการดำเนินงานการบำบัดฟื้นฟูโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ที่ผ่านมาตนก็ใช้เวลาในแต่ละวันคิดเพลง คิดทำนอง จับคอร์ด เล่นกีตาร์ แบบว่าเพียงได้หยิบสมุด ปากกา คิดถ้อยคำสำนวนออกมาเป็นคำร้อง และหยิบกีตาร์ขึ้นมาจับคอร์ดเท่านั้น อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นสงบ และสุนทรี เอาเรื่องในอดีตส่วนตัว เรื่องใกล้ตัว เรื่องที่เกิดขึ้นในสังคม มาคิดมาร้อยเรียงเป็นบทเพลง ทำให้ตนกลับมาถึง ณ จุดนี้ ด้วยหัวใจของลูกผู้ชาย ที่พร้อมจะกลับมามีพลังฮึดสู้อีกครั้งหนึ่ง และหากมีโอกาสก็จะใช้ความสามารถด้านเขียนเพลง เล่นกีตาร์ร้องเพลง เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองต่อไป
นายวิชาญ อิทธิฤกษ์มงคล นายอำเภอสมเด็จ เปิดเผยว่า หากขุนเดช มหาไชย ผ่านการประเมิน ไม่ได้เป็นผู้ป่วยจิตเวช ในส่วนที่มีค่ายเพลงมาติดต่อเพื่อปั้นให้เขาเป็นศิลปินในค่ายนั้น ก็เป็นสิทธิของเขา ขณะที่ทางอำเภอเอง หากมีโอกาสก็จะให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในทีมวิทยากรบำบัดฟื้นฟูผู้ที่เคยข้องเกี่ยวกับสารเสพติด เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีในการเอาชนะใจตนเอง จากคนที่เคยหลงทาง มาเป็นคนที่ชี้นำทางสว่างให้กับคนอื่นได้ โดยไม่กลับไปมีพฤติกรรมซ้ำอีก ด้วยสติและเสียงเพลง
ภาพจาก @paxwax
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์
ภาพจาก @paxwax
จากไวรัลเพลงดังในโซเชียล อย่าง อธิษฐานลารักหน้าไฟ ที่ถูกแต่งโดย "ขุนเดช" หนุ่มซึ่งถูกมองว่าป่วยจิตเวช แต่กลับโชว์ความสามารถกับการเป็นศิลปินสร้างสรรบทเพลงได้ลึกซึ้งกินใจ ขณะหน่วยงานลงพื้นที่ไปประเมินอาการและถ่ายคลิปมาลงโซเชียลจนดังชั่วข้ามคืน ทั้งถูกแชร์และนำไปร้องตามกันเพียบ แม้กระทั่ง อ.ไข่ มาลีฮวนนา ศิลปินเพื่อชีวิตชื่อดัง ก็ยังนำไปคัฟเวอร์ในเวอร์ชั่นของตัวเองนั้น
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 16 มีนาคม 2567 เดลินิวส์ รายงานว่า ชายคนดังกล่าวซึ่งถูกเรียกว่า ขุนเดช เขานั้นมีชื่อว่า นายเดช ธรรมประชา อายุ 44 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านหลังหนึ่งพื้นที่หมู่ 10 บ้านโคกกว้าง ต.มหาไชย อ.สมเด็จ จ.กาฬสินธุ์ โดยที่ผ่านมา ขุนเดช เคยมีอาการป่วยจิตเวช แต่ปัจจุบันได้รับความช่วยเหลือจนอาการดีขึ้น สามารถเล่นกีต้าร์แต่งเพลงได้ และมีบทเพลงที่เขียนไว้กว่า 20 เพลงเลยทีเดียว
ภาพจาก @paxwax
ต้นตอก่อนจะเกิดคลิปไวรัลดังกล่าว มาจากเมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่ผ่านมา ปฏิบัติการฝ่ายความมั่นคง อ.สมเด็จ ลงพื้นที่ติดตามและประเมินผลกลุ่มเป้าหมายที่มีอาการจิตเวช ซึ่งเดิมที นายเดช เป็นผู้ป่วยจิตเวชกลุ่มสีแดง ขณะทำการประเมิน นายเดชได้นำกีตาร์คู่ใจ ออกมาดีดและร้องเพลงคลอไปด้วย ปลัดอำเภอและผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านเห็นว่าเพราะดี จึงนำโทรศัพท์มาบันทึกคลิปไว้ จนกลายเป็นกระแสโด่งดังชั่วข้ามคืน
ขุนเดช เปิดใจว่า ตนอาศัยอยู่บ้านคนเดียว เคยมีครอบครัว แต่หย่าร้างกับอดีตภรรยาแล้ว ปัจจุบันหาเลี้ยงชีพด้วยการรับจ้างทั่วไป และชอบแต่งเพลง เล่นกีตาร์ เป็นชีวิตจิตใจ ทุกเพลงแต่งจากชีวิตจริงของตัวเองและเรื่องราวในสังคม ส่วนใหญ่เป็นสไตล์เพลงเพื่อชีวิต อย่างเพลง "อธิษฐานลารักหน้าไฟ" นั้น แต่งจากแรงบันดาลใจ เข้ากับชีวิตตัวเองที่หย่าร้างกับอดีตภรรยา ทั้งนี้ จากการที่ตนสามารถเล่นกีตาร์และแต่งเพลงได้ นอกจากจะเป็นความสามารถเฉพาะตัวแล้ว ยังซึมซับมาจากคุณพ่อ ที่เคยเป็นคนสอนดนตรีและแต่งเพลง แต่งกลอนลำในชุมชน สมัยที่ตนยังเป็นเด็กอีกด้วย
นอกจากนี้ ขุนเดช ยอมรับว่า ไม่รู้เลยว่าคลิปที่เล่นเพลงออกไปจะกลายเป็นกระแสโด่งดัง เพราะตัวเองนั้นไม่มีโทรศัพท์มือถือ ได้ยินจากชาวบ้านเล่าให้ฟังเท่านั้น ทั้งนี้ ขอขอบคุณ อ.ไข่ มาลีฮวนน่า ที่ให้ความสนใจ นำเพลงของตนไปคัฟเวอร์ และขอบคุณค่ายเพลงนาคราชคู่ ที่จะเข้ามาสนับสนุนเป็นนักร้องในสังกัด เบื้องต้นทางค่ายระบุว่า อยากมอบโอกาสครั้งสำคัญให้ชายคนนี้ ได้ร่วมงานกับทางค่ายเพลงนาคราชคู่ และได้ออกซิงเกิลเป็นของตัวเอง
ขณะที่ผู้ใหญ่บ้านโคกกว้าง เล่าว่า นายเดช อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ เคยแต่งงาน มีครอบครัว แต่หย่าร้างกับภรรยาแล้วหลายปี เนื่องจากนายเดช เคยมีประวัติยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด บางครั้งมีพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง ถึงขั้นจะทำร้ายคนในครอบครัว จึงรายงานไปที่ฝ่ายปกครองเพื่อเข้ามาดำเนินการบำบัดฟื้นฟู จากการประเมินภาวะอารมณ์และพฤติกรรมของนายเดช พบว่าดีขึ้นตามลำดับ โดยนิสัยส่วนตัวเขาค่อนข้างเป็นคนขี้อาย ชอบหาที่สงบ ๆ นั่งคิดเพลง เขียนเพลง เล่นกีตาร์อยู่คนเดียว ชาวบ้านที่ผ่านมาเห็นและได้ยินก็ออกปากชมว่าเพราะดี น่าฟังจนได้รับโอกาสจากโลกโซเชียล และได้ฉายาว่า ขุนเดช มหาไชย
ขุนเดช เล่าชีวิตว่า ในอดีตตนเรียนจบ ม.6 เคยมีคนรัก มีครอบครัวที่อบอุ่น มีลูกสาว 1 คน ต่อมาหลงผิดชีวิตจึงเปลี่ยนทิศเดินหลงทาง ทำครอบครัวแตกหัก โชคดีที่สังคมยังให้โอกาส มีฝ่ายปกครองและผู้นำชุมชน หมั่นมาเยี่ยมและให้กำลังใจ ในขณะที่ตนก็พยายามกลับตนเป็นคนดี ทั้งนี้ มีกีตาร์และเสียงเพลงคอยปลอบประโลมใจ จึงทำให้มีวันนี้ และได้รับโอกาสดี ๆ จากหลายฝ่าย ที่จะเข้ามาปรับเปลี่ยนชีวิตตนให้ดีขึ้น
สิ่งที่ดึงตนกลับมามีสติสัมปชัญญะได้ เพราะการดำเนินงานการบำบัดฟื้นฟูโดยการมีส่วนร่วมของชุมชน ที่ผ่านมาตนก็ใช้เวลาในแต่ละวันคิดเพลง คิดทำนอง จับคอร์ด เล่นกีตาร์ แบบว่าเพียงได้หยิบสมุด ปากกา คิดถ้อยคำสำนวนออกมาเป็นคำร้อง และหยิบกีตาร์ขึ้นมาจับคอร์ดเท่านั้น อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นสงบ และสุนทรี เอาเรื่องในอดีตส่วนตัว เรื่องใกล้ตัว เรื่องที่เกิดขึ้นในสังคม มาคิดมาร้อยเรียงเป็นบทเพลง ทำให้ตนกลับมาถึง ณ จุดนี้ ด้วยหัวใจของลูกผู้ชาย ที่พร้อมจะกลับมามีพลังฮึดสู้อีกครั้งหนึ่ง และหากมีโอกาสก็จะใช้ความสามารถด้านเขียนเพลง เล่นกีตาร์ร้องเพลง เพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองต่อไป
นายวิชาญ อิทธิฤกษ์มงคล นายอำเภอสมเด็จ เปิดเผยว่า หากขุนเดช มหาไชย ผ่านการประเมิน ไม่ได้เป็นผู้ป่วยจิตเวช ในส่วนที่มีค่ายเพลงมาติดต่อเพื่อปั้นให้เขาเป็นศิลปินในค่ายนั้น ก็เป็นสิทธิของเขา ขณะที่ทางอำเภอเอง หากมีโอกาสก็จะให้เขาเป็นส่วนหนึ่งในทีมวิทยากรบำบัดฟื้นฟูผู้ที่เคยข้องเกี่ยวกับสารเสพติด เพื่อเป็นต้นแบบที่ดีในการเอาชนะใจตนเอง จากคนที่เคยหลงทาง มาเป็นคนที่ชี้นำทางสว่างให้กับคนอื่นได้ โดยไม่กลับไปมีพฤติกรรมซ้ำอีก ด้วยสติและเสียงเพลง
ภาพจาก @paxwax
ขอบคุณข้อมูลจาก เดลินิวส์