ชายห่มเหลืองเมาสุรา เหล็กของขลังเต็มตัว ล็อกเจ้าโลกไม่อยากให้มันแกว่ง หนักกว่า 10 กิโล

          ชายห่มเหลืองเมาสุรา ใส่เหล็กของขลังเต็มตัว ล็อกอวัยวะเพศ ไม่อยากให้มันแกว่ง กู้ภัยอึ้งต้องตัดเหล็ก 18 ชิ้น หนักกว่า 10 กิโลกรัม ตรวจพบแอลกอฮอล์พุ่งสูงกว่า 200 แจ้งข้อหาเบื้องต้น 4 ข้อหา



          เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2567 เรื่องเล่าเช้านี้ รายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวนายสุพจน์ แดงกระจ่าง อายุ 62 ปี พร้อมกับจีวรพระที่สวมใส่ มายัง สภ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ เพื่อสอบสวนหลังจากเมาสุราแล้วเดินตามสีกากลางตลาดย่านกิ่งแก้ว แถมมีต่อยตำรวจซ้ำ

          ทว่าเมื่อขอตรวจร่างกายกลับพบว่า ร่างกายของนายสุพจน์มีห่วงเหล็กเส้นขนาดต่าง ๆ เข็มขัดที่ดัดแปลงจากบานพับกลอนประตู และอื่น ๆ อีกมากมาย นำมาสวมใส่ทั้งแขน ขา เอว และอวัยวะเพศ ดังนั้นตำรวจต้องแจ้งมูลนิธิร่วมกตัญญู ส่งเจ้าหน้าที่นำเครื่องตัดถ่างหรืออุปกรณ์ตัดแหวนมาตัดเครื่องรางทั้งหมดออก ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงถึงตัดได้หมด มีทั้งหมด 18 ชิ้น พอนำมากองรวมกันคาดว่ามีน้ำหนักเกือบ 10 กิโลกรัม


          นายสุพจน์ กล่าวว่า เครื่องรางที่เห็น ทำมาใส่เพื่อป้องกันคุณไสยต่าง ๆ ทำให้หนังเหนียว ส่วนตรงจุดอวัยวะเพศ ใส่เพื่อป้องกันไม่ให้แกว่งไปแกว่งมาจนโดนโคนขา ส่วนเรื่องการเป็นพระ ก็เป็นพระจริง บวชมาหลายปีแล้ว มาจากวัดป่าแห่งหนึ่งใน จ.ชลบุรี

          พ.ต.ท. ณรรฐพงษ์ มัคเจริญ รอง ผกก.ป.สภ.บางแก้ว เปิดเผยว่า ตำรวจได้รับแจ้งจากชาวบ้านที่ใช้บริการในตลาดกิ่งแก้วว่า มีชายแต่งกายคล้ายพระมีอาการเมา โวยวาย และจ้องมองก้นกับหน้าอกผู้หญิง ลักษณะเชิงคุกคามทางเพศ จึงเข้าไปตรวจสอบ แต่กลับถูกชายคนดังกล่าวชกเข้าที่หน้า โชคดีหลบทัน จากนั้นตำรวจก็จับกุมตัวได้ แต่ชายคนนี้ก็ยังขัดขืน เอาศีรษะดิ้นไถพื้นจนบาดเจ็บเอง ดังนั้น ตำรวจต้องเรียกกำลังเสริมมาช่วย และมีชาวบ้านช่วยจับอีกแรง


          เบื้องต้น ตำรวจตรวจพบปริมาณแอลกอฮอล์ 212 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินขนาดไปมาก รวมถึงการตรวจเอกสารก็ไม่พบใบสุทธิ ต้องตรวจสอบเพิ่ม หากพบว่าไม่เป็นพระจริงก็จะแจ้งข้อหาเพิ่มอีก เบื้องต้นแจ้ง 4 ข้อหา คือ

          1. ต่อสู้หรือขัดขวางเจ้าพนักงานตามกฎหมายในการปฏิบัติหน้าที่

          2. ทำร้ายเจ้าพนักงาน โดยไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายและจิตใจ

          3. เสพสุราหรือของเมาอย่างอื่น จนเป็นเหตุให้ตนเมา ประพฤติวุ่นวายหรือครองสติไม่ได้ขณะอยู่ในถนนสาธารณะหรือสาธารณสถาน

          4. ผู้ใดกระทำด้วยประการใด ๆ ต่อผู้อื่น อันเป็นการรังแก ข่มเหง คุกคามหรือกระทำให้ได้รับความอับอายหรือเดือดร้อนรำคาญ
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้