แฉภาพโจรแสบ ฉกมือถือ โอ๊ตมีล ที่แท้คือเจ้าของคลินิก อึ้งเบื้องหลังโปรไฟล์อวดหรูอื้อ

          วงจรปิดจับภาพโจรแสบฉกมือถือ โอ๊ตมีล ในสถานบันเทิง ที่แท้คือเจ้าของคลินิก โปรไฟล์อวดหรูอื้อกลับก่อเหตุ มีผู้เสียหายเพียบ

          จากกรณีที่ เพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้รีเทิร์น Part 6 โพสต์ภาพ พร้อมข้อความบรรยายว่า ดารานักแสดงหนุ่มรายหนึ่งชื่อ โอ๊ตมีล ออกมาร้องเรียนเรื่องถูกคนร้ายลักทรัพย์โทรศัพท์มือถือ iPhone ไปในสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถบันทึกเหตุการณ์ตอนช่วงที่มีการลักทรัพย์ได้อย่างชัดเจน

          โดยดารานักแสดงหนุ่มให้ข้อมูลกับทางเพจดังว่า คนที่ลงมือก่อเหตุในครั้งนี้เป็นถึงเจ้าของคลินิก เสริมความงามแห่งหนึ่งญาติเอเชียทีค ซึ่งมีโปรไฟล์ใช้สิ่งของหรูหรา เสื้อผ้าแบรนด์เนม แต่กลับลงมือก่อเหตุแบบนี้ และยังพบว่ามีผู้เสียหายรายอื่นถูกคนร้ายรายนี้ก่อเหตุอีกด้วย


          เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 13 พฤษภาคม 2567 ข่าวช่อง 3 รายงานว่า จากการสอบถาม นายณัฐพงษ์  หรือ โอ๊ตมีล นักแสดงซีรีย์วาย เล่าให้ฟังว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นในวันที่ 2 พฤษภาคม ต่อเนื่องเช้าวันที่ 3 พฤษภาคม ตนไปเที่ยวสถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านรัชโยธิน เมื่อกำลังจะเดินทางกลับจึงเพิ่งรู้ว่าโทรศัพท์มือถือหาย ตนพยายามเดินทางกลับเข้าไปหาแต่ไม่พบ เช้าวันรุ่งขึ้นตนจึงลงบันทึกประจำวันไวที่ สน.พหลโยธิน และไปที่สถานบันเทิงเพื่อตรวจสอบกล้องวงจรปิด

          ก่อนจะพบภาพเหตุการณ์ช่วงที่กำลังจะกลับออกจากร้าน มีชายคนหนึ่งเดินตามออกไปด้วย และพยายามจะล้วงกระเป๋าตน แต่ขณะนั้น ตนย้อนกลับมาเอากระเป๋าที่โต๊ะอีกครั้ง แต่ชายคนดังกล่าวยังเดินตามกลับเข้ามาและลงมือล้วงกระเป๋าอีกครั้งภายในร้านจนสำเร็จและเดินหลบหนีไป ซึ่งในจุดนี้กล้องวงจรปิดสามารถบันทึกภาพไว้ได้อย่างชัดเจน


          เมื่อสอบถามเพื่อนและรุ่นพี่จึงทราบว่า ชายคนดังกล่าว เป็นเจ้าของสถานความงามแห่งหนึ่งย่านเอเชียทีค ตรวจสอบในโซเชียลมีเดียพบว่า มีการใช้โปรไฟล์หรูหรา ใช้สิ่งของแบรนด์เนม ดูท่าทางไม่น่าจะเดือดร้อนเรื่องเงิน จึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาทำแบบนี้กับตน ตนยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับชายคนนี้มาก่อน และในวันเกิดเหตุก็ไม่ได้ไปเที่ยวด้วยกันหรือชวนผู้ก่อเหตุมาร่วมโต๊ะแต่อย่างใด


          ต่อมาได้ทราบอีกว่า ก่อนหน้านี้มีผู้เสียหายอีกสองรายเป็นน้อง ๆ วัยรุ่นซึ่งทรัพย์สินสูญหาย เดินทางมาขอดูกล้องวงจรปิดเช่นเดียวกัน แต่เคสอื่นไม่ได้เห็นหลักฐานที่ชัดเจนเหมือนกรณีของตน โดยพบว่ามีตัวเลขผู้เสียหายในลักษณะคล้ายกันจากสถานบันเทิงแห่งนี้อีกประมาณเกือบ 20 คน ซึ่งคาดว่ามูลค่า ความเสียหายอาจจะสูงนับล้านบาท เพราะโทรศัพท์ส่วนมากที่โดนขโมยนั้นจะเป็นโทรศัพท์หรูที่มีราคาไม่ต่ำกว่า 50,000 บาท

          หลังเกิดเรื่อง ตนทำการโพสต์ในถึงเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อไปเช็กโปรไฟล์ของคนก่อเหตุพบว่ามีความเคลื่อนไหว แก้ไขเป็นโปรไฟล์แบบส่วนตัวปกปิดการเข้าถึงในทุกช่องทาง จึงคาดว่าคนร้ายเริ่มจะรู้ตัวแล้ว เพราะตำรวจออกหมายเรียกไปเมื่อ วันที่ 8 พฤษภาคม ที่ผ่านมา

          ขณะที่ตำรวจเปิดเผยว่า ตรวจสอบประวัติของผู้ก่อเหตุเมื่อปี 2551 พบว่า มีประวัติเกี่ยวข้องกับการรับซื้อของโจร โดยต่อจากนี้ตำรวจจะทำการเร่งรัดเรียกตัวผู้กระทำความผิดรายนี้มาทำการสอบสวนและดำเนินการทางคดี โดยหากมีการออกหมายเรียกครั้งที่สองและไม่มีการเดินทางเข้าพบตำรวจตามหมาย จะมีการขออนุมัติหมายจับครั้งต่อไป

ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวช่อง 3