หญิงโลกสลาย เล่านาทีรู้ความลับเรื่องชาติกำเนิด ผลจากสัมพันธ์ต้องห้าม พ่อแม่คือพี่น้อง

          หญิงโลกสลาย เล่านาทีรู้ความลับเรื่องชาติกำเนิด ผลพวงจากสัมพันธ์ต้องห้าม พ่อกับแม่กลายเป็นพี่น้องกัน จนต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ ยอมทิ้งความปรารถนาที่ใหญ่ที่สุด

          เป็นเรื่องยากสำหรับคนคนหนึ่งกับการที่ได้รู้ความจริงว่าตัวเองไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพ่อแม่ แต่มันยากที่จะจินตนาการยิ่งกว่านั้น เมื่อหญิงได้ค้นพบความลับสุดดาร์กเกี่ยวกับตัวตนของพ่อแม่ผู้ให้กำเนิด ที่ถูกเก็บซ่อนมานานเท่าชีวิตของตัวเอง จนกลายเป็นปมในใจที่ยากจะแบกรับ

          โดยวันที่ 19 พฤษภาคม 2567 เว็บไซต์ indy100 นำเสนอเรื่องราวของ เทเรซ่า ไวเลอร์ หญิงวัย 64 ปี ผู้ที่เติบโตมาในบ้านที่แสนอบอุ่นในย่านมิดเดิลเซ็กซ์ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ในช่วงชีวิตหนึ่งเธอต้องจมอยู่กับความเจ็บปวดอย่างยิ่งเมื่อได้รู้เรื่องชาติกำเนิดของตัวเอง ซึ่งเธอตัดสินใจออกมาบอกเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอในช่วงเวลานั้น รวมถึงผลกระทบต่อชีวิตในเวลาต่อมา ผ่านรายการ Life Changing ทาง BBC Radio 4
 
          สำหรับ เทเรซ่า เป็นเด็กที่อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ ก่อนที่ข้าราชการอาวุโสกับภรรยาของเขาจะรับเด็กคนนี้มาเป็นลูกบุญธรรมตั้งแต่ยังแบเบาะ ทั้งคู่เลี้ยงดูเด็กคนนี้ด้วยความรักและความอบอุ่น จนกระทั่งเทเรซ่าอายุครบ 18 ปี พ่อแม่บุญธรรมจึงมอบสูติบัตรตัวจริงให้เธอเก็บไว้

          บนสูติบัตรนั้นระบุชื่อแม่แท้ ๆ ของเทเรซ่า ซึ่งก็คือ เทเรซ่า มัวรีน โอ เรลลี โดยผู้หญิงคนนี้เคยทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่อยู่ในกรุงลอนดอน แต่ในเอกสารดังกล่าวไม่มีการกล่าวถึงพ่อผู้ให้กำเนิดของเธอ

          เวลาผ่านไปจนกระทั่งเทเรซ่าอายุ 20 กว่าปี เธอจึงติดต่อไปยังหน่วยงานสังคมสงเคราะห์ที่เคยดูแลเธอ ก่อนจะได้รับแฟ้มเอกสารที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการรับเลี้ยงเธอ ซึ่งตอนนั้นเองที่เทเรซ่าได้ค้นพบความจริงที่เป็นเหมือนระเบิดลูกใหญ่ เมื่อในเอกสารดังกล่าวระบุว่า แม่แท้ ๆ คลอดเธอตอนที่มีอายุเพียง 16 ปี ส่วนพ่อแท้ ๆ ของเธอนั้น คือ ฌอน น้องชายวัย 15 ปีของหญิงที่คลอดเธอออกมา  
 
          เทเรซ่าเล่าถึงความรู้สึกในตอนนั้นว่า สิ่งแรกที่รู้สึกก็คือความช็อก ขยะแขยง และความอัปยศ เพราะเธอเติบโตมาในครอบครัวคาทอลิกที่เข้มงวด ซึ่งแม้แต่การมีเซ็กส์ก่อนแต่งงานยังเป็นเรื่องห้าม ดังนั้นเรื่องที่พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอเป็นพี่น้องกันเองนั้น จึงเป็นสิ่งที่เกิดขอบเขตไปมากสำหรับเธอ

          เธอยังอธิบายอีกว่า การมีเพศสัมพันธ์ร่วมสายเลือด คือข้อห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แต่การค้นพบความลับนี้ก็ได้ตอบคำถามที่เธอเคยสงสัยมาตลอดว่าเหตุใดเธอจึงถูกทิ้ง และไม่มีใครกลับมาหาเธอเลย มันอธิบายได้เป็นอย่างดีว่าเหตุใดจึงไม่มีใครต้องการเธอสักคน

          เธอยังสงสัยอีกด้วยว่า ต้นกำเนิดนี้คือสาเหตุของปัญหาสุขภาพต่าง ๆ ที่เธอเป็นหรือไม่ อย่างไรก็ตาม มันได้กลายเป็นความลับที่เธอไม่อาจบอกใครได้ เธอคิดว่าพ่อแม่บุญธรรมคงไม่มีใครต้องการเธออีก และคงหันหลังให้เธอถ้ารู้ความจริง เธอไม่อาจเผชิญหน้ากับความอัปยศที่ต้องบอกความจริงเรื่องนี้กับเพื่อนหรือคนอื่น ๆ ด้วย
 
          เทเรซ่าชี้ว่า ในแฟ้มเอกสารดังกล่าวไม่ได้ระบุถึงสถานการณ์ในการเกิดมาของเธอ รวมถึงไม่ระบุว่าเธอเป็นผลพวงที่เกิดจากการสมยอมหรือไม่ แต่สิ่งที่ติดอยู่ในใจของเธอตอนนั้นคือ "ฉันเป็นสิ่งที่แปดเปื้อน"
 
          เธอเอาแต่ครุ่นคิดว่าตัวเองไม่ได้ดีเหมือนคนอื่น ๆ เธอไม่เป็นที่ยอมรับของใคร และไม่ควรคาดหวังจะได้มีครอบครัวที่ดี สุดท้ายเธอยังทำการตัดสินใจครั้งสำคัญ ว่าชาตินี้จะไม่ขอมีลูกเด็ดขาด เพราะไม่อยากให้เด็กที่เกิดมามีความเสี่ยงต่าง ๆ



          "นี่คือเรื่องใหญ่มาก ๆ เพราะฉันอยากมีลูกมากจริง ๆ มันคือหนึ่งในความปรารถนาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของฉัน แต่ฉันไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถนำเด็กคนหนึ่งมาสู่โลกใบนี้ โดยทราบดีเรื่องชาติกำเนิดของเธอ" เทเรซ่า ระบุ

          แม้เทเรซ่าจะยังไปเดตและมีความสัมพันธ์กับคนต่าง ๆ แต่ก็มักจะจบความสัมพันธ์นั้นลงเมื่อทุกอย่างเริ่มจริงจัง เพื่อที่เธอจะได้ไม่ต้องอธิบายให้คนรักฟังถึงเหตุผลที่ไม่อยากมีครอบครัว ตลอดจนไม่ต้องเล่าความลับของเธอ

          แต่แล้วเมื่อเวลาผ่านไปอีกหลายปี ความลับที่มีก็กลายเป็นภาระเกินกว่าที่เธอจะแบกรับไว้เพียงลำพัง ในที่สุดขณะมีอายุ 30 กว่าปี เทเราซ่าก็ยอมสารภาพความลับนี้ให้เพื่อนชายที่สนิทฟัง โดยไม่คิดว่าท่าทีของเขาจะเป็นสิ่งที่น่าทึ่งอย่างมาก

          โดยสิ่งที่เพื่อนคนนั้นกล่าวกับเทเรซ่าคือ "เรื่องนั้นไม่ได้เปลี่ยนคุณ คุณต้องหยุดคิดแบบนั้น แม้จะมีภูมิหลังแบบนั้นแต่จะสำคัญอะไร คุณก็คือตัวคุณ คุณไม่ได้ถูกกำหนดด้วยวิธีที่เกิดมา คุณไม่ควรคิดแบบนั้น"
 
          เขายังช่วยเน้นย้ำเรื่องดังกล่าวซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนกระทั่งในที่สุดเทเรซ่าก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูดจริง ๆ และตัดสินใจว่าจะบอกความลับนี้ให้พ่อแม่บุญธรรมทราบเช่นกัน
 
          เทเรซ่ายอมรับว่า การสารภาพความจริงเป็นเรื่องยากมาก ๆ แต่กลายเป็นว่าพ่อแม่บุญธรรมให้การสนับสนุนเธออย่างยิ่ง และรู้สึกทุกข์ใจที่เธอไม่สามารถบอกพวกเขาได้ก่อนหน้านั้น พวกเขายืนยันว่าจะไม่มีอะไรต่างไปจากเดิมแน่นอน และเธอก็ยังเป็นลูกสาวที่พวกเขารัก  
 
          เมื่อถามถึงความรู้สึกที่ได้เปิดกล่องแห่งความลับที่เธอแบกไว้มานาน เทเรซ่ายอมรับว่า มันน่าทึ่งอย่างมาก และน่าทึ่งขึ้นเรื่อย ๆ ทุกครั้งที่เธอปล่อยสิ่งเก่า ๆ ให้จมหายไป ทั้งนี้ เรื่องราวของเธอยังกลายมาเป็นเครื่องเตือนใจที่แสนสำคัญ ให้ทุกคนรับรู้ว่าเราสามารถเป็นตัวของตัวเองได้เสมอ ไม่ว่าจะมีภูมิหลังมาจากไหนก็ตาม


ขอบคุณข้อมูลจาก indy100