คุณหมอเล่านาที อดีตสามียิงตัวตายใน รพ. หย่าจากกันด้วยดี จากนี้ขอพื้นที่ให้หมอได้หายใจ

           คุณหมอเปิดใจทั้งน้ำตา หลังสามียิงตัวตายในโรงพยาบาล รับไม่ทันเอะใจว่าจะเกิดเหตุช็อก ตอนหย่าก็จบลงด้วยดี ขอสังคมให้พื้นที่และไม่ซ้ำเติม

         เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 26 มีนาคม 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยไทม์ไลน์จากกล้องวงจรปิด พบว่า ผู้ตาย นายสุทธิภัสส์ อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นอดีตสามีของคุณหมอ เดินมาตอนเวลา 10.07 น. เพื่อมารอคุณหมออดีตภรรยา โดยคุณหมอมาถึงในเวลา 10.11 น. จากนั้นก็เข้าไปในห้องตรวจที่เกิดเหตุด้วยกัน

         จากนั้นกล้องหน้าห้องตรวจ จับภาพในเวลา 10.14 น. เป็นภาพของเจ้าหน้าที่หน้าห้องสะดุ้ง จึงคาดว่าเป็นช่วงเวลาที่ผู้ตายก่อเหตุยิงตัวเอง เท่ากับว่าใช้เวลาตั้งแต่มาถึงจนถึงก่อเหตุ รวม 7 นาที

         สอบถามคุณหมอเบื้องต้น บอกว่า ผู้ตายเอาซองเอกสารมารอ เมื่อเข้าไปในห้องตรวจ ก็บอกว่า เดี๋ยวพี่นั่งรอตรงนี้ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในห้องพักคุณหมอ ที่มีประตูเชื่อมติดกันอีกห้องหนึ่ง เพื่อเข้าไปทำงานก่อนปิดประตู หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนดัง โดยผู้ตายได้ใช้อาวุธปืนขนาด 9 มม. ยิงตัวเองเข้าที่หน้าอก จนกระสุนทะลุไปอีกห้อง จึงรีบแจ้งแพทย์พยาบาลให้เข้ามาช่วยกันกู้ชีพ ก่อนที่จะเสียชีวิตในเวลาต่อมา

         โดยเอกสารที่ผู้ตายนำมาให้คุณหมอนั้นยังไม่ได้เปิดดู เพราะยังอยู่ในอาการช็อก และยังไม่พร้อมให้การ แต่คาดว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของทั้งคู่ เพราะทั้งคู่แต่งงานกันมาได้ปีกว่า และเพิ่งหย่ากันเมื่อวันที่ 15 มีนาคม ที่ผ่านมา หรือประมาณ 10 วันที่แล้ว และทั้งคู่ไม่มีลูก

คุณหมอเล่านาที อดีตสามียิงตัวตาย รับทุกอย่างจบกันด้วยดี ต่างคนต่างอวยพร ไม่คิดไม่ฝันจะมีวันนี้

         มีรายงานว่า ผู้ตายเดินทางมาคนเดียว เดินเข้าลิฟต์และกดลิฟต์มาคนเดียว ส่วนอาวุธปืนซุกซ่อนมาในกระเป๋าสะพายสีดำ ก่อนหน้านี้ ผู้ตายเคยมาเยี่ยมบ่อย ๆ และขณะเกิดเหตุยืนยันว่า ไม่มีคนไข้มารอรับการรักษา มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลเท่านั้น


         ต่อมา คุณหมอ เปิดใจให้สัมภาษณ์ทั้งน้ำตาว่า วันนี้ตนก็มาทำงานตามปกติ ไม่ทราบว่าฝ่ายชายซึ่งเป็นอดีตสามีมารอตั้งแต่เมื่อไหร่ ซึ่งตอนที่ฝ่ายชายเข้าไปในห้อง ตนก็ถามว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมาทำอะไร แต่ฝ่ายชายก็ไม่ตอบ ตอนนั้นตนจึงเดินเข้าไปในอีกห้องหนึ่งที่เชื่อมต่อกัน เพื่อเตรียมที่จะทำงาน แต่เพียงแค่แป๊บเดียวก็ได้ยินเสียงปืน ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไม เพราะว่าไม่ได้มีปากเสียงกันเลย


         ส่วนเอกสารที่ฝ่ายชายนำมาให้ เป็นเบอร์ติดต่อคุณแม่ของฝ่ายชาย และครอบครัวของเขา เพราะที่ผ่านมาปกติจะติดต่อคุณแม่เขาผ่านทางไลน์ เมื่อถามว่าอดีตสามีได้มีข้อความอะไรอื่นใดหรือไม่ คุณหมอขออนุญาตไม่ตอบ เพราะเกรงว่าจะกระทบกับสำนวนได้ แต่ยืนยันว่า ตอนที่เจอกันในห้อง ฝ่ายชายยังไม่ได้จะให้อ่านเอกสารดังกล่าวเพราะมีการคว่ำเอาไว้ สังเกตว่าสีหน้าของเขาก็ยังเป็นปกติ ไม่ทันสังเกตความผิดปกติใด ๆ เพราะตอนนั้นตนเองเพิ่งมาทำงาน และก่อนจะเกิดเหตุฝ่ายชายก็ไม่ได้มีการพูดจาอะไรที่เป็นการส่งสัญญาณเลย

         ประเด็นการหย่าร้างนั้น คุณหมอชี้แจงและยืนยันว่าจบกันด้วยดี และต่างคนก็ต่างอวยพรให้พัฒนาตัวเอง ส่วนจะมีปัญหาอื่น ๆ หรือไม่นั้น คุณหมอขอปฏิเสธที่จะตอบคำถาม เพื่อเป็นการให้เกียรติผู้เสียชีวิต แต่ที่ผ่านมาก็ยังส่งความปรารถนาดีถึงกัน อีกฝ่ายยังส่งรูปภาพของเด็กที่ฝ่ายชายเป็นโค้ชสอนให้ ตนเองก็ยังอวยพรว่า ขอให้เป็นโค้ชที่อยากเป็น มีอนาคตที่ดี และอยากเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ยังให้กำลังใจกัน ก็ไม่รู้ว่าทำไมที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

         ยอมรับว่า หลังจากที่หย่ากันไป ก็ไม่ได้มีโอกาสเจอกันเลย แต่มีการพูดคุยกัน ให้กำลังใจกัน วันนี้จึงเป็นครั้งแรกที่เจอหน้ากันหลังจากที่หย่า สำหรับอาวุธปืนไม่ทราบเลย เพราะไม่เคยพกอาวุธปืน ไม่เคยเห็นปืนของเขา ทั้งก่อนและหลังแต่งงาน ส่วนประเด็นว่ามีปัญหาธุรกิจหรือไม่นั้น ตนไม่รู้ เพราะแยกออกมาหลายเดือนแล้ว ที่ผ่านมาก็คุยกันด้วยดี จบด้วยดี และไปอำเภอด้วยกัน ก็ไม่มีสัญญาณเตือนอะไร

         ทั้งนี้ คุณหมอฝากเน้นย้ำประเด็นเรื่องความปลอดภัยของโรงพยาบาลว่า ทางโรงพยาบาลมีนโยบายที่ดี แต่ด้วยสาเหตุที่ฝ่ายชายเคยมาหาคุณหมอหลายครั้ง พยาบาลเลยเข้าใจว่ามาหาคุณหมอ

เพจดังวอน อย่าโทษคุณหมอ ขอพื้นที่ให้คุณหมอได้หายใจ มันส่งผลกระทบมากจริง ๆ

         เมื่อตรวจสอบในเฟซบุ๊กส่วนตัวของคุณหมอ ได้อัปเดตรูปโปรไฟล์เป็นสีดำ พร้อมข้อความว่า "รบกวนทุกคน อย่าถามว่าไหวไหม อย่าบอกว่าไม่เป็นไรนะ เพราะเป็นครั้งแรกที่ ฝืนตอบว่าไหวไม่ได้จริง ๆ ค่ะ" โดยมีผู้เข้ามาแสดงความเห็น ให้กำลังใจแพทย์หญิงเป็นจำนวนมาก


         ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก ตามติดชีวิตแม่บ้านแขก ได้ออกมาให้ข้อคิดกับสังคมเกี่ยวกับคดีนี้ หลังได้รับข้อความจากคนใกล้ชิดคุณหมอที่เป็นอดีตภรรยา ซึ่งได้รับกระทบจากข้อความที่บางส่วนกล่าวทำนองว่าผู้ตายไม่ควรเลือกจบชีวิตตัวเองแค่ฝ่ายเดียว ซึ่งทางเพจมองว่าเป็นแนวคิดที่ใจร้ายมาก ๆ และไม่เคารพจิตใจของคนที่เพิ่งผ่านเหตุการณ์ร้าย ๆ มาเลย และยังไม่รวมพฤติกรรมที่อยากเลียนแบบอีก
         คุณหมอรู้สึกผิดมาก ๆ รู้สึกผิดต่อทุกคนที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด อยากขอโทษที่ทุกคนต้องมาเจออะไรแบบนี้ มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดว่าจะเกิด สิ่งที่ทางคุณหมออยากจะฝากถึงทุกคน คือความสำคัญของภาวะซึมเศร้า การได้มีพื้นที่ปลอดภัย และการดูแลอย่างใกล้ชิดของครอบครัวสำคัญมาก

         ภาวะ PTSD หรือเรื่องความผิดปกติ หลังจากเจอเรื่องราวที่สะเทือนใจ ก็สำคัญมาก มันไม่ใช่แค่เรื่องในภาพยนตร์หรือซีรีส์ แต่มันคือเรื่องจริงที่ทุกคนสามารถประสบได้ อยากให้ใส่ใจเรื่องนี้กันเยอะ ๆ คนที่เป็น ไม่ใช่คนที่อ่อนแอ ไม่ใช่ให้ไปสวดมนต์แล้วจบ


         เรื่องสุดท้ายคือเรื่องที่ไม่ควรขอ แต่ผู้หญิงคนนึงต้องมาวิงวอนขอจากสังคมเลยเธอ เธออยากได้พื้นที่หายใจให้ตัวเอง เธอถูกนำรูปภาพส่วนตัวไปใช้โดยไม่ขออนุญาต นำเรื่องราวส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์มาปูดต่อ หรือแย่สุด คือเต้าเรื่องที่ไม่ใช่ความจริง เธอเป็นคนที่ได้รับผลกระทบมากมายจริง ๆ  

         หากเห็นใจคนคนหนึ่งที่ต้องมาเจอกับอะไรขนาดนี้ ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ขอพื้นที่ ขอความเป็นส่วนตัว ขอความเคารพให้คุณหมอ รวมทั้งผู้ที่เสียชีวิตด้วย

ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้