นางสาวไทยปี 49 "น้องเจี๊ยบ-ลลนา ก้องธรณินทร์" รับอุปถัมภ์ นร.ม.6 ที่แอดมิชชั่นติดแพทย์ ม.อุบลฯ แล้ว พร้อมส่งเรียนจนจบ ด้าน "บุญลือ" เตรียมเสนอ รมว.คลัง ขอปรับเกณฑ์ผู้กู้ กยศ.ขยับรายได้รวมของพ่อแม่เป็นปีละไม่เกิน 2 แสนบาท ย้ำ สกอ.รับเรื่องช่วย นศ.ทุกคนที่ติดแอดมิชชั่นให้มีเงินลงทะเบียนแน่นอน พร้อมตั้งศูนย์เฉพาะกิจช่วยนศ.ใหม่ ให้บริการทั้งการเงินและจิตวิทยา กยศ.ยันมีวงเงินให้กู้ปีนี้ 35,000 ล้านบาท ขณะที่หลายฝ่ายมอบเงินช่วยงานศพ นร.เครียดผูกคอตาย เหตุบ้านไม่มีเงินส่งเรียน ด้านคนอีสานยอมรับยกลูกให้ผู้ใจบุญ เพื่ออนาคตลูกได้เรียนหมอ
กรณี น.ส. สุชชญา แก้วสมชาติ อายุ 18 ปี ผูกคอตายที่บ้านพัก จ.สิงห์บุรี เชื่อว่าสาเหตุเกิดจากเครียดที่สอบเข้าเรียนมหาวิทยาลัยศิลปา กรได้ แต่ทางบ้านฐานะยากจน ไม่มีเงินให้ลงทะเบียนเป็นนักศึกษาใหม่ ศพตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดยวด อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 19 พฤษถาคม ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.) นำพวงหรีดมาเคารพศพ พร้อมมอบเงินส่วนตัว 5,000 บาท ให้กับ นาย สุรกฤต และนางรุ่งสร่าง แก้วสมชาติ พ่อและแม่ของ น.ส.สุชชญา ต่อมานายประภาศ บุญยินดี ผวจ.สิงห์บุรี ส่งผู้แทนมามอบเงินส่วนตัว 5,000 บาท นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช.ศึกษาธิการ มอบเงิน 10,000 บาท คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มอบเงิน 5,000 บาท และนายสุเมธี จันทร์หอม ผอ.สำนักงานพื้นที่การศึกษาจังหวัด สิงห์บุรี มอบเงิน 5,000 บาท
จากนั้น ดร.สุเมธ เปิดเผยว่า ตนคิดว่ามีเด็กที่มีปัญหา ไม่มีเงินเรียนทั่วประเทศประมาณสองหมื่นคนทางสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) จึงตั้งศูนย์เฉพาะกิจเพื่อช่วยเหลือนักศึกษาใหม่ที่ยากจน ปีการศึกษา 2551 ขึ้น โดยจะเปิดในวันที่ 20 นี้ ตั้งแต่เวลา 08.30 น. ถึงเวลา 21.30 น. ทุกวัน ที่หมายเลขโทรศัพท์ 0-2576-5555 และ 0-2576-5777 ให้บริการ ดังนี้ 1.ถ้าผู้ปกครองหรือนักเรียนมีปัญหาเรื่องการเงิน ไม่ว่าจะไม่มีเงินลงทะเบียน เงินเดินทาง ไปลงทะเบียน หรือค่าใช้จ่ายระหว่างศึกษา เราจะหาทางช่วยเหลือให้ 2.เราจะช่วยเป็นตัวกลางประสานกับมหาวิทยาลัยและสำนักงานเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อสนับสนุนเด็กที่เรียนให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และ 3.เรามีทีมจิตวิทยา และนักวิชาการการศึกษามาแนะนำให้น้อง ๆ เพราะบางคนไม่มีปัญหาเรื่องเงิน แต่มีปัญหาเรื่องอื่น เราก็จะตั้งศูนย์ให้คำแนะนำ
ด้านนายบุญลือ ประเสริฐโสภา รมช. ศึกษาธิการ กล่าวว่า ขณะนี้ สกอ. ตั้งศูนย์ เฉพาะกิจเพื่อช่วยนักศึกษาใหม่ที่ยากจน เพื่อช่วยนักศึกษาที่มีฐานะยากจนและไม่มีเงินลงทะเบียน โดยกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และสกอ.จะรับลงทะเบียนนักศึกษาที่มีฐานะยากจน ขอให้นักศึกษาแสดงความจำนงว่าต้องการให้ช่วยเหลือเรื่องใดบ้างผ่านศูนย์เฉพาะกิจดังกล่าว จากนั้นเจ้าหน้าที่ สกอ. จะประสานงานไปยังมหา วิทยาลัยตามความประสงค์ของเด็กว่าจะกู้เงินจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หรือกองทุนกู้ยืมที่ผูกติดกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) หากนักศึกษาที่ไม่มีเงินไปลงทะเบียน สกอ.จะรับผิดชอบดูแลค่าใช้จ่าย และการแก้ปัญหา นอกจากนี้ ศธ. ยังมีแนวคิดช่วยเหลือเด็กที่ตั้งใจเรียนแต่มีฐานะยากจนด้วยการประสานไปยังมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เตรียมจัดหางานในตำแหน่งธุรการให้เด็กทำงานพิเศษหารายได้ระหว่างเรียน
"ขณะนี้พบปัญหานักศึกษาที่สอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี แต่พ่อแม่มีรายได้เกิน 150,000 บาทต่อปี ทำให้ไม่สามารถกู้เงิน กยศ.ได้ ซึ่งนักศึกษาในกลุ่มที่ พ่อแม่มีรายได้เกิน 150,000 บาทต่อปี แต่เรียน ในสาขาวิชาที่กำหนดไว้ในเกณฑ์การให้กู้ กรอ.ก็สามารถกู้กองทุนนี้เป็นค่าเล่าเรียนได้ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ยังมีเด็กจำนวนมากที่ไม่ได้เรียนในสาขาที่สามารถกู้ กรอ. ได้ และพ่อแม่ก็มีรายได้เกิน ไม่มีคุณสมบัติกู้ กยศ. ทั้ง ๆ ที่ทางบ้านมีฐานะยากจน พ่อแม่ไม่มีเงินเพราะต้องส่งเสียลูกหลายคน
ซึ่งปัญหานี้ผมจะหารือกับ นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เกี่ยวกับการปรับคุณสมบัติของผู้กู้เงินจากกองทุน กยศ. โดยจะขอปรับรายได้ของพ่อแม่ จากเดิมต้องมีรายได้รวมกันไม่เกิน 150,000 บาทต่อปี ให้ปรับเพิ่มเป็น 200,000 บาทต่อปี เพราะ ศธ. ได้หารือกับนักวิชาการแล้วเห็นชอบร่วมกันว่าควรเสนอให้ปรับรายได้ของผู้ปกครองเด็กให้เหมาะสมกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ผมยืนยันว่าเด็กที่สอบแอดมิชชั่นติดมหาวิทยาลัยของรัฐทุกคน ต้องได้เข้าเรียนแน่นอน แม้ว่าจะมีคุณสมบัติไม่เข้าเกณฑ์ กยศ. และ กรอ. ซึ่ง ศธ. จะพยายามหาทางช่วยเหลือเด็กยากจนกลุ่มนี้" รมช. ศึกษาธิการ กล่าว
ด้าน รศ.นพ.ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) กล่าวว่า กองทุน กยศ. เตรียมวงเงินไว้ 35,000 ล้านบาท สามารถรองรับผู้กู้ยืม กยศ.และผู้กู้รายใหม่ที่คาดว่าในปี 2551 จะมีจำนวน 240,000 ราย ซึ่งนักเรียน นักศึกษาเพียงร้อยละ 60 ที่สามารถขอกู้ กยศ. ได้ ส่วนกองทุน กรอ. มีวงเงินประมาณ 3,000 ล้านบาท สามารถรองรับผู้กู้รายเก่า 40,000 ราย และผู้กู้รายใหม่ได้ 35,000 ราย แต่ต้องเป็นนักศึกษาในสาขาขาดแคลนที่กำหนด เช่น แพทยศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ และวิทยาศาสตร์ เป็นต้น โดยในปีนี้ยังไม่มีการเปิดให้สายศิลปศาสตร์กู้ในส่วนของ กรอ. อีกทั้งเงินกู้จากกองทุน กรอ. ครอบคลุมในส่วนของ ค่าเล่าเรียน แต่ไม่มีค่าครองชีพให้กับนักศึกษาเหมือน กยศ. แต่ กรอ. ก็ไม่จำกัดรายได้ของพ่อแม่แต่อย่างใด
ส่วนกรณีพ่อแม่หลายรายนำบุตรหลานของตนที่สอบแอดมิชชั่นเข้าศึกษาต่อในมหา วิทยาลัยของรัฐได้ แต่ไม่มีปัญญาส่งเสียให้เรียน ออกมาวอนผู้ใจบุญช่วยเหลือนั้น ได้มีผู้ปกครองบางส่วนที่เคยยกลูกให้เป็นบุตรบุญธรรมของผู้ใจบุญ เพื่อให้ลูกได้เรียนหนังสือ ออกมาเปิดเผยประสบการณ์ อาทิ นางลำพัน จันเทวา อายุ 52 ปี ชาวบ้าน จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่า น.ส.ดวงนภา จันเทวา บุตรสาวของตนสอบติดคณะแพทย์มหิดล แต่ทางบ้านยากจน เพราะสามีถูกรถชนเสียชีวิต จึงขอความเมตตาจากผู้ใจบุญ โดยยกให้เป็นลูกบุญธรรมของคหบดีท่านหนึ่งในกรุงเทพฯ ช่วยส่งเสีย เพราะเรียนหมอตลอดหลักสูตรต้องใช้เงินหลายแสนบาท ตนไม่มีปัญญา เพื่อเห็นแก่อนาคตลูกจึงต้องทำ
ทุกวันนี้ลูกสาวจบเป็นแพทย์หญิงแล้ว เขาจะเทียวไปเทียวมา ระหว่างบ้านแม่บังเกิดเกล้ากับพ่อแม่อุปถัมภ์ จึงอยากฝากถึงครอบครัวที่ลูกสอบติดแพทย์อย่าได้วิตก หากต้องยกลูกของตนให้เป็นลูกบุญธรรมใคร ขณะที่นางทองปน ชิณมาตย์ อายุ 50 ปี ชาว จ.อำนาจเจริญ กล่าวว่าลูกชายสอบติดเทคนิคการแพทย์ ม.มหิดล เมื่อปีที่แล้ว เข้าเรียนไปได้ 1 ปี แต่ทางบ้านยากจนจึงยกให้ผู้ใจบุญ ตอนนี้ลูกชายอยู่กรุงเทพฯ ได้เรียนแล้ว ไม่มีปัญหาใด ๆ
ด้านนายปกรณ์พล มงคลวงศ์ อายุ 18 ปี นักเรียนชั้น ม.6 โรงเรียนอำนาจเจริญ ที่แอดมิชชั่นติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี แต่ผู้ปกครองไม่สามารถส่งเสียได้ ออกมาขอให้ผู้ใจบุญช่วยส่งเรียนนั้น ความคืบหน้านายปกรณ์พล เปิดเผยว่า ได้มีผู้ใจบุญติดต่อทางโทรศัพท์เข้ามารับอุปถัมภ์ตนแล้ว คือ น.ส. ลลนา ก้องธรณินทร์ หรือเจี๊ยบ นางสาวไทยปี 2549 โดย น.ส. ลลนา กล่าวว่าจะรับอุปถัมภ์จนสำเร็จการศึกษา ส่วนรายละเอียดจะได้พูดคุยกันต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สลด! ประกาศยกลูกให้คนอื่น ติดหมอแต่ไม่มีเงินส่งเสีย
ข้อมูลจาก
ภาพประกอบจาก หนังสือพิมพ์คมชัดลึก และ ทางอินเทอร์เน็ต
