ชมชุดภาพ เจ้าหญิงเคท ปรากฏตัวต่อสาธารณชนครั้งแรก หลังประชวรมะเร็ง ร่วมพิธีเฉลิมพระชนมพรรษากษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3
ภาพจาก HENRY NICHOLLS / AFP
สื่อทั่วโลกเฝ้าจับตา กรณี แคทเธอรีน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ พระชายาใน เจ้าชายวิลเลียม แห่งราชวงศ์อังกฤษ ภายหลังจากเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน ที่ผ่านมา ทรงออกมาเปิดเผยความคืบหน้าการรักษา พระอาการประชวรโรคมะเร็ง พร้อมทั้งเตรียมเข้าร่วมร่วมพิธีสวนสนามเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาของกษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3
วันที่ 15 มิถุนายน 2567 บีบีซี รายงายว่า เจ้าหญิงแห่งเวลส์ ซึ่งยังทรงอยู่ระหว่างการรักษาโรคมะเร็ง ได้ปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนเป็นครั้งแรก ในพิธีสวนสนามเฉลิมพระเกียรติประจำปี เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาอย่างเป็นทางการของกษัตริย์ หรือ Trooping the Color โดยเจ้าหญิงเคท พร้อมด้วยพระโอรสและพระธิดา ทรงเข้าร่วมขบวนรถม้า มุ่งหน้าจากพระราชวังบักกิงแฮม ไปยังฮอร์สการ์ดพาเหรด ซึ่งใช้ในพิธีสวนสนามในวันเฉลิมพระชนมพรรษา
ประชาชนจำนวนหลายพันคนเฝ้ารอคอยท่ามกลางฝนตกหนัก เพื่อร่วมชมพระราชพิธีสำคัญประจำปีของราศวงศ์ โดยรายงานเผยว่า มีเสียงเชียร์จากฝูงชนเมื่อพวกเขาได้เห็นเจ้าหญิงเคท โดยทรงสวมชุดสีขาวสง่างาม ประดับด้วยริบบิ้น และหมวกปีกกว้างที่เข้าชุด แย้มสรวลเคียงข้างพระโอรสและพระธิดา ทั้ง 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายจอร์จ เจ้าชายหลุยส์ และเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์
ภาพจาก HENRY NICHOLLS / AFP
กษัตริย์ชาร์ลส์ที่ 3 ซึ่งยังคงทรงรับการรักษาโรคมะเร็งเช่นเดียวกัน เสด็จพระราชดำเนินไปกับพระราชินีคามิลลาโดยราชรถทองคำ เข้าร่วมขบวนสวนสนามของทหารม้ารักษาพระองค์ โดยมีประชาชนเฝ้าชื่นชมพระบารมีตลอดเส้นทาง พร้อมร่วมกันถวายพระพร ขณะที่เจ้าชายวิลเลียม เจ้าหญิงแอนน์ และเจ้าชายเอ็ดเวิร์ด ทรงขี่ม้าร่วมขบวนสวนสนาม ในชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศ
ครั้งนี้นับเป็นการปรากฏตัวต่อสาธารณะครั้งแรกของเจ้าหญิงเคทในรอบหลายเดือนที่ผ่านมา นับตั้งแต่คริสต์มาส เมื่อปลายปีที่แล้ว ท่ามกลางความเป็นกังวลของผู้คนทั่วโลก จนกระทั่งในเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา ได้ทรงออกแถลงการณ์เปิดเผยว่า กำลังเข้ารับการรักษาโรคมะเร็งด้วยเคมีบำบัด และความคืบหน้าล่าสุด ทรงเผยการรักษาดำเนินไปได้ด้วยดี แต่ "ยังไม่ผ่านพ้นความยากลำบาก" และต้องรักษาต่อไปอีก ราว 2-3 เดือน
ภาพจาก HENRY NICHOLLS / AFP
ภาพจาก HENRY NICHOLLS / AFP
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก BBC, CNA