หนุ่มเจอแจ็กพอตแตก ซื้อบ้านแถมผู้ป่วยติดเตียง ผู้ขายทิ้งพ่อแม่เอาไว้ให้ ที่แท้แอบขายโดยคนแก่ไม่รู้ คาราคาซังเป็นปี จะย้ายออกก็ไม่ออก ทำอะไรไม่ได้ ผ่อนดอกฟรีไปแล้ว 2 แสนบาท
ภาพจาก เฟซบุ๊ก ชานนท์ ผลชู
การซื้อบ้านแต่ละหลัง ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาก่อนซื้อ ตั้งแต่สภาพบ้าน เพื่อนบ้าน ความสะดวกสบายรอบบ้าน และราคาที่เหมาะสม ยิ่งซื้อบ้านมือสองยิ่งมีความเสี่ยง หลังซื้อมาแล้วต้องมาลุ้นต่อว่าจะมีปัญหาอะไรไหม
วันที่ 22 มีนาคม 2567 เฟซบุ๊ก ชานนท์ ผลชู มีการเล่าเรื่องราวการซื้อบ้านมือสองหลังหนึ่ง แต่กลับเจอความพีคคือ บ้านที่ซื้อ เจ้าของบ้านไม่ได้ตั้งใจขาย แต่ลูกมาแอบขาย พอซื้อไปแล้ว ลูกกลับหนีหาย ปล่อยให้พ่อแม่ป่วยติดเตียงอยู่คาบ้าน คนซื้อบ้านก็ทำอะไรไม่ถนัด ทั้งที่เสียเงินไปแล้ว
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด การซื้อบ้านหลังนี้ ยังต้องมีการรีโนเวทต่อ จ่ายดอกเบี้ยเดือนละ 2 หมื่นกว่าบาท เป็นแบบนี้จะครบปี ยอดรวมดอกเบี้ยจ่ายไปแล้ว 2 แสนบาท แต่ลุงกับป้าก็ยังไม่ย้ายออก แบบนี้ไม่รู้ควรจะสงสารใคร
หลังจากนั้น มีการเจรจากับลูกชายด้วยการหาบ้านเช่าและจ่ายค่าเช่าให้ล่วงหน้า 1 ปี และจะดูแลการขนย้ายให้แบบฟรี ๆ หากไม่รับเงื่อนไข จะต้องรอคำสั่งศาลเท่านั้น ขอไม่ทนอีกต่อไป
เปิดใจคนซื้อ มืดแปดด้านไม่รู้ทำยังไง
เฟซบุ๊ก โหนกระแส รายงานว่า คนซื้อบ้านเปิดเผยว่า ที่มาของการซื้อบ้านหลังนี้ เริ่มจากปีที่แล้ว ตนเห็นเจ้าของบ้านโพสต์ขายบ้านในเฟซบุ๊ก อยู่ในพื้นที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ เมื่อเช็กประวัติก็พบว่า บ้านเคยถูกจำนอง และกำลังจะถูกยึด จึงส่งน้องไปติดต่อดูบ้าน เจรจาเรื่องราคา ตกลงอะไรเสร็จเรียบร้อย
ทางนั้นบอกว่า จะย้ายออกภายใน 2 สัปดาห์ ตนก็บอกเขาว่า ไม่รีบ เพราะเห็นบ้านนั้นมีคนแก่ติดเตียงอยู่ แต่พอผ่านไปสักพัก เขาก็ยังไม่ย้ายออก ตนติดต่อไปย้ำ ๆ เขาก็บอกว่า "เดี๋ยวย้าย" สุดท้ายไปคุยกับพ่อแม่ของคนขาย พ่อแม่ก็บอกว่า คุยกันยังไงกับลูกชายก็เอาตามนั้น แล้วลูกชายก็หายตัวไป
พอลูกชายหายตัว ตนจึงติดต่อไปที่พ่อแม่อีกครั้ง พ่อแม่กลับบอกว่า ลูกชายไม่เห็นบอกอะไรเลย ไม่รู้ว่าลูกเอาบ้านไปขาย ได้ฟังแบบนี้ตนก็สงสารคนแก่ บอกแค่ว่า ช่วยติดต่อลูกชายให้ที แต่ก็ติดต่อไม่ได้
หลังจากนั้น ตนแวะไปหาอีกหลายรอบ ในช่วง 2 เดือนที่แล้ว ตนก็บอกเขาว่า เดี๋ยวหาบ้านเช่าให้ ทางนั้นก็ตกลง เดี๋ยวจะย้ายออก แต่ก็ไม่ยอมไป จนตนให้เงื่อนไขพิเศษว่า จะเช่าบ้านใหม่ให้ และจ่ายค่าเช่าให้ 1 ปี ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปต่อว่าจะเป็นยังไง
เรื่องที่เกิดขึ้น ตนสงสารตัวเอง ตนซื้อบ้าน กู้เงินมาเพื่อลงทุนรีโนเวทแล้วขายต่อ แต่พอเจอแบบนี้ก็ทำอะไรไม่ได้ จริง ๆ จะใช้ไม้แข็งก็คือ ฟ้องร้องตามกฎหมาย แต่ก็อยากเจรจาก่อน ทุกวันนี้คุณตาอายุประมาณ 70 ปี ต้องออกไปทำงานรับจ้างช่วงตี 3-4 แล้วปล่อยให้ยายป่วยติดเตียงอยู่บ้านเพียงลำพัง
ในอีกมุมหนึ่ง ตนก็ไม่รู้ว่า ความจริงพ่อแม่รู้เห็นเป็นใจกับลูกชายไหม ก็ค่อนข้างกังวลเหมือนกัน ไม่รู้จะทำยังไงต่อ
