กรรชัย เล่าปฐมบทฟ้องร้อง ผู้ปกครองน้องเชื่อมจิต จนถึงคืนวุ่นบน สน.ทองหล่อ ยันเป็นฝ่ายแจ้งความก่อน หลังถูกล้ำเส้น ห่วงเด็ก 8 ขวบถูกผู้ใหญ่ชี้นำ ต้องเจอสังคมแบบไหน
ภาพจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
เป็นประเด็นเดือดในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา (3 มิถุนายน 2567) กรณี พ่อแม่เด็กเชื่อมจิตและทนายความ เดินทางมายัง สน.ทองหล่อ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาข้อหมิ่นประมาท ที่ถูก หนุ่ม กรรชัย แจ้งความไว้ ซึ่งต่อมา หนุ่ม กรรชัย ก็เดินทางมาที่โรงพักด้วย แต่กลับเกิดเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงการปฏิบัติงานของตำรวจ สน.ทองหล่อ ว่าปฏิบัติกับฝั่งเจ้าทุกข์และผู้ต้องหาแบบ 2 มาตรฐาน ทั้งเรื่องพิมพ์ลายนิ้วมือ ปิดกั้นสื่อ รวมถึงเรื่องไม่ให้ประชาชนเข้าห้องน้ำบน สน.
ล่าสุด (4 มิถุนายน 2567) ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ โดย สรยุทธ สุทัศนะจินดาได้มีการสอบถามถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้ ก่อนจะมีประเด็น สน.ทองหล่อ ว่ามันหนักหนาขนาดไหน เพราะปกติถ้าไม่เหลืออดก็คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง
ในเรื่องนี้ หนุ่ม กรรชัย ชี้แจงด้วยตัวเองว่า ปฐมบทของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากรายการโหนกระแส ตนได้มีการทำเรื่องนี้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ปรากฏว่ามีการใช้พาดหัวว่า "ดราม่าเกิด ก้มกราบเด็ก 8 ขวบอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้า" ซึ่งทางฝั่งเชื่อมจิตไม่พอใจกับการพาดหัวว่ามีการอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้า
ภาพจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
แต่ในเนื้อรายการตนท้าให้ดูได้เลย ว่าตนมีการออกตัวแทนน้องเชื่อมจิตและครอบครัวน้องด้วย ตนให้เขาชี้แจงด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไง แล้วตนพยายามชี้ว่า มีคนพยายามบอกว่าน้องเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ แล้วที่สำคัญที่สุดคือก่อนหน้าที่ตนจะเล่นประเด็นนี้ สื่ออื่น ๆ ก็ลงกันหมดว่าเด็กเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งหากถามว่ามาจากอะไร ก็มาจากที่เพจของน้องมีการลงภาพเด็กคนหนึ่ง ซึ่งก็คือน้องเชื่อมจิต แล้วมีนาคปรกอยู่ที่หัว ซึ่งตามหลักของคนพุทธมันคิดเป็นอื่นไม่ได้ เพราะปางที่จะมีนาคปรก มีแค่พระองค์เดียวคือองค์พระสัมมาพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นเลยทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ในเมื่อเขาลงแบบนี้ ก็เลยมองว่าเป็นพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ซึ่งในเมื่อไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ฝั่งนั้นต้องการให้ตนลงว่า ก้มกราบเด็ก 8 ขวบ อ้างตัวเป็น "ลูกพระพุทธเจ้า" แบบนี้ตนก็สงสัยว่ามันจะต่างกันตรงไหน
ภาพจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
แล้วการที่เขาจะไปเบิกความบนชั้นศาล การเบิกความว่าตนเองเป็นอนาคามีกลับชาติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก่อนจะกลับชาติมาเกิดตนเองเป็นพญานาคมาก่อน ไปพูดกับศาลแบบนี้ ตนในฐานะถ้าเป็นผู้เสียหายแล้วอีกฝั่งเบิกความแบบนี้ ตนบอกเลยว่าจะฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จเหมือนกัน เพราะเขาก็ต้องพิสูจน์ให้ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย
ตนเองเห็นว่ามันล้ำเส้นแล้ว ตนเลยแจ้งความในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย พอหลังตนแจ้งความฝั่งนั้นจึงไปฟ้องตน หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านไปนาน 4-5 เดือนแล้ว
หนุ่ม กรรชัย ยืนยันว่าตนเองเป็นฝ่ายแจ้งความก่อน แต่ตนกบดานอยู่ไม่บอกใคร เพราะตนก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกใครว่าตนแจ้งความ เพราะมันไม่ถูกต้อง ตนเองก็มีลูก และที่สำคัญคือตนเป็นห่วงเด็ก 8 ขวบ เพราะว่าเด็กเขาก็มีสังคมของเขา ผู้ใหญ่สามารถชี้ทางได้ว่าอะไรถูกไม่ถูก แต่ชี้นำไม่ได้
ภาพจาก โหนกระแส
ถ้าเกิดพ่อแม่ชี้นำ ตนว่าเด็กก็จะอยู่ในสังคมลำบาก โตขึ้นจากนี้ไปเขาก็จะหันกลับมามองว่าเฮ้ย เขาโตมาแบบไหน แล้ววันนี้เพื่อน ๆ ที่อยู่ในสังคมของเขา จะมองเขาแบบไหน พ่อแม่เพื่อนเขาจะมองเขาแบบไหน ถ้ามองว่าเป็นผู้วิเศษจริง เด็กคนอื่นทุกคนก็จะงงว่า อ้าวเพื่อนกูเป็นผู้วิเศษเหรอวะ หรือหากเกิดมองว่าเป็นของปลอม เด็กคนนี้ก็จะถูกบูลลี่ทันที
ด้าน สรยุทธ กล่าวว่านี่คือที่มาที่ไป ก็เข้าใจว่าทำไมถึงตัดสินใจไปแจ้งความ แล้วแจ้งความก่อนที่เขาจะมาฟ้องที่ต่างจังหวัดด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย
ขอบคุณข้อมูลจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
ภาพจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
เป็นประเด็นเดือดในช่วงข้ามคืนที่ผ่านมา (3 มิถุนายน 2567) กรณี พ่อแม่เด็กเชื่อมจิตและทนายความ เดินทางมายัง สน.ทองหล่อ เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาข้อหมิ่นประมาท ที่ถูก หนุ่ม กรรชัย แจ้งความไว้ ซึ่งต่อมา หนุ่ม กรรชัย ก็เดินทางมาที่โรงพักด้วย แต่กลับเกิดเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่ทำให้ผู้คนตั้งคำถามถึงการปฏิบัติงานของตำรวจ สน.ทองหล่อ ว่าปฏิบัติกับฝั่งเจ้าทุกข์และผู้ต้องหาแบบ 2 มาตรฐาน ทั้งเรื่องพิมพ์ลายนิ้วมือ ปิดกั้นสื่อ รวมถึงเรื่องไม่ให้ประชาชนเข้าห้องน้ำบน สน.
ล่าสุด (4 มิถุนายน 2567) ในรายการกรรมกรข่าวคุยนอกจอ โดย สรยุทธ สุทัศนะจินดาได้มีการสอบถามถึงที่มาที่ไปของเหตุการณ์นี้ ก่อนจะมีประเด็น สน.ทองหล่อ ว่ามันหนักหนาขนาดไหน เพราะปกติถ้าไม่เหลืออดก็คงไม่ถึงขั้นฟ้องร้อง
ในเรื่องนี้ หนุ่ม กรรชัย ชี้แจงด้วยตัวเองว่า ปฐมบทของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากรายการโหนกระแส ตนได้มีการทำเรื่องนี้เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2566 ปรากฏว่ามีการใช้พาดหัวว่า "ดราม่าเกิด ก้มกราบเด็ก 8 ขวบอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้า" ซึ่งทางฝั่งเชื่อมจิตไม่พอใจกับการพาดหัวว่ามีการอ้างตัวเป็นพระพุทธเจ้า
ภาพจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
แต่ในเนื้อรายการตนท้าให้ดูได้เลย ว่าตนมีการออกตัวแทนน้องเชื่อมจิตและครอบครัวน้องด้วย ตนให้เขาชี้แจงด้วยซ้ำว่ามันเป็นยังไง แล้วตนพยายามชี้ว่า มีคนพยายามบอกว่าน้องเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งจริง ๆ แล้วไม่ใช่ แล้วที่สำคัญที่สุดคือก่อนหน้าที่ตนจะเล่นประเด็นนี้ สื่ออื่น ๆ ก็ลงกันหมดว่าเด็กเป็นพระพุทธเจ้า ซึ่งหากถามว่ามาจากอะไร ก็มาจากที่เพจของน้องมีการลงภาพเด็กคนหนึ่ง ซึ่งก็คือน้องเชื่อมจิต แล้วมีนาคปรกอยู่ที่หัว ซึ่งตามหลักของคนพุทธมันคิดเป็นอื่นไม่ได้ เพราะปางที่จะมีนาคปรก มีแค่พระองค์เดียวคือองค์พระสัมมาพระพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นเลยทำให้ทุกคนเข้าใจว่า ในเมื่อเขาลงแบบนี้ ก็เลยมองว่าเป็นพระพุทธเจ้าหรือเปล่า ซึ่งในเมื่อไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ แต่ฝั่งนั้นต้องการให้ตนลงว่า ก้มกราบเด็ก 8 ขวบ อ้างตัวเป็น "ลูกพระพุทธเจ้า" แบบนี้ตนก็สงสัยว่ามันจะต่างกันตรงไหน
ภาพจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ
แล้วการที่เขาจะไปเบิกความบนชั้นศาล การเบิกความว่าตนเองเป็นอนาคามีกลับชาติลงมาเกิดเป็นมนุษย์ ก่อนจะกลับชาติมาเกิดตนเองเป็นพญานาคมาก่อน ไปพูดกับศาลแบบนี้ ตนในฐานะถ้าเป็นผู้เสียหายแล้วอีกฝั่งเบิกความแบบนี้ ตนบอกเลยว่าจะฟ้องกลับในข้อหาฟ้องเท็จเหมือนกัน เพราะเขาก็ต้องพิสูจน์ให้ได้
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย
เมื่อถามว่า
พ่อแม่เขาฟ้องเราก่อนหน้านี้ใช่ไหม หนุ่ม กรรชัย ชี้แจงว่า
ตอนแรกเขาไม่ได้ฟ้องตน แต่ตนไปแจ้งความเขาก่อน เพราะว่าหลังเหตุการณ์ผ่านไป
4 เดือน เขาให้น้องเชื่อมจิตออกมาด่าตน เช่น ไอ้พิธีกรเจ้าชู้
ไอ้พิธีกรกักขฬะ สร้างความแตกแยกเพื่อจะเอาเงิน หิวเงิน นู่นนี่นั่น
ซึ่งทางฝั่งที่ปรึกษาเขาก็มีการผสมโรง
ตนเองเห็นว่ามันล้ำเส้นแล้ว ตนเลยแจ้งความในฐานะที่เป็นประชาชนคนไทย พอหลังตนแจ้งความฝั่งนั้นจึงไปฟ้องตน หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผ่านไปนาน 4-5 เดือนแล้ว
หนุ่ม กรรชัย ยืนยันว่าตนเองเป็นฝ่ายแจ้งความก่อน แต่ตนกบดานอยู่ไม่บอกใคร เพราะตนก็ไม่จำเป็นต้องไปบอกใครว่าตนแจ้งความ เพราะมันไม่ถูกต้อง ตนเองก็มีลูก และที่สำคัญคือตนเป็นห่วงเด็ก 8 ขวบ เพราะว่าเด็กเขาก็มีสังคมของเขา ผู้ใหญ่สามารถชี้ทางได้ว่าอะไรถูกไม่ถูก แต่ชี้นำไม่ได้
ภาพจาก โหนกระแส
ถ้าเกิดพ่อแม่ชี้นำ ตนว่าเด็กก็จะอยู่ในสังคมลำบาก โตขึ้นจากนี้ไปเขาก็จะหันกลับมามองว่าเฮ้ย เขาโตมาแบบไหน แล้ววันนี้เพื่อน ๆ ที่อยู่ในสังคมของเขา จะมองเขาแบบไหน พ่อแม่เพื่อนเขาจะมองเขาแบบไหน ถ้ามองว่าเป็นผู้วิเศษจริง เด็กคนอื่นทุกคนก็จะงงว่า อ้าวเพื่อนกูเป็นผู้วิเศษเหรอวะ หรือหากเกิดมองว่าเป็นของปลอม เด็กคนนี้ก็จะถูกบูลลี่ทันที
ด้าน สรยุทธ กล่าวว่านี่คือที่มาที่ไป ก็เข้าใจว่าทำไมถึงตัดสินใจไปแจ้งความ แล้วแจ้งความก่อนที่เขาจะมาฟ้องที่ต่างจังหวัดด้วย
ภาพจาก เฟซบุ๊ก หนุ่ม กรรชัย
ขอบคุณข้อมูลจาก กรรมกรข่าวคุยนอกจอ