หญิงช่วยเหลือขอทานหนุ่ม ให้เงินตัวยามลำบาก 50 บาท ใครจะรู้ผ่านไป 20 ปี กลายเป็นเศรษฐี กลับมาตอบแทนเป็นเงิน 5 ล้าน
ภาพจาก sohu
วันที่ 7 มิถุนายน 2567 เว็บไซต์ SAOstar รายงานเรื่องราวของ ไต่ซิงเฟิน หญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน อยู่ ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า อ้างว่าเป็นผู้ช่วยของบิ๊กบอสจากบริษัทในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง และเจ้านายของเขาอยากพบเธอเพื่อมอบสิ่งตอบแทนให้ อย่างไรก็ตาม เธอนึกว่าอีกฝ่ายเป็นมิจฉาชีพจึงปฏิเสธไป
แต่จากนั้นอีกหลายวันต่อมา ชายคนหนึ่งกลับมาหาเธอถึงร้าน และคุกเข่าลงยื่นเช็กมูลค่า 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท) ในมือให้ บอกว่าเขาอยากจะมอบเงินนี้เพื่อแสดงความขอบคุณ ทำให้ไต่ซิงเฟินสับสนและคิดว่าเขาอาจจำคนผิด แต่เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากชายคนนี้ ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงเรื่องราวบางอย่างได้ ไม่อยากเชื่อว่าขอทานหนุ่มน้อยที่เธอเคยช่วยเมื่อ 20 ปีก่อน จะกลายเป็นเศรษฐีและกลับมาตอบแทน
กลายเป็นว่าในอดีต ตอนที่ไต่ซิงเฟินอายุ 24 ปี เธอทำงานเป็นนักบัญชี และได้พบกับเด็กหนุ่ม 3 คนระหว่างเดินทางกลับบ้าน พวกเขาเดินตามเธอมาเงียบ ๆ ทำให้เธอรู้สึกกังวล แต่ก็ตัดสินใจหันกลับไปถามว่าพวกเขาเดินตามมาทำไม
แต่ภาพที่เธอได้เห็นตอนนั้น คือเด็กหนุ่มทั้ง 3 ที่อยู่ในสภาพน่าสงสาร กำลังตัวสั่นจากความหนาวเย็น ร่างกายซูบผอม ลักษณะของพวกเขาดูไม่เหมือนคนร้าย แต่เหมือนเด็กที่ไร้ทางไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า "พวกเธอมาทำอะไร"
หลังจากลังเลอยู่สักพัก หนึ่งในเด็กหนุ่มก็เล่าให้ฟังว่า พวกเขาทนหิวมา 3 วันแล้ว หวังว่าพี่สาวจะให้ของกินแก่พวกเขาบ้าง
เนื่องจากเด็กหนุ่มเป็นคนแปลกหน้า จึงมีความเสี่ยงที่จะพาพวกเขากลับบ้าน แต่เมื่อไต่ซิงเฟินยืนลังเลอยู่สักพักใหญ่ ก็ตัดสินใจพาทั้ง 3 คนกลับไปที่บ้านแล้วช่วยหุงหาอาหารให้กิน เพราะไม่อาจนิ่งดูดายต่อความลำบากของพวกเขา
จากนั้นเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากทั้ง 3 คน ไต่ซิงเฟินก็ทราบว่าพวกเขาถูกโจรล้วงขโมยทรัพย์สินไปจนหมด ทำให้ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอจึงอนุญาตให้พวกเขานอนพักที่บ้าน 1 คืน และในเช้าวันรุ่งขึ้นก็พาเด็ก ๆ ไปหางาน จนกระทั่งเจองานหนึ่งที่เด็ก ๆ จะทำได้ อย่างไรก็ตาม สถานที่ดังกล่าวไม่สามารถรับเด็กหนุ่มเข้าทั้งงานได้ทั้ง 3 คน สุดท้ายพวกเขาเลยคุยกันว่า จะขอไปหางานทำที่เมืองอื่นต่อ
ภาพจาก sohu
ทั้งนี้ ก่อนที่เด็กหนุ่มทั้ง 3 จะจากไป ไต่ซิงเฟินยังช่วยซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเขา แถมยังซื้อตั๋วรถให้ รวมถึงให้เงินติดตัวกันไปคนละ 10 หยวน (ราว 50 บาท) ตอนแรกทั้ง 3 คนก็จะไม่รับเงินนั้น แต่เพราะไต่ซิงเฟินยืนกรานจะให้ พวกเขาจึงรับไว้ด้วยความยินดี
แม้เงินจำนวนดังกล่าวจะไม่ได้มากมาย แต่สำหรับไต่ซิงเฟินที่ขณะนั้นมีรายได้เพียงเดือนละ 90 หยวน (ราว 450 บาท) ก็ถือเป็นเงินไม่น้อย แต่เธอยังตัดสินใจจะช่วยเหลือเด็กหนุ่มเหล่านี้
จนกระทั่งเวลาผ่านไป เหอหรงเฟิง เด็กหนุ่มที่อายุมากที่สุดในกลุ่มก็ได้ทำงานในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ และพยายามทำงานหนักจนใช้หนี้ให้พ่อได้จนหมด จากนั้นเขาเริ่มตั้งบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของตัวเองในเมืองเสิ่นหยาง กระทั่งกลายมาเป็นบริษัทดังในท้องถิ่น
ระหว่างนั้น เหอหรงเฟิงก็ยังไม่ลืมบุญคุณของพี่สาวที่เคยช่วยเขากับเพื่อน ๆ ไว้ในยามลำบาก เขาต้องการตอบแทนความมีน้ำใจของเธอ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางดีแล้ว เขาจึงเริ่มออกตามหาไต่ซิงเฟินไปทุกที่ หวังว่าจะได้กล่าวขอบคุณเธอด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนั้นเขาได้ยินชื่อเธอผิดเป็น ไต่ซินเฟิน ดังนั้นแม้จะตามหาอยู่หลายปีก็ยังไม่พบ แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดเมื่อปี 2556 ในที่สุดเหอหรงเฟิงก็เจอตัวผู้มีพระคุณของเขา
หลังพบว่าไต่ซิงเฟินไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกับสามี เขาก็ตัดสินใจนำเช็กมูลค่า 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท) ไปหาเธอถึงร้าน และมอบเงินนี้เพื่อตอบแทนน้ำใจที่เธอหยิบยื่นให้ อย่างไรก็ตาม ไต่ซิงเฟินปฏิเสธไม่ขอรับเงินนั้น โดยยืนยันว่าไม่ได้ช่วยเขาเพราะหวังเงินแต่อย่างใด
จากนั้นทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกัน เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ประสบมาในชีวิต และสุดท้าย เหอหรงเฟิงก็ตัดสินใจ ใช้เงินดังกล่าวบริจาคในนามของไต่ซิงเฟิน เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ๆ ต่อไป
ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar
ภาพจาก sohu
วันที่ 7 มิถุนายน 2567 เว็บไซต์ SAOstar รายงานเรื่องราวของ ไต่ซิงเฟิน หญิงเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน ที่วันหนึ่งเมื่อหลายปีก่อน อยู่ ๆ เธอก็ได้รับโทรศัพท์จากคนแปลกหน้า อ้างว่าเป็นผู้ช่วยของบิ๊กบอสจากบริษัทในเมืองเสิ่นหยาง มณฑลเหลียวหนิง และเจ้านายของเขาอยากพบเธอเพื่อมอบสิ่งตอบแทนให้ อย่างไรก็ตาม เธอนึกว่าอีกฝ่ายเป็นมิจฉาชีพจึงปฏิเสธไป
แต่จากนั้นอีกหลายวันต่อมา ชายคนหนึ่งกลับมาหาเธอถึงร้าน และคุกเข่าลงยื่นเช็กมูลค่า 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท) ในมือให้ บอกว่าเขาอยากจะมอบเงินนี้เพื่อแสดงความขอบคุณ ทำให้ไต่ซิงเฟินสับสนและคิดว่าเขาอาจจำคนผิด แต่เมื่อได้รับฟังเรื่องราวจากชายคนนี้ ก็ทำให้เธอหวนนึกถึงเรื่องราวบางอย่างได้ ไม่อยากเชื่อว่าขอทานหนุ่มน้อยที่เธอเคยช่วยเมื่อ 20 ปีก่อน จะกลายเป็นเศรษฐีและกลับมาตอบแทน
กลายเป็นว่าในอดีต ตอนที่ไต่ซิงเฟินอายุ 24 ปี เธอทำงานเป็นนักบัญชี และได้พบกับเด็กหนุ่ม 3 คนระหว่างเดินทางกลับบ้าน พวกเขาเดินตามเธอมาเงียบ ๆ ทำให้เธอรู้สึกกังวล แต่ก็ตัดสินใจหันกลับไปถามว่าพวกเขาเดินตามมาทำไม
แต่ภาพที่เธอได้เห็นตอนนั้น คือเด็กหนุ่มทั้ง 3 ที่อยู่ในสภาพน่าสงสาร กำลังตัวสั่นจากความหนาวเย็น ร่างกายซูบผอม ลักษณะของพวกเขาดูไม่เหมือนคนร้าย แต่เหมือนเด็กที่ไร้ทางไป ด้วยเหตุนี้เธอจึงถามไถ่ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงว่า "พวกเธอมาทำอะไร"
หลังจากลังเลอยู่สักพัก หนึ่งในเด็กหนุ่มก็เล่าให้ฟังว่า พวกเขาทนหิวมา 3 วันแล้ว หวังว่าพี่สาวจะให้ของกินแก่พวกเขาบ้าง
เนื่องจากเด็กหนุ่มเป็นคนแปลกหน้า จึงมีความเสี่ยงที่จะพาพวกเขากลับบ้าน แต่เมื่อไต่ซิงเฟินยืนลังเลอยู่สักพักใหญ่ ก็ตัดสินใจพาทั้ง 3 คนกลับไปที่บ้านแล้วช่วยหุงหาอาหารให้กิน เพราะไม่อาจนิ่งดูดายต่อความลำบากของพวกเขา
จากนั้นเมื่อได้ฟังเรื่องราวจากทั้ง 3 คน ไต่ซิงเฟินก็ทราบว่าพวกเขาถูกโจรล้วงขโมยทรัพย์สินไปจนหมด ทำให้ต้องอยู่ในสภาพเช่นนี้ เธอจึงอนุญาตให้พวกเขานอนพักที่บ้าน 1 คืน และในเช้าวันรุ่งขึ้นก็พาเด็ก ๆ ไปหางาน จนกระทั่งเจองานหนึ่งที่เด็ก ๆ จะทำได้ อย่างไรก็ตาม สถานที่ดังกล่าวไม่สามารถรับเด็กหนุ่มเข้าทั้งงานได้ทั้ง 3 คน สุดท้ายพวกเขาเลยคุยกันว่า จะขอไปหางานทำที่เมืองอื่นต่อ
ภาพจาก sohu
ทั้งนี้ ก่อนที่เด็กหนุ่มทั้ง 3 จะจากไป ไต่ซิงเฟินยังช่วยซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้พวกเขา แถมยังซื้อตั๋วรถให้ รวมถึงให้เงินติดตัวกันไปคนละ 10 หยวน (ราว 50 บาท) ตอนแรกทั้ง 3 คนก็จะไม่รับเงินนั้น แต่เพราะไต่ซิงเฟินยืนกรานจะให้ พวกเขาจึงรับไว้ด้วยความยินดี
แม้เงินจำนวนดังกล่าวจะไม่ได้มากมาย แต่สำหรับไต่ซิงเฟินที่ขณะนั้นมีรายได้เพียงเดือนละ 90 หยวน (ราว 450 บาท) ก็ถือเป็นเงินไม่น้อย แต่เธอยังตัดสินใจจะช่วยเหลือเด็กหนุ่มเหล่านี้
จนกระทั่งเวลาผ่านไป เหอหรงเฟิง เด็กหนุ่มที่อายุมากที่สุดในกลุ่มก็ได้ทำงานในโรงงานเฟอร์นิเจอร์ และพยายามทำงานหนักจนใช้หนี้ให้พ่อได้จนหมด จากนั้นเขาเริ่มตั้งบริษัทเฟอร์นิเจอร์ของตัวเองในเมืองเสิ่นหยาง กระทั่งกลายมาเป็นบริษัทดังในท้องถิ่น
ระหว่างนั้น เหอหรงเฟิงก็ยังไม่ลืมบุญคุณของพี่สาวที่เคยช่วยเขากับเพื่อน ๆ ไว้ในยามลำบาก เขาต้องการตอบแทนความมีน้ำใจของเธอ ดังนั้นเมื่อทุกอย่างเข้าที่เข้าทางดีแล้ว เขาจึงเริ่มออกตามหาไต่ซิงเฟินไปทุกที่ หวังว่าจะได้กล่าวขอบคุณเธอด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากตอนนั้นเขาได้ยินชื่อเธอผิดเป็น ไต่ซินเฟิน ดังนั้นแม้จะตามหาอยู่หลายปีก็ยังไม่พบ แต่เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ จนในที่สุดเมื่อปี 2556 ในที่สุดเหอหรงเฟิงก็เจอตัวผู้มีพระคุณของเขา
หลังพบว่าไต่ซิงเฟินไปเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยวกับสามี เขาก็ตัดสินใจนำเช็กมูลค่า 1 ล้านหยวน (ราว 5 ล้านบาท) ไปหาเธอถึงร้าน และมอบเงินนี้เพื่อตอบแทนน้ำใจที่เธอหยิบยื่นให้ อย่างไรก็ตาม ไต่ซิงเฟินปฏิเสธไม่ขอรับเงินนั้น โดยยืนยันว่าไม่ได้ช่วยเขาเพราะหวังเงินแต่อย่างใด
จากนั้นทั้งคู่ก็ได้พูดคุยกัน เล่าเรื่องต่าง ๆ ที่ประสบมาในชีวิต และสุดท้าย เหอหรงเฟิงก็ตัดสินใจ ใช้เงินดังกล่าวบริจาคในนามของไต่ซิงเฟิน เพื่อช่วยเหลือคนอื่น ๆ ต่อไป
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar