สาวแชร์ประสบการณ์ อาบน้ำลงอ่างกับแฟน เจอนิสัยสะพรึงเหนือคาดคิด ขอถามความเห็น อยากเลิกจะเกินไปไหม
วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ Hk01 เผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงสาวรายหนึ่งได้เขียนเล่าประสบการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ Reddit เผยว่า หลังจากเธอคบหากับแฟนหนุ่มมาระยะหนึ่ง ก็มีโอกาสได้ลงอ่างอาบน้ำด้วยกัน เธอเห็นว่าเขานำสบู่มาถูที่มือ แล้วใช้มือถูตัวเบา ๆ ไม่ได้ใช้ผ้า หรืออุปกรณ์ช่วยทำความสะอาดร่างกายอื่น ๆ โดยเขาบอกกับเธอว่า "ชอบอาบน้ำด้วยมือ"
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายสำหรับหญิงสาว จนกระทั่งเมื่อจะอาบน้ำเสร็จ เธอพบว่า เขาไม่ได้ทำความสะอาดบริเวณก้น เมื่อเธอถามว่าทำไมถึงไม่ล้างมัน คำตอบที่ได้ทำเอาเธอตกใจไม่น้อย เขาบอกด้วยความมั่นใจว่า "ตอนที่แช่ในน้ำ น้ำก็ทำความสะอาดก้นให้แล้ว และฉันก็ทำแบบนี้มาตลอด"
หญิงสาวตกตะลึงในความคิดของฝ่ายชาย แต่ในตอนแรกเธอก็พยายามทำความเข้าใจเขา คิดว่าพ่อแม่ของเขาอาจจะไม่ได้สอนวิธีการอาบน้ำที่ถูกต้อง เธอจึงแนะนำเขาว่าต้องใช้สบู่ล้างทำความสะอาดบริเวณก้นและขาหนีบด้วย จากนั้นประมาณ 2-3 วันต่อมา เธอก็ถามแฟนหนุ่มหลังจากอาบน้ำว่า เขาได้ล้างก้นหรือเปล่า แต่เขากลับตอบเธอมาว่า "ไม่ มันน่าขยะแขยงที่จะเอามือไปล้างมัน"
เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งทางความคิดที่กระทบต่อความสัมพันธ์ หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจกับนิสัยส่วนตัวข้อนี้ของเขา เขาไม่ใช่เด็ก ๆ และโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับขาดสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน อีกทั้งยังไม่ยอมปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เธอลังเลกับความสัมพันธ์ ว่าควรจะเลิกกับเขาดีหรือไหม
เรื่องราวนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ได้รับความนิยม มีชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยหลายคนมองเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นเดียวกัน โดยกล่าวทำนองว่า "ถ้าเขาอาบน้ำไม่ล้างก้น คิดว่าเวลาอุจจาระเขาจะยอมเช็ดก้นตัวเองไหม", "ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ยังคิดว่ามันสกปรกเกินไป", "ส่วนนั้นต้องอยู่ในกางเกงในทั้งวัน ทั้งอับและชื้น ถ้าไม่ล้างมันก็น่าขยะแขยงจริง ๆ"
ทั้งนี้ทั้งนั้น มีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งได้ให้คำแนะนำว่า "ถ้าสิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกรังเกียจและรับไม่ได้ โดยพื้นฐานคุณก็มีเหตุผลที่จะยุติความสัมพันธ์ แต่ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนในด้านอื่น ๆ ดีหมด ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว และคุณก็ชอบเขามาก คุณน่าจะลองให้เวลาเขาสัก 30 วัน เพื่อคิดทบทวนเรื่องนี้ดู"
ขอบคุณข้อมูลจาก Hk01
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
คู่รักมักมีกิจกรรมสนุก ๆ มากมาย เพื่อกระชับความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น การอาบน้ำลงอ่างด้วยกัน ก็ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโมเมนต์โรแมนติกชวนใจสั่น ทว่าสำหรับเรื่องราวของหญิงสาวรายนี้ ความโรแมนติกของเธอได้กลายเป็นฝันร้ายในพริบตา เมื่อเธอได้เจอกับ "นิสัยน่าสะพรึง" ของแฟนหนุ่ม
วันที่ 16 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ Hk01 เผยว่า เมื่อไม่นานมานี้ มีหญิงสาวรายหนึ่งได้เขียนเล่าประสบการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ชุมชนออนไลน์ Reddit เผยว่า หลังจากเธอคบหากับแฟนหนุ่มมาระยะหนึ่ง ก็มีโอกาสได้ลงอ่างอาบน้ำด้วยกัน เธอเห็นว่าเขานำสบู่มาถูที่มือ แล้วใช้มือถูตัวเบา ๆ ไม่ได้ใช้ผ้า หรืออุปกรณ์ช่วยทำความสะอาดร่างกายอื่น ๆ โดยเขาบอกกับเธอว่า "ชอบอาบน้ำด้วยมือ"
แต่นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรมากมายสำหรับหญิงสาว จนกระทั่งเมื่อจะอาบน้ำเสร็จ เธอพบว่า เขาไม่ได้ทำความสะอาดบริเวณก้น เมื่อเธอถามว่าทำไมถึงไม่ล้างมัน คำตอบที่ได้ทำเอาเธอตกใจไม่น้อย เขาบอกด้วยความมั่นใจว่า "ตอนที่แช่ในน้ำ น้ำก็ทำความสะอาดก้นให้แล้ว และฉันก็ทำแบบนี้มาตลอด"
หญิงสาวตกตะลึงในความคิดของฝ่ายชาย แต่ในตอนแรกเธอก็พยายามทำความเข้าใจเขา คิดว่าพ่อแม่ของเขาอาจจะไม่ได้สอนวิธีการอาบน้ำที่ถูกต้อง เธอจึงแนะนำเขาว่าต้องใช้สบู่ล้างทำความสะอาดบริเวณก้นและขาหนีบด้วย จากนั้นประมาณ 2-3 วันต่อมา เธอก็ถามแฟนหนุ่มหลังจากอาบน้ำว่า เขาได้ล้างก้นหรือเปล่า แต่เขากลับตอบเธอมาว่า "ไม่ มันน่าขยะแขยงที่จะเอามือไปล้างมัน"
เรื่องนี้กลายเป็นปัญหาความขัดแย้งทางความคิดที่กระทบต่อความสัมพันธ์ หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจกับนิสัยส่วนตัวข้อนี้ของเขา เขาไม่ใช่เด็ก ๆ และโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่กลับขาดสุขอนามัยขั้นพื้นฐาน อีกทั้งยังไม่ยอมปรับตัวหรือเปลี่ยนแปลง ส่งผลให้เธอลังเลกับความสัมพันธ์ ว่าควรจะเลิกกับเขาดีหรือไหม
"ฉันควรเลิกกับแฟนไหม ? มันจะใจร้ายเกินไปหรือเปล่า ถ้าจะเลิกกับเขาด้วยเหตุผลนี้" หญิงสาว กล่าวพร้อมขอความเห็นจากเพื่อน ๆ บนโซเชียล
เรื่องราวนี้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่ได้รับความนิยม มีชาวเน็ตเข้าไปคอมเมนต์แสดงความคิดเห็นจำนวนมาก โดยหลายคนมองเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นเดียวกัน โดยกล่าวทำนองว่า "ถ้าเขาอาบน้ำไม่ล้างก้น คิดว่าเวลาอุจจาระเขาจะยอมเช็ดก้นตัวเองไหม", "ฉันก็เป็นผู้ชายเหมือนกัน ยังคิดว่ามันสกปรกเกินไป", "ส่วนนั้นต้องอยู่ในกางเกงในทั้งวัน ทั้งอับและชื้น ถ้าไม่ล้างมันก็น่าขยะแขยงจริง ๆ"
ทั้งนี้ทั้งนั้น มีผู้ใช้โซเชียลรายหนึ่งได้ให้คำแนะนำว่า "ถ้าสิ่งนี้ทำให้คุณรู้สึกรังเกียจและรับไม่ได้ โดยพื้นฐานคุณก็มีเหตุผลที่จะยุติความสัมพันธ์ แต่ถ้าความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับแฟนในด้านอื่น ๆ ดีหมด ยกเว้นเรื่องนี้เรื่องเดียว และคุณก็ชอบเขามาก คุณน่าจะลองให้เวลาเขาสัก 30 วัน เพื่อคิดทบทวนเรื่องนี้ดู"
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Hk01