เอ๋ ปารีณา ไกรคุปต์ น้ำตาคลอ เปิดสาเหตุเศร้า สูญเสีย คุณพ่อทวี ไกรคุปต์ เปิดที่มาหนี้กว่า 50 ล้าน เหตุจากกู้เลี้ยงไก่ และกู้ให้ญาติ สุดท้ายต้องมาใช้หนี้เอง
เอ๋ ปารีณา : ด้วยวัย ความชราภาพ เป็นเรื่องปกติของผู้สูงวัยทุกท่านจะมีอาการเดียวกัน คุณพ่อเป็นคนแข็งแรง มีการออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ออกกำลังกายอย่างเคร่งครัด มีการพบหมอเพื่อตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอ แต่ทั้งนี้ความชราภาพก็ทำให้สิ่งต่าง ๆ ในร่างกายทำงานไม่สมบูรณ์ เบื้องต้นคุณพ่อล้มครั้งที่ 1 ในห้องน้ำ ล้มเล็กน้อย แต่ด้วยวัยก็ทำให้สะโพกหัก แต่ไม่มีอันตรายอะไร พอล้มครั้งที่ 2 คุณพ่อล้มในห้องน้ำเช่นเดียวกัน ก็เป็นเรื่องมหัศจรรย์มาก ปกติเอ๋กับคุณพ่อไม่คุยเล่นกันในโทรศัพท์ จะคุยธุระกันเท่านั้น แต่วันหนึ่งเรามีธุระกันมากกว่า 50 เรื่อง ก็เหมือนคุยกันทั้งวันอยู่แล้ว อยู่ดี ๆ ตอน 6 โมงเช้า เอ๋โทร. ไปหาคุณพ่อ อยากคุยเล่น คุณพ่อไม่รับ คุณพ่อโทร. กลับมาตอน 8 โมงเช้า ถามว่าใครครับ พอบอกว่าเอ๋ค่ะ ลูกมีอะไรไหม เอ๋บอกไม่มี พ่อก็บอกว่าแต่พ่อมี พ่อล้ม เอาเฮลิคอปเตอร์มารับพ่อด่วนเลย พ่อยังไม่อยากตาย เพราะเลือดเต็มเลย เอ๋ก็บอกว่าที่ไหน เขาบอกในห้องน้ำ เอ๋ก็บอกว่าอีก 5 นาที เดี๋ยวเอ๋โทร. กลับ เอ๋ก็โทร. หาคนที่อยู่ใกล้ที่สุดไปรับคุณพ่อทันทีเพื่อส่งโรงพยาบาล ส่งไกลหน่อยที่ศิริราช ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่คุณพ่อและเอ๋ไว้ใจ เอ๋ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น อยากให้การวินิจฉัยเป็นความสบายใจของเอ๋ด้วย ระหว่างการเดินทางคุณพ่อก็โทร. หาเอ๋เรื่อย ๆ จนถึงโรงพยาบาล ตอนนั้นเอ๋อยู่กาญจนบุรี ก่ออิฐทำเล้าไก่ ก็ขับรถไปโรงพยาบาลช้ากว่าทีมงานเอ๋ 30 นาที หมอก็ขอซีทีสแกน เอกซเรย์หลายอย่าง หลังมีการตรวจสอบทุกอย่าง ปรากฏว่าโหนกแก้มคุณพ่อหัก ก็เลยตรวจตาต่อ ไม่มีผลต่อการมองเห็น มีรูประมาณ 1 ซม. ที่สมอง ทำให้เลือดไหลทางสมองอยู่ คุณพ่อเลยขอให้แอดมิตอีก 1 วัน ถ้าเลือดหยุดไหลก็กลับบ้านได้ ถ้าไม่หยุดไหลก็ต้องดูต่อว่าจะรักษายังไง
และครั้งสุดท้ายคือรอบนี้ เป็นรอบที่ 4 คุณพ่ออยู่บ้านพักที่สวนผึ้งแล้วเป็นลมไป คนอยู่รอบ ๆ พยายามปฐมพยาบาล เรียกรถพยาบาลทันที พอรถพยาบาลมาถึงก็มีการปั๊มหัวใจ ใส่เครื่องช่วยหายใจ นำส่งโรงพยาบาล พอถึงศิริราช ศิริราชบอกว่าต้องผ่าตัดเปิดกะโหลกเพื่อเอาเลือดออก มีเลือดคั่งในสมอง แต่คุณพ่อสั่งเอาไว้ว่าห้ามผ่า คุณหมอบอกว่าไม่ผ่าคือตายอย่างเดียว ก็เลยต้องผ่า พอผ่าเสร็จคุณหมอบอกว่าคุณพ่อมีสภาวะสมองตาย ถ้าครบ 24 ชม. ทางแพทยสภาถือว่าเป็นผู้เสียชีวิต สมองไม่ได้สั่งงาน ไม่ตอบสนองอะไร แต่คุณหมอบอกว่าด้วยเทคโนโลยีก็สามารถรักษาชีพจรขึ้นมา โดยการอัดยาเข้าไปต่าง ๆ เวลาความดันลด หัวใจจะหยุดเต้นก็อัดยากัน จนตอนหลังเตรียมทำใจแล้ว ก็บอกจะเอาคุณพ่อกลับบ้านแล้ว คุณหมอบอกว่าส่งเข้าบ้านไม่ได้ ต้องส่งระหว่างโรงพยาบาล เลยส่งไป รพ.ราชบุรี เพื่อให้ใกล้บ้าน แล้วเดี๋ยวค่อยว่ากัน พอถึง รพ.ราชบุรี ปุ๊บ วันแรกที่มาถึงไม่ได้ให้ยาอะไรเลย จากให้ยาหนัก ๆ ชีพจรปกติมาก ๆ ก็อะเมซิ่ง ตกใจมาก คิดว่าคุณพ่อน่าจะฟื้นแล้วแหละ แต่คุณหมอที่ราชบุรีบอกว่าไม่มีทาง มันเป็นไปไม่ได้ เป็นการรออย่างเดียวแล้ว แต่ชีพจรเต้นดีโดยไม่ใช้ยากระตุ้นเลย ก็เป็นสภาพร่างกาย เพราะออกซิเจนมันเป่าอัดเข้าไปในหัวใจก็ดีขึ้น วันต่อมาก็เริ่มไม่ดีแล้ว และคุณพ่อก็จากไป
เอ๋ ปารีณา : ประมาณวันที่ 11 หัวใจก็แตกสลายค่ะ คือเราน่าจะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ทำด้วยกันเยอะกว่านี้
- มีลางสังหรณ์ ?
เอ๋ ปารีณา : คุณพ่อมีพฤติกรรมแปลกมาก คุณพ่อออกเดินทางเพื่อไปหาทุกคนเลย ไปหาแม้กระทั่งคนขับรถเก่าที่เขาออกไป เพราะเขามีงานที่ดีกว่านี้ ไปชวนคนสนิทเตรียมไปพัทยาหลังสงกรานต์ เพื่อไปดูอัลคาซ่า ไปหาคุณแม่ซึ่งหย่าร้างไปนานแล้ว ไปหาน้องชายที่อยู่ลพบุรี ไปนอนอยู่ 1 คืน ไปหาแม้กระทั่งสามีเก่าของเอ๋ คุณพ่อบอกว่าอยากไปให้กำลังใจค่ะ
- เอ๋ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากคุณพ่อ ?
เอ๋ ปารีณา : ใช่ค่ะ ตลอดระยะเวลาเลยที่ได้อยู่และไม่อยู่กับคุณพ่อ พอเป็น สส. จากได้ห้อย ๆ ตามไปก็ไม่ได้ห้อยแล้ว เพราะเราต้องประชุมสภา ไปเผาศพ เราจะเป็นทีมกัน ก็ทำให้ได้เจอกันน้อย แต่โทรศัพท์กัน
เอ๋ ปารีณา : ใช่ แม้แต่การเมืองคุณพ่อก็ไม่อยากให้เลิก คุณพ่อบอกว่ากว่าจะสอนมาได้ขนาดนี้ ทำไมเลิก อยากให้เล่น แต่เอ๋บอกว่าเอ๋ช้ำมาก เอ๋ขอพักผ่อน คุณพ่อก็ไม่ได้พูดอะไร เอ๋ไปทำเล้าไก่ คุณพ่อก็ขับรถไกล ๆ จากราชบุรีมากาญจนบุรี เพื่อมาดูเอ๋ก่อสร้าง คุณพ่อจะสอนด้วยวิธีก่อสร้าง ว่าทำยังไงให้ประหยัด ก็ตามมาช่วยเหลืออยู่ แต่ไม่ได้บอกรักเอ๋
- น้อยใจไหม ?
เอ๋ ปารีณา : วิธีการสอนของคุณพ่อจะมีคำพูดที่ไม่สุภาพ มีเสียงที่ดังเยอะ เป็นสไตล์ เพราะคุณพ่อก็ลูกชาวบ้าน แต่ขยันหมั่นเพียร สร้างเนื้อสร้างตัวจนได้เป็นรัฐมนตรี คุณพ่อจะเป็นคนขยันสุด ๆ ในการทำงาน เวลาสอนลูกแกก็จะสอนให้จดจำเข้าไปในหัวเลยค่ะ บางครั้งสอนมาก ๆ เราก็หนัก น้อยใจ แต่เราฟัง เพราะถ้าไม่ฟังเราไม่สามารถมาจุดนี้เลย
- อยากบอกอะไรท่าน ?
เอ๋ ปารีณา : เอ๋รักพ่อค่ะ และคิดถึงพ่อ (เสียงสั่นน้ำตาคลอ)
เอ๋ ปารีณา : ตอนนี้ก็เป็นคำพิพากษาชั้นต้น ก็ขอขยายเวลาการอุทธรณ์ครั้งที่ 1 อนุญาต พอดีไปดูแลคุณพ่อ จัดงานคุณพ่อ เลยขอขยายเวลาครั้งที่ 2 ยังไม่ทราบว่าจะอนุญาตหรือไม่ ถ้าไม่อนุญาตก็ยื่นอุทธรณ์วันที่ 11 พฤษภาคม นี้
- นอกจากคดีนี้แล้ว มีเรื่องราวหนี้สินอีกประมาณ 50 ล้าน ที่มาที่ไปมาจากไหน ?
เอ๋ ปารีณา : มากกว่า 50 ล้านค่ะ ก็ต้องหาอาชีพค่ะ มันล้มละลายได้ แต่จะไม่ล้ม จะทำงานใช้
เอ๋ ปารีณา : เริ่มจากไปกู้เงินธนาคาร ธ.ก.ส. เพื่อเลี้ยงไก่ค่ะ กู้มา 23 ล้าน ตอนหลังคุณพ่อก็มาช่วยชำระให้ 5 ล้าน ก็เหลือ 17 ล้าน ต่อมาก็มีการกู้เงินนักการเมืองท่านหนึ่ง เป็นที่เคารพรักของครอบครัวเอ๋ เอ๋กู้ให้คนในครอบครัวอีกคนหนึ่ง พอถึงเวลาเราเป็นคนกู้ก็ต้องรับผิดชอบ ซึ่งท่านก็เมตตาเอ๋มาก ไม่คิดดอกเบี้ย เพราะท่านรู้ว่าเอ๋ไม่ได้ใช้แม้แต่บาทเดียว แล้วมีเรื่อง กกต. เข้ามาอีกส่วนหนึ่ง
- ปกติมีคุณพ่อให้กำลังใจ พอถึงเวลานี้เหมือนเสาหลักจากไปแล้ว ให้กำลังใจตัวเองยังไง ?
เอ๋ ปารีณา : ได้แต่ร้องไห้ (หัวเราะ) มันเป็นภาระที่เหมือนเราคนเดียวรับผิดชอบ แต่คุณพ่อก็มีทรัพย์สินเยอะ แต่เป็นประเภทที่ดินเยอะมาก แต่ไม่ใช่ที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ ฉะนั้นมันก็จะมีแค่ที่ดินผืนเดียว อันนี้แหละที่มีปัญหา เหมือนที่ดินผืนเดียวพังชีวิตไปเลย เราพยายามทำกินบนที่ดินต่าง ๆ ต่อไป
เอ๋ ปารีณา : อยากได้รับความยุติธรรมค่ะ อะไรที่เราผิดเราจะสารภาพทันที แต่อะไรไม่ผิดก็จะสู้ถึงที่สุด และหวังว่าจะได้รับความยุติธรรม และยังเชื่อมั่นในความยุติธรรมอยู่ค่ะ
- จากนี้วางแผนอนาคตยังไง ?
เอ๋ ปารีณา : เอ๋อยากพักผ่อน และอยากเป็นเกษตรกรแบบคุณพ่อ อยากเลี้ยงไก่ ก่อสร้างเล้าไก่ให้เสร็จ ซึ่งที่นี่เอ๋ลงมือเอง ฉาบปูนเองด้วย (หัวเราะ) ก็ตั้งใจมาก อยู่กับลูกน้องเยอะ แต่อีกนานกว่าจะเสร็จ กำลังทำ เพื่อนบ้านก็เพิ่งสร้าง แต่เขาจะเสร็จแล้ว เขาเป็นเหมาจ้าง ของเราทำกันเอง ยกตัวอย่างคุณธัญญ่าสร้างบ้านก็จ่ายเป็นงวด แต่ทุนน้อยก็ทำเอง เขาก็คิดเป็นตารางเมตร ทำเองก็ถูก ก็ทำไปเรื่อย ๆ
ติดตามชมรายการคุยแซ่บShow ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.15-14.15 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ YouTube Channel : Orange Mama