เปลี่ยนความเชื่อผิด ๆ ในการประหยัดพลังงาน

เพราะความเชื่อบางอย่างก็ไม่ใช่เรื่องจริงเสมอไป โดยเฉพาะการประหยัดพลังงาน มาเช็กข้อมูลให้ชัวร์กันว่ามีเรื่องไหนที่ยังทำอยู่บ้าง เพราะนอกจากจะไม่ช่วยประหยัดแล้วอาจจะเกิดอันตรายด้วย 

ในยุคที่ราคาพลังงานมีความผันผวนสูงทั้งราคาน้ำมันและค่าไฟฟ้า ทำให้หลายคนหันไปหาข้อมูลเกี่ยวกับวิธีประหยัดพลังงานมาเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่าย ซึ่งบางวิธีนั้นก็อาจจะมาจากความเชื่อที่ผิด ๆ หรือเป็นข้อมูลที่บอกต่อกันมา มาดูกันว่ามีเรื่องไหนที่ยังเข้าใจผิดอยู่บ้าง และเราควรประหยัดพลังงานอย่างไรให้ได้ผลจริงและใช้งานได้อย่างปลอดภัย

คำตอบคือ “ไม่ใช่” ในปัจจุบัน EV จะมีราคาขายที่สูงกว่า แต่ในอนาคตมีแนวโน้มที่ราคาจะถูกลงหรือต่ำกว่ารถยนต์ที่ใช้น้ำมัน หากมีผู้คนหันมาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้ากันมากขึ้น ส่งผลให้ผู้ผลิตในอุตสาหกรรมรถมีการผลิต EV เพิ่มขึ้น ต้นทุนการผลิตก็จะลดลง แต่มีมาตรฐานสูงขึ้นเพื่อสร้างความมั่นใจของผู้ใช้ EV

ตัวอย่างเช่น อรุณ พลัส (Arun Plus) บริษัทในกลุ่ม ปตท. ที่มุ่งสร้างนิเวศยานยนต์ไฟฟ้า หรือ EV Ecosystem แบบครบวงจร และมีการพัฒนาธุรกิจด้าน EV ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ผู้ใช้ EV มั่นใจว่าจะสามารถใช้งาน EV ได้อย่างสะดวกสบาย และยังช่วยเพิ่มศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยให้พร้อมก้าวสู่การเป็นผู้นำตลาดยานยนต์ไฟฟ้า รองรับการเติบโตของโอกาสในอนาคต

คำตอบคือ “ไม่ใช่” แต่เป็นเพราะแบตเตอรี่ที่เสื่อมสภาพจะเก็บประจุได้น้อยลง ทำให้พลังงานหมดไวกว่าปกติ แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่บ่อย เนื่องจากอายุการใช้งานเฉลี่ยของแบตเตอรี่รถ EV อยู่ที่ 10-20 ปี โดยขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานนั่นเอง

คำตอบคือ “ไม่ใช่” ค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา EV ประหยัดกว่ารถที่ใช้น้ำมันมาก เพราะมีชิ้นส่วนน้อยกว่า แถมการใช้พลังงานไฟฟ้ายังประหยัดกว่าการเติมน้ำมันด้วย 

คำตอบคือ “ไม่ใช่” เพราะส่วนใหญ่มาจากการใช้งานเบรกไม่ถูกต้อง เช่น การเบรกกะทันหัน การเปลี่ยนเกียร์ไม่สอดคล้องกับการใช้งาน หรือการเหยียบคันเร่งจนมิด นอกจากจะเปลืองพลังงานแล้วยังทำให้เกียร์เสื่อมสภาพเร็วขึ้นด้วย 

คำตอบคือ “ไม่ใช่” เพราะเติมน้ำมันตอนไหนก็ได้ปริมาณเท่ากัน อุณหภูมิของอากาศไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรกับเนื้อน้ำมัน

คำตอบคือ “ไม่ใช่” เพราะไม่มีความจำเป็นและทำให้สิ้นเปลืองพลังงานโดยใช่เหตุ เมื่อสตาร์ตรถก็สามารถออกตัวได้เลย โดยการขับช้า ๆ และไม่เร่งเครื่อง

คำตอบคือ “ใช่” เพราะการเปิดสวิตช์ไฟทิ้งไว้ทำให้มีการใช้พลังงานอยู่ตลอด และเป็นการเปลืองไฟโดยใช่เหตุ ฉะนั้นหากไม่ได้ใช้งานแล้วก็ปิดสวิตช์ดีกว่า

คำตอบคือ “ไม่ใช่” เพราะพัดลมทำให้อากาศมีการเคลื่อนที่มากขึ้น ทำให้รู้สึกเย็นสบายและประหยัดไฟได้มากกว่า โดยการตั้งค่าแอร์ที่ 26 องศาเซลเซียส และเปิดพัดลมไปพร้อมกัน

คราวนี้ก็ได้ทราบกันไปแล้วว่ามีอะไรที่ยังเข้าใจผิดอยู่ และข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรบ้าง จะได้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของเราเพื่อประหยัดพลังงานได้อย่างแท้จริง เซฟค่าใช้จ่ายให้ลดลงได้อย่างถูกต้อง อีกทั้งยังถือเป็นกำลังเสริมเล็ก ๆ ในการช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเข้าสู่ชั้นบรรยากาศได้ และเมื่อผนวกรวมกับผู้ผลิตพลังงานที่จริงจังกับเรื่องนี้อย่างเช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่ดำเนินธุรกิจบนเป้าหมายปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ก็จะยิ่งช่วยให้ประเทศไทยของเราก้าวเข้าสู่สังคมที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้เร็วที่สุด

ขอบคุณข้อมูลจาก : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, jdpower.com, กรมการขนส่งทางบก และ การไฟฟ้านครหลวง