x close

จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ชี้แจงหนี้ท่วมส่งวันละ 4 หมื่น ไม่มีให้แม่ปูนา - ทนายสอนมวยจุก ๆ

          จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม เผชิญหน้า แม่ปูนา ขึ้นป้ายทวงหนี้เกือบ 3 แสน ร่ำไห้กราบต้องขายบ้าน คนแห่ช่วยกันสนั่น ตลกดังลั่นต้องจ่ายหนี้รายวัน วันละ 4 หมื่น ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย !  

โหนกระแส

          กรณี "แม่ปูนา" เจ้าหนี้ขึ้นป้ายทวงหนี้ตลกชื่อดัง "จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม" กลางห้างดัง ขอให้เมตตาคืนเงิน 284,400 บาท เพราะเป็นเงินที่ต่อลมหายใจอีก 4 ชีวิต จนกลายเป็นประเด็นร้อนในโลกออนไลน์ ขณะที่ จั๊กกะบุ๋ม ได้เดินทางไป สน. เพื่อลงบันทึกประจำวัน ยืนยันไม่หนี แต่ไม่รู้ยอดหนี้จำนวนเท่านี้จริงหรือไม่


          ล่าสุด (2 เมษายน 2567) รายการโหนกระแส ดำเนินรายการโดย หนุ่ม กรรชัย กำเนิดพลอย ได้สัมภาษณ์ จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม พร้อมกับ แม่ปูนา คู่กรณี และ ทนายไพศาล เรืองฤทธิ์ ทนายคนกลาง

 โหนกระแส 

ข้อเท็จจริงจากฝั่งแม่ปูนา


          แม่ปูนา เล่าที่มาตั้งแต่แรกว่า ได้เจอจั๊กกะบุ๋มปลายปี 2566 มีการคุยเรื่องธุรกิจปูนากัน แต่ตอนนั้นยังไม่มีการตกลงว่าจะซื้อจะขายอะไรกัน กระทั่งไปเห็นเขาโพสต์ว่ามีปัญหาเรื่องเงิน ก็ทักไปหาเขาว่าสนใจขายปูนาไหมที่เคยคุยกัน สงสาร ก็คิดแค่นั้นจริง ๆ ไม่รู้เขาเป็นใคร ปูมหลังเป็นยังไง เรามารู้ทีหลัง ทุกคนถามว่าไม่รู้จักเขามาก่อนเหรอ เขาเป็นแบบนี้ไม่รู้เหรอ ซึ่งในแชตที่คุยกันก็บอกว่าแม่ทำให้นะ ให้เอาไปขายรอบต่อรอบ คำว่ารอบต่อรอบคือ จั๊กกะบุ๋มเอาไปขายหมดแล้วก็เอาตังค์มาคืน แล้วเอาไปอีกรอบ ทางเขาไม่ต้องแพ็ก ไม่ต้องจัดส่งเอง แม่จะช่วยทำให้ทั้งหมด เขาไลฟ์ขายรับเงินเอง ส่งที่อยู่ลูกค้ามาให้แม่

วันที่ 17 ธ.ค. 66 เขาก็ขอเอามาลองล็อตแรกก่อน ปูดองอย่างเดียว 100 กระปุก เป็นเงิน 8 พันบาท

          หลังจากนั้น เดือน ม.ค. เริ่มมีการทวงยอด เราบอกว่าทยอยเคลียร์เงินได้แล้วนะ ตอนนั้นอยู่หลักหมื่น เขาก็บอกว่ายังไม่มีตังค์นะแม่ และเขาก็บอกว่าแม่ทำให้หนูอีกนะ เดี๋ยวหนูค่อยเคลียร์เงิน แล้วเราบอกว่าตั้งแต่ 1 ม.ค. เป็นต้นไป ให้เก็บค่าส่งเก็บให้ด้วย เพราะสำรองจ่ายไปเยอะแล้ว

          "เขาก็บอกว่าเดี๋ยวสิ้นเดือนนี้ชีวิตจะโฟลว์มาก จะจ่ายโน่นนี่ เป็นแบบนี้ทุกรอบ พอเราไม่ให้ เขาก็จะมีท่าทีแบบไม่มีของขายก็ไม่มีตังค์มาใช้หนี้แม่นะ เราก็ให้อีก เดี๋ยวหนูจะทยอยแม่ เขาไปเจอสถานที่ตรงนี้ ก็มาบิวต์ว่าจะมีตังค์จ่ายนะ ที่นี่ขายได้จันทร์-อาทิตย์เลย เป็นวัด เขาจะประมาณนี้ ทุกการพูดคุยทางโทรศัพท์ก็จะเป็นการทวงเงิน แล้วการแชตก็เป็นเรื่องเงิน เขาก็ไม่เคยให้ เราก็ให้ของอีก เพราะกลัวเขาไม่มีขายแล้วเราไม่ได้ตังค์ ป้อนมาเรื่อย ๆ จน ก.พ. เราเริ่มสะดุดแล้ว มันหนักขึ้น"


          โดยยอดหนี้เดือน ม.ค. ปิดยอดอยู่ที่ประมาณแสนกว่าบาท แต่ไม่เคยได้เงินจากเขาเลย เดือน ก.พ. ก็ยังส่งให้เขาอีก แต่เริ่มไม่เต็มที่แล้ว เราเริ่มหมดทุนแล้ว เวลาเขาสั่งมา 100 ก็บอกว่ามีแค่ 80 นะ ก็จะให้น้อยลง แต่ยังป้อนตลอด จนปลาย ก.พ. เราไปออกบูธที่ชลบุรี ก็ถามว่ามีตังค์ให้สักหน่อยมั้ย จะได้กลับไปทำของให้ ตอนนี้มาออกบูธที่ชลบุรี เขาบอกไม่มี เราก็บอกว่างั้นแม่ก็ไม่มีส่งให้แล้วนะ ก็ไม่ส่งจริง ๆ เพราะเราไม่มีจริง ๆ

          "เขาก็หายไปจากชีวิตเราเลย โทร. ไปก็ไม่รับ จนเราพิมพ์ไปว่าพี่บุ๋มแม่จะกลับจากชลบุรีวันนี้แล้ว พี่อยู่ไหน ถ้าอยู่กะเพราควาย (ร้านเขา) เดี๋ยวแวะไปหา เขาก็ตอบกลับมาว่าอยู่ร้าน ไม่มีลงท้ายครับด้วย พี่ไม่ไปขายของเหรอ ไม่มีของขาย อ้าว แล้วยังไงต่อ ไม่ขายแล้ว เราก็เริ่มกังวล ตังค์เราอยู่ที่นั่น แล้วทำไงถึงจะได้ พี่บุ๋มแล้วยังไง ก็คุยกันว่าพี่เอาของไปขายเพื่อให้ได้กำไรใหม่ไหม"

          จากนั้น พอเข้าเดือน มี.ค. เราก็เริ่มห่าง ๆ มาแล้ว จนทางเขาบอกขอเลขบัญชีแม่ด้วย วันที่ 18 มี.ค. จะได้ตังค์แล้ว แต่ก็ไม่โอนมาให้เลยค่ะ ต่อมาเขาก็มาคุยว่าจะขายของในงานที่เซ็นทรัลเวสต์เกต วันที่ 27 มี.ค. - 2 เม.ย. เป็นงานพ่อหม่ำ เป็นงานใหญ่มาก ขอให้เราทำของให้ เราก็ตกลง แต่ก่อนจะถึงวันงาน เขามาออร์เดอร์ของอีกล็อตโดยอ้างว่าต้องขายก่อนเพื่อเอากำไรนั้นเอาของมาขายวันที่ 27 มี.ค. ซึ่งเราก็ได้ถามเรื่องยอดของส่วนนี้ว่าเขาจะจ่ายวันไหน แต่สุดท้ายเขาก็ไม่จ่ายตามนัด เป็นยอด 8,600 บาท เลื่อนมา 2 ครั้ง สรุปแล้วไม่ได้

          จนวันที่ 29 เราไปยืนดูเขาขายของที่เวสต์เกตตั้งแต่เที่ยงวัน เจตนาอยากไปดูว่าที่เขาบอกขายติดขัดมันตรงไหน ปรากฏว่า 4 ชม. เขาขายได้ประมาณหมื่นกว่าบาท เราก็ถามเขาว่าพี่บุ๋ม แม่ขอเงินสัก 3 พันได้ไหม เอาไปเป็นทุน เขาตอบไม่มี เขาขายสินค้าตัวใหม่แล้ว เพราะเราไม่ได้ส่งของให้เขาแล้ว เราก็บอกว่าแม่ขอเงินจะเอาไปทำของ เขาบอกว่าไม่มี ไม่ให้ แม่กลับไปเลย ถ้าเงินเหลือเดี๋ยวโอนให้ เราบอกว่าไม่ คำว่าโอนให้ไม่มีอยู่จริง ขอเงินสด เพราะแม่จะเอากลับบ้าน เขาก็ยืนยันว่าไม่ให้

          "เขาบอกว่าผมพูดไป 4 ครั้งแล้วนะว่าไม่มี ไม่ให้ แม่ยังไม่ไปอีกเหรอ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาที่บูธผม"

          ในเมื่อไม่ได้เงิน แม่ปูนาจึงไปขอให้พี่หม่ำช่วยเป็นตัวกลางให้ เพราะเขานับถือ มีการไปถึงบ้านพี่หม่ำ แต่เขาบอกว่าซื้อขายไม่จ่ายตังค์แบบนี้เป็นฉ้อโกงไหมล่ะ ให้ไปแจ้งความเลย เราก็ยังไม่ไปแจ้งความ เข้าใจว่าลักษณะนี้ต้องเป็นคดีแพ่ง เราต้องมีทนายไหม ก็เลยไม่เอาดีกว่า ก็เลยทำป้าย เราไม่มีตังค์ทำป้าย (ร้องไห้) ปัจจุบันก็ยังไม่ได้จ่ายตังค์เขานะ ทั้งหมดแค่ 800 ไม่มีเงินแต่ก็จะทำ ร้านป้ายก็ทำให้

โหนกระแส

จั๊กกะบุ๋ม ชี้แจงบ้าง หนี้ท่วม เดือดร้อนมากจริง ๆ

          จั๊กกะบุ๋ม บอกว่า เรื่องราวเกิดจากผมทำธุรกิจกับเพื่อน แล้วถูกหักหลังธุรกิจ เงินที่มีหายไปชั่วข้ามคืน กลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว จนได้เจอกับแม่ปูนา ผมก็ขายปลาร้าทอด โดยแม่ปูนามีบูธอยู่ข้าง ๆ ก็มีการคุยกัน เขาผลิตปูนาดองน้ำปลา กับอ่องมันปู ตอนนั้นผมไม่ได้สนใจ เพราะเขาผลิตแบรนด์นี้ให้พ่อเป็ด เชิญยิ้ม ไม่อยากมีปัญหา และผมก็ขายปลาร้าของผมดีอยู่แล้ว

          หลังโทร. คุยกันเรียบร้อย ทราบว่าแม่ไม่ได้ผลิตให้พ่อเป็ดแล้ว ก็เริ่มดีลธุรกิจกัน ผมมีความหวังว่าดีจังเลยแม่คนนี้เข้ามาซัพพอร์ตเราทั้งที่เราไม่มีเงิน เขาบอกว่าเป็นทุนให้ ทำให้โลโก้แบรนด์พี่บุ๋ม มาเคลียร์ยอดรอบต่อรอบ ล็อตแรกองเขาขายไม่ได้เลย แล้วก็ได้มีการพูดคุยบอกแม่ตลอดว่าตอนนี้ผมมีหนี้สินที่ต้องส่งรายวันอยู่นะ ปัจจุบันผมส่งรายวัน วันละ 4 หมื่น ส่งหนี้นอกระบบ ชี้แจงเป็นข้อ ๆ ว่าทำไมขายของแล้วเงินไม่เหลือ ต้องหยิบตรงนั้นมาโปะตรงนี้ เป็นการหมุนเงิน ผมแจ้งว่าถ้าขายช่วงแรก ผมไม่มีเงินให้แม่นะ เขาก็บอกเอาเลยพี่บุ๋ม พี่บุ๋มเอาเงินที่ขายไปปิดหนี้รายวันพี่บุ๋มก่อน เอาไปส่งรายวันก่อน ให้มันโฟลว์ก่อน แล้วเดี๋ยวยอดแม่จะจดไว้ให้

          ปูนา : ไม่จริงค่ะ ไม่เคยพูดค่ะ

          จั๊กกะบุ๋ม เล่าอีกว่า ยอดเดือน ธ.ค. มันยอดเล็กน้อย และบอกแม่ขออนุญาตก่อนนะ ผมให้แน่นอน ไม่เคยคิดจะเบี้ยวแม่ เพราะแม่มีพระคุณกับผม ก็คือขอแล้ว พอวันที่ 3 ม.ค. ผมถูกอายัดบัญชี เหลือติดตัวไม่กี่ร้อย ก็ขอยืมแม่ 1 หมื่นบาท ซึ่งแม่ปูนาก็ให้ เขาโอนมาช่วยผม โห แม่ดีกับเราจังเลย

          แต่ระหว่างทาง กว่าจะถึง 28 ม.ค. ผมไม่มีเงินเลย ผมขายของที่วัดแค่เสาร์อาทิตย์ จันทร์-พฤหัสฯ  ปรึกษาแม่ว่ามีที่ไหนให้ผมได้มีโอกาสไปลงตามตลาดนัดบ้างไหม จะได้หาเงินมาคืนแม่ ก็ช่วยกันหาตลาด มีการพูดคุยกันตลอด เล่าปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น เช่น ผมไม่ได้ขายของที่นี่แล้วนะ ต้องย้ายที่ใหม่ ผมต้องหาเงินไปเรื่อย ๆ ผมทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่ได้ทำงานเพื่อซื้อความสุขสบายให้ตัวเอง ผมทำงานใช้หนี้ของตัวเอง

โหนกระแส

กรณีแม่ปูนาขึ้นป้ายทวงเงิน

          จั๊กกะบุ๋ม บอกว่า วันที่เขาไปที่บูธ วันที่ 28 มีการคุยกับแม่อยู่ พูดคุยกันดิบดี พอวันที่ 29 แม่มาบอกว่าเดี๋ยวจะให้พ่อหม่ำช่วยคุยเรื่องยอด ผมก็เก็ตแล้ว แสดงว่าแม่จะมาทวงเงิน ผมเป็นหนี้แม่ ก็คุยกันสองคนสิ จะไปหาพ่อหม่ำเพื่ออะไร ทั้งที่ผมบอกแม่ตลอดเวลาว่าหลังจบงานพ่อหม่ำ ผมคืนแม่แน่นอน ซึ่งแม่พยายามสื่อสารว่าผมขายของดี วันที่แม่ไปยืนดูขายได้เป็นหมื่น ทำไมแม่ไม่ไปยืนดูวันที่ผมขายของไม่ได้ ไม่ดีบ้างล่ะครับ

หนุ่ม กรรชัย เปรียบเทียบเหมือนลักษณะคอลเซ็นเตอร์

          คือเราหลวมตัวเอาเงินใส่บัญชีนี้แล้วนะ พอเราจะขอเงินคืน คอลเซ็นเตอร์บอกว่าเอาเงินคืนได้นะ แต่ต้องเอาเงินใส่บัญชีนี้ก่อนนะ เดี๋ยวค่อยถอนออกมา มันไม่ต่างกันเลย เป็นพี่ก็ต้องใส่ เพราะต้องการเงินพี่กลับคืนมา ไม่ต่างจากเขา เขาทำส่งเพื่อหวังเงินกลับคืน  

          ด้านจั๊กกะบุ๋มตอบว่า ผมเข้าใจทุกเรื่องเกี่ยวกับปัญหา สิ่งที่ผมกำลังจะบอกทุกคน ผมพยายามจะสื่อสารว่า ผมมีการพูดคุยและบอกทุกอย่างเกี่ยวกับปัญหาให้ได้รับทราบ มุมผม ผมคิดว่าแม่เขาเข้ามาช่วยเหลือซัพพอร์ตผม

          หนุ่ม กรรชัย : ถ้าแม่รับทราบ เขาจะทยอยทวงหนี้ทำไมตั้งแต่เดือนม.ค. มันก็ยืนยันว่าไม่ได้ตกลงกับบุ๋มแบบนั้นนะ ?

          แม่ปูนา : (ร้องไห้) ใช่ค่ะ

          จั๊กกะบุ๋ม : ผมคิดว่าเขาเป็นแม่ผม ช่วยลูก ผมดีใจที่เขาช่วยลงทุนให้ผม เพื่อให้ผมไปชำระหนี้ให้ก่อน ไม่งั้นจะมีได้ไงว่าแม่ไปเช็กมาแล้ว แสดงว่าผมบอกเขาแล้วไงว่าผมต้องชำระหนี้

          เมื่อถามว่า ตอนนี้จะจ่ายหนี้อย่างไร จั๊กกะบุ๋ม ตอบว่า ถ้าวันนี้ไม่เกิดเรื่อง ไม่เกิดการเอาป้ายไปแขวน ผมลูกผู้ชายพอ หลังงานพ่อหม่ำก็จะทำตามที่พูดไว้

โหนกระแส

ทนายไพศาล งัดข้อกฎหมายซัดกลับ จั๊กกะบุ๋ม ชี้เข้าข่ายฉ้อโกง

          ทนายไพศาล ระบุว่า แม่ปูนาเขาขึ้นป้ายใช้คำว่าขอคืนค่าสินค้า เป็นการตัดพ้อ อาจเข้าข่ายความผิดหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา แต่เขามีข้อสู้ ตามถ้อยคำเขาไม่ได้ใส่ความ เขาใช้คำว่า โปรดเมตตาคืนค่าสินค้าด้วยเถิด ถ้าสืบ เจตนาเขาบริสุทธิ์ ตัดจบเรื่องหมิ่นประมาท เขามาตามค่าสินค้า คุณไม่เคยชำระเขาเลย คุณบอกว่าขายไม่ได้แต่คุณสั่งเพิ่มตลอด

          "คุณรู้จักเขา 3 เดือน เขาไม่ใช่แม่คุณ ถ้าเขาจะช่วยคุณไม่มีใครช่วยคนอื่นในขณะที่ตัวเองจะจมน้ำ ถ้าเขาบอกเห็นใจคุณมากเป็นหนี้รายวัน 4 หมื่น แต่เขากำลังจะตาย ไม่มีใครช่วยคนอื่นทั้งที่กำลังจะตาย แต่ช่วยให้คนอื่นรอด ยกเว้นแม่ลูกกันจริง ๆ คุณเข้าข่ายฉ้อโกงนะ ถ้าเขาสืบเส้นเงินขายของ คุณไม่มีวัตถุประสงค์จะจ่ายหนี้แม้แต่บาทเดียว มันเข้าข่ายฉ้อโกง ต่างกรรมต่างวาระ โทษจำคุก 3 ปีปรับ  6 หมื่น กี่ครั้ง นี่พูดว่าเข้าข่ายนะ

          ส่วนการขึ้นป้ายผิด พ.ร.บ.ทวงหนี้ เขาไม่ให้เปิดเผยในที่สาธารณะ แต่เขาจะหลุดทันทีถ้าหนี้ไม่ใช่หนี้ เพราะโทษนี้จำคุก 1 ปี ปรับ 1 ถ้าสืบว่าเป็นค่าสินค้า เขาก็ไม่ผิดแล้ว คุณไม่จ่าย คุณจะเข้าข่ายฉ้อโกง ไม้ตายอยู่ตรงนี้ คุณยืมเงินเขา ยืมส่วนยืม อ้างแม่ใจดี มุมผมมันฟังไม่ขึ้น"


          ทนายไพศาล บอกด้วยว่า แนะนำด้วยความหวังดีคุณเคลียร์เขาเหอะ คุณจะบอกว่าขึ้นป้ายเปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาส ไม่จ่าย 2 แสนกว่าบาท ทำไม่ได้ มุมมองผม พ.ร.บ.ทวงหนี้ 1 ปี 1 แสน มันไม่ใช่หนี้ ถ้าสืบได้ว่าคุณมีเจตนาฉ้อโกง ก็ยกอีก แต่ของคุณกี่ครั้งที่ไม่โอนให้เขา คุณโอนวันสุดท้าย 2 พัน เขารู้ไหม ความผิดแต่ละกรรมมันสำเร็จไปแล้ว คนถ้าไม่สุดจริง ๆ เขาไม่มาหรอก คุณจะสู้ยังไง โจทก์คุณมาเพียบเลย แล้วถ้าสั่งของไปแล้วขายไม่ได้ แต่คุณสั่งใหม่ มันย้อนแย้ง เงินที่ขายได้ไปไหน

          ส่วนกรณีหนี้นอกระบบผิดกฎหมาย ไม่จ่ายก็ไม่ผิดนะ แต่นี่ถ้าไม่จ่าย คือฉ้อโกง ถามคำเดียวเป็นหนี้ไปแจ้งความทำไม คุณไปแจ้งไม่ได้ นี่ไม่ใช่หนี้ แต่เป็นค่าสินค้า ซึ่งทางจั๊กกะบุ๋มอ้างว่า ผมไม่คิดว่าจะแจ้งความอยู่แล้ว แต่คิดว่าระหว่างทาง ผมคุยกับแม่เขาทุกวัน ผมแสดงความบริสุทธิ์ใจตลอด 3 เดือนกว่า ๆ  

แม่ปูนา เผยต้องดิ้นรนขายบ้าน เพราะไม่มีจะกิน

          "พี่รู้ไหม 25 มี.ค. หาขายบ้าน ไม่มีอะไรแล้ว เงินอยู่ที่พี่เกือบจะ 3 แสน เราไม่มีอะไรแล้ว สุดท้ายเราขายบ้าน (ร้องไห้) มีคนรับซื้อแล้ว ยอมขายราคาถูกกว่าราคาประเมินเพื่อมาเป็นทุน ให้ทุกคนได้กิน (ร้องไห้) ให้ทุกคนได้ใช้ พี่รู้ไหมเราต้องขายบ้าน พี่อ่านออกไหมคะ (ร้องไห้) เราเดือดร้อนขนาดนี้ เราช่วยเหลือคนอื่นจนเราเดือดร้อนขนาดนี้"


          นอกจากนี้ ยังมีคนติดต่อเข้ามาในรายการขณะออกอากาศเยอะมาก ซึ่งจั๊กกะบุ๋มก็ยอมรับว่า ประสบปัญหาด้านการเงินจริง ๆ ได้เงินมาก็เอาไปปิดหนี้ ขอยืนยันว่าเงินที่ค้างทุกคน ยินดีชำระทุกบาททุกสตางค์

          หนุ่ม กรรชัย : แต่ตอนนี้เข้าข่ายไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย ?

          จั๊กกะบุ๋ม : ก็มันเป็นแบรนด์โลโก้ผมไปแล้ว ผมไม่มีจริง ๆ

          และเจ้าตัวยังบอกอีกว่า นอกจากหนี้นอกระบบ ก็มีคนอื่นอีก มีเยอะมาก ๆ ผมไม่ได้หาเงินให้ตัวเอง หลังจากผมใช้หนี้รายวันแล้ว ผมใช้หนี้แต่ละคนแล้ว ก็ถึงคิวของแม่แล้ว รองานพ่อหม่ำเสร็จก็จะทยอยคืนแม่แล้วนะครับ

          ปูนา : (ร้องไห้โฮ) กราบขอร้อง ให้เขาหยุดพูดเถอะ (ร้องไห้)

โหนกระแส

จั๊กกะบุ๋ม ยอมรับเป็นตลกตกอับ แต่เจียมตัวตลอด-ไม่มีโอกาสได้พูด
 
          "ตลอดระยะเวลา ผมมีโลโก้ตลกตกอับ ตลกเบี้ยวหนี้ ไม่มี ไม่หนี ไม่คืนมาหลายปีมากแล้ว วันนี้ทำไมพฤติการณ์ผมถึงถูกมองว่าเป็นคนไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เพราะข่าวเดิม ๆ ที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ วันนี้ทำไมคนสองสามแสนคนถึงรุมด่าผม เพราะผมไม่มีโอกาสได้พูดเลย แต่โลโก้ผมอยู่ในสื่อโซเชียลมีเดียทุกสื่อ ผมไม่มีโอกาสได้แก้ตัวเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมไม่เคยคิดจะได้มานั่งคุยในรายการโหนกระแสเลย เพราะตั้งแต่ไม่มีเงิน ผมก็เก็บเนื้อเก็บตัว ทำมาหากิน ค้าขาย ผมรู้อยู่แล้ว ผมเจียมตัวอยู่แล้ว ผมไม่มีเงินของผมอยู่แล้ว ผมรู้อยู่แล้วว่ามีหนี้เท่าไหร่ ผมเจียมตัวตลอด ไม่เคยกินหรู อยู่สบาย รู้อยู่แล้วต้องเอาเงินให้ใคร ทำงานให้ใคร ผมทำงานตั้งแต่หกโมงเช้าถึงตีสองตีสาม ได้เงิน 700-800 ก็ค่อย ๆ ทยอย ๆ ผมเรียงลำดับความสำคัญ ทำไมผมถึงจ่ายแม่ช้า เพราะผมเบาใจ ผมได้คุยกับแม่แล้ว"

          ด้านทนายไพศาล บอกว่า สังคมให้โอกาสอยู่แล้ว คุณไปขายเลย เดี๋ยวสังคมจะเห็นว่าคุณมีเจตนาจริง ๆ จะช่วยเขา คนที่คุณเรียกว่าแม่ ถ้าจั๊กกะบุ๋มออกบูธขายของกับแม่ แม่โอเคไหม มันเป็นทางรอดเขา ถ้าแยกกันไปเขาทำไม่ได้ ถ้าไปคู่กันแล้วสังคมเห็น สังคมจะช่วยซื้อแม่ แม่เห็นด้วยไหม

          แม่ปูนา :  ด้วยความเคารพค่ะคุณทนาย ไม่เอาค่ะ

          เมื่อถามว่า จะจัดการยังไงกับเงินที่คุณไปยืมเขามา ?

          จั๊กกะบุ๋ม ยืนยันว่า ผมไม่มีเจตนาไม่คืนเงินใคร ผมจะทำมาหากิน ขายของเหมือนเดิม ใครจะไม่สนับสนุนผม ผมไม่รู้ แต่ความตั้งใจผมจะออกไปค้าขายเหมือนเดิม ถ้าคิดว่าผมมีเจตนาดีจะใช้หนี้แม่ปูนาฟ้าใส แค่สนับสนุนผม ช่วยเหลือผมในการซื้อสินค้าแค่นั้น ช่วยสนับสนุนร้านผมที่ผมขายของอยู่ เท่านั้นพอ

          แต่งานที่ผมจะทำหลังจากนี้ วันที่ 3-8 ถูกยกเลิกแล้ว จากวันที่ 3-8 ผมไม่มีรายได้แล้ว ผมเพิ่งมีรายได้วันที่ 27-28-29-30-31 มี.ค. เมื่อวานวันที่ 1 ร้านผมขายได้ 15 กล่อง ก็ไม่ซีเรียส เพราะเข้าใจว่าเป็นผลกระทบจากข่าวของผม วันพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ต่อไปหลังจากนี้ สังคมให้คำตอบผมแล้ว

          แม่ปูนา :
พี่หยุดพูด 2.8 แสนแม่ยกให้ พี่หยุดพูดแค่นั้นพอ ยิ่งพูดพี่ยิ่งแย่ แม่ยกหนี้ให้หมดเลยถ้าหยุด

          จั๊กกะบุ๋ม : ไม่ครับ ผมอยากให้แม่ได้หนี้คืนเหมือนเดิม ผมไม่อยากให้แม่มายกหนี้ให้ผม ผมไม่ใช่มีเจตนาจะไม่ให้เงินแม่ ผมมีเจตนาตั้งแต่แรก แต่ผมเดินผิดพลาด เดินก้าวผิดพลาด ผมโทษตัวเองตลอด ผมวางแผนผิดพลาดเองหมด

          ปูนา : (ร้องไห้เอามือปิดหู)

          จั๊กกะบุ๋ม : แม่ไม่ต้องมายกหนี้ให้ผมครับ ผมจะทำมาหากินไปเรื่อย ๆ ผมขยับขยายได้ผมจะติดต่อแม่ไปเหมือนเดิม แต่หลังจากนี้ขอกลับไปวางแผนตัวเองก่อนจะใช้ชีวิตยังไง

โหนกระแส

น้ำใจคนไทยหลั่งไหลแห่ช่วยแม่ปูนากลางรายการสด

          แม่ปูนา
กล่าวว่า ไม่รับเงินช่วยค่ะ (ร้องไห้) ทำมาค้าขาย ตอนนี้เรามีปูของตัวเอง เรามีมันปูดิบ แต่ไม่สามารถขายของได้ เราไม่มีขวดที่จะใส่ให้ลูกค้า เราไม่มีเงินไปซื้อ อย่างไรก็ตาม ทั้งบรรดาแฟนเพจที่ชมรายการสดได้ติดต่อช่วยเหลือแม่ปูนาทั้งจะช่วยอุดหนุนสินค้า 1 บาท ช่วยค่ากระปุก 2 หมื่นบาท คุณกันจอมพลัง หมอปลา เพื่อน ๆ อินฟลูฯ ทนายไพศาล รวมอีก 3 หมื่นบาท และยังมีสปอนเซอร์ของรายการอย่าง M-150 ติดต่อมอบเงินสมทบให้ 5 หมื่นบาท

          นอกจากนี้ยังมีบุคคลนิรนามจะให้ทุน 3 แสน ให้ไปหมุนก่อนด้วย ทำเอาแม่ปูนาถึงกับร้องไห้
 
          "ขอบคุณทุกท่านที่ช่วยเหลือ ต่อลมหายใจช่วยเหลือครอบครัวเรา เงินที่ได้มาเราจะพยายามใช้ทุกบาททุกสตางค์ให้มีค่า เราจะไม่ใช้เงินเหมือนพี่จั๊กกะบุ๋มค่ะ"



โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส

โหนกระแส


เรื่องที่คุณอาจสนใจ
จั๊กกะบุ๋ม เชิญยิ้ม ชี้แจงหนี้ท่วมส่งวันละ 4 หมื่น ไม่มีให้แม่ปูนา - ทนายสอนมวยจุก ๆ อัปเดตล่าสุด 4 เมษายน 2567 เวลา 15:32:53 30,913 อ่าน
TOP