คุณลุงเคราะห์ร้าย ติดในหุบเขาลึก 10 วัน เจ็บจนเดินไม่ได้ หาวิธีให้บอกตำแหน่งคนรู้ได้อย่างน่าทึ่ง สุดท้ายรอดชีวิต
![ในวิกฤตถึงชีวิต ในวิกฤตถึงชีวิต](http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/2024/lotto/um1.jpg)
ภาพจาก Nantou County Fire Department
ตามรายงานของสื่อท้องถิ่น ระบุว่า เหตุการณ์เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 12 เมษายน ที่ผ่านมา ชายชื่อสกุล "จ้วง" อายุ 54 ปี ออกไปเดินป่าโดยลำพัง ที่ภูเขาฟีนิกซ์ ในเขตหนานโถว ของไต้หวัน กระทั่งเกิดพลัดตกลงไปในหุบเขา จากที่ความสูงประมาณ 10 เมตร เป็นเหตุให้ได้รับบาดเจ็บที่ขาข้างขวา จนไม่สามารถเดินได้
คุณลุงจ้วงไม่มีโทรศัพท์มือถือ จึงไม่สามารถติดต่อให้ใครมาช่วยเหลือได้ อีกทั้งยังมีอาการหิวโหย เนื่องจากร่างกายไม่ได้กินอะไรมานานหลายวันตลอดระยะเวลาที่เขาติดอยู่ในหุบเขาแห่งนั้น ทว่าคุณลุงไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมแสนเลวร้ายนี้ เขาพยายามคิดหาวิธีเอาชีวิตรอดออกไปให้ได้
![ในวิกฤตถึงชีวิต ในวิกฤตถึงชีวิต](http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/2024/lotto/um2.jpg)
ภาพจาก Nantou County Fire Department
หลังจากที่คุณลุงประสบเหตุ ผ่านมาเป็นระยะเวลา 10 วัน ในที่สุด ชาวบ้านที่อยู่ในพื้นที่นั้นก็พบว่า เกิดความผิดปกติกับท่อน้ำ จึงได้ออกสำรวจหาต้นเหตุ กระทั่งมาเจอคุณลุงที่ติดอยู่ในหุบเขาลึก จึงรีบแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยให้เขามาช่วยเหลือ พาคุณลุงลงมาจากภูเขาได้โดยปลอดภัย
จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า คุณลุงมีสัญญาณชีพคงที่ แต่สภาพร่างกายอ่อนเพลีย เนื่องจากขาดอาหาร อีกทั้งยังมีอาการบาดเจ็บที่ขาขวาและสะโพกซ้าย ทางเจ้าหน้าที่จึงส่งคุณลุงขึ้นรถฉุกเฉิน นำตัวส่งรักษายังโรงพยาบาล
![ในวิกฤตถึงชีวิต ในวิกฤตถึงชีวิต](http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/2024/lotto/um3.jpg)
ภาพจาก Nantou County Fire Department
![ในวิกฤตถึงชีวิต ในวิกฤตถึงชีวิต](http://hilight.kapook.com/img_cms2/user/rungtip/2024/lotto/um4.jpg)
ภาพจาก Nantou County Fire Department
"สุดยอดมาก วิธีการช่วยเหลือตัวเองของคุณลุงนั้นช่างเหลือเชื่อจริง ๆ ถ้าเป็นฉัน ฉันคงได้แต่ดื่มน้ำทุกวัน ไม่มีใครหาฉันเจอหรือมาช่วยได้"
"สวรรค์หรือโชคชะตามักจะเปิดช่องเอาไว้เสมอ ผู้ที่รอดชีวิตจากภยันตรายที่เลวร้ายจะโชคดีในอนาคต"
"นี่เป็นความคิดที่ฉลาดยอดเยี่ยม ในวิกฤตอันตรายเช่นนั้น เขากลับมีสติ และมีไหวพริบมากจริง ๆ"
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก South China Morning Post, Taiwan News