เปิดปัจจัยที่ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าชื่อดัง BYD ลดราคากระหน่ำ สูงสุด 1.6 แสน หลังต้นทุนถูก คู่แข่งเยอะ ระบายสต็อกไม่ทัน ด้านลูกค้าเก่าบ่น ซื้อรถได้เดือนครึ่งเพราะนึกว่าได้โปรดี มาวันนี้ลดราคาหลังหัก จนแทบจะเป็นซึมเศร้า
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี BYD รถไฟฟ้าชื่อดัง ลดราคากระหน่ำ โดย BYD DOLPHIN รุ่น Standard Range ลดราคา 1.4 แสนบาท จาก 699,999 บาท เหลือ 559,900 บาท และ BYD DOLPHIN รุ่น Extended Range ลด 1.6 แสนบาท จากราคา 859,999 บาท เหลือ 699,900 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน - 30 มิถุนายน 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 24 มิถุนายน 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า ปัจจัยหลักที่ BYD ทำการจัดแคมเปญครั้งนี้มีสาเหตุเนื่องจาก
- ต้นทุนในการผลิตรถ EV ลดลง โดยในการแข่งขันผลิตรถ EV นั้น ต้นทุนแต่ละรายไม่เท่ากัน อย่าง BYD มีฐานการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเอง และทำให้ลดราคาแบตเตอรี่ลงได้ถึง 40% อย่างแบตเตอรี่ของรุ่น Standard range ราคาก่อนหน้านี้คือ 4.5 แสน แต่ปัจจุบันลดราคาลงไปได้เหลือแค่ 3.09 แสนบาท หรือรุ่น Extended range จากแบตเตอรี่ราคาเดิมที่ 5 แสน ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่อยู่ที่ 3.78 แสนบาท
- ในเดือนกรกฎาคมนี้ โรงงานผลิต BYD ที่ระยอง จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และ BYD DOLPHIN จะเป็นรุ่นแรกที่ผลิตในประเทศ จากในอดีตที่ต้องนำเข้ารถยนต์ EV จากจีน
- ค่ายรถยนต์แต่ละค่ายต้องการบริหารจัดการสต็อกให้เหมาะสมกับยอดขายที่ผ่านมา โดยการแข่งขันที่ผ่านมาเพราะมีสต็อกเกินความต้องการของตลาด อันเนื่องจากการที่โควิดคลี่คลาย ก็มีการผลิตรถออกมามากขึ้น แต่พอตลาดรถเข้าสู่สถาวะถดถอย สต็อกรถก็เพิ่มมากขึ้น แต่ละค่ายก็ต้องระบายสต็อกรถออกมา แต่เชื่อว่าอีกไม่นานที่สต็อกรถเข้าสู่สภาวะสมดุล การทำราคาเพื่อแข่งขันก็จะลดลงไปด้วย
- ค่ายรถยนต์อื่นมีการเปิดตัวรถยนต์ในราคาที่ถูกกว่า และมีสเปกรถยนต์ใกล้เคียงกัน อาจจะจูงใจให้คนไปซื้อรถยนต์จากค่ายอื่น จึงทำให้ BYD ต้องทำสงครามราคาแข่งสู้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อค่ายรถ EV ลดราคาอาจไม่ได้ส่งผลดี แต่อาจจะเป็นผลเสียด้วยซ้ำ เพราะกระทบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กลัวว่าซื้อรถไปแล้วจะลดราคาเพิ่มอีก กลัวว่าราคาที่ได้จะไม่ใช่ราคาสุดท้ายอีก และยิ่งชะลอการซื้อเข้าไปอีก นอกจากนี้ยังมีเรื่องบริการหลังการขาย ทั้งเรื่องน้ำท่วม
จากกรณีข้างต้น ทำให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวในกลุ่ม BYD THAILAND ว่า "ด้วยเหตุลด 140,000 เครียดทุกวัน เริ่มจะเป็นซึมเศร้าแล้วค่ะ ไม่สามารถมูฟออนจากเหตุการณ์นี้ได้เลย"
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เจ้าของโพสต์ระบุว่า เธอซื้อรถรุ่น BYD Dolphin เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 อันเนื่องมาจากตอนนั้นมีการลดราคาลงมา 40,900 บาท และเซลส์พยายามเร่งให้ซื้อ เพราะไม่รู้ว่าโปรโมชั่นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน เดี๋ยวราคาจะกลับมาเท่าเดิม ทำให้เธอตัดสินใจซื้อรถในวันสุดท้ายของโปรโมชั่นพอดี
ในการซื้อรถครั้งนี้เธอขอสินเชื่อผ่านกรุงศรีออโต้ สินเชื่อผ่านโดยไม่ต้องใช้เอกสารอะไรเพิ่มเติม เซลส์แจ้งว่า กรุงศรีออโต้กำหนดว่าให้เธอเลือกดาวน์และผ่อนต่อเดือน อันไหนก็ได้ แต่ต้องมียอดผ่อนต่อเดือนสูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท ถ้าอยากผ่อนมากกว่านี้ก็ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม ซึ่งไม่รู้จะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านต้องเปลี่ยนค่ายสินเชื่อ และสินเชื่ออื่นต้องยื่นเอกสารต่าง ๆ มากมาย เธอตัดสินใจเชื่อเซลส์และไม่ได้ยื่นเอกสารเพิ่ม จึงเลือกดาวน์ 20% ผ่อน 72 งวด = 131,980 (เงินดาวน์) + 8,736 (ค่าผ่อนในแต่ละงวด) x 72 (เดือน) ติดฟิล์มอีก 9,860 บาท รวมทั้งหมดเมื่อผ่อนรถหมดคือ 744,912 บาท
แต่เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน รถยนต์รุ่นเดียวกันกับที่เธอซื้อได้ลดราคาเพิ่มอีกจาก 40,090 เป็น 100,000 บาท และยังแถมฟิล์มที่เธอติดเองกับ BYD ราคา 9,630 บาท ดังนั้น การลดราคาครั้งนี้ของ BYD ไม่ใช่แค่ลดราคา 1 แสน หรือ 140,090 แต่สำหรับคนผ่อนมันมากกว่านั้นมาก ๆ
และด้วยความที่เมื่อรถ EV ลดราคาแล้ว ยอดจัดจึงน้อยลงมาก และหากยึดที่เซลส์บอกว่าผ่อนได้ไม่เกิน 9,000 ต่อเดือน เธอสามารถเพิ่มเงินดาวน์อีก 30,000 เลือกดาวน์ 30% จะทำให้ยอดรวมทั้งหมดคือ 167,970 (เงินดาวน์) + 8,812 (ค่าผ่อนในแต่ละงวด) x 48 (เดือน) + ฟรีฟิล์มติดรถยนต์ รวมทั้งหมดเมื่อผ่อนรถหมดคือ 590,946 บาท
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อมาสรุปส่วนต่างจากการซื้อรถห่างกันแค่ 1 เดือนครึ่ง คือ 744,912 - 590,946 = 153,966 บาท นี่คือส่วนต่างที่สูญเสียไป จากแค่ลดเพิ่ม 100,000 บาท
ตอนนี้เธอเครียดทุกวัน นอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เรื่องนี้ พยายามเอาคำพูดบวก ๆ จากพี่ ๆ ในกลุ่ม จากคนรอบข้างมาคิด พยายามเปลี่ยนทัศนคติแล้ว แต่ไม่ไหวจริง ๆ มูฟออนกลับมาที่เดิม ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตมาก ร้องไห้ทุกวัน กลางคืนก็นอนไม่หลับ กลายเป็นคนนอนหลับยาก จากที่หลับง่ายมาก ๆ สามารถฟ้องบริษัทได้ไหม มันกระทบต่อชีวิตเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
จากกรณี BYD รถไฟฟ้าชื่อดัง ลดราคากระหน่ำ โดย BYD DOLPHIN รุ่น Standard Range ลดราคา 1.4 แสนบาท จาก 699,999 บาท เหลือ 559,900 บาท และ BYD DOLPHIN รุ่น Extended Range ลด 1.6 แสนบาท จากราคา 859,999 บาท เหลือ 699,900 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 มิถุนายน - 30 มิถุนายน 2567 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 24 มิถุนายน 2567 รายการเรื่องเล่าเช้านี้ ช่อง 3 รายงานว่า ปัจจัยหลักที่ BYD ทำการจัดแคมเปญครั้งนี้มีสาเหตุเนื่องจาก
- ต้นทุนในการผลิตรถ EV ลดลง โดยในการแข่งขันผลิตรถ EV นั้น ต้นทุนแต่ละรายไม่เท่ากัน อย่าง BYD มีฐานการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเอง และทำให้ลดราคาแบตเตอรี่ลงได้ถึง 40% อย่างแบตเตอรี่ของรุ่น Standard range ราคาก่อนหน้านี้คือ 4.5 แสน แต่ปัจจุบันลดราคาลงไปได้เหลือแค่ 3.09 แสนบาท หรือรุ่น Extended range จากแบตเตอรี่ราคาเดิมที่ 5 แสน ปัจจุบันราคาแบตเตอรี่อยู่ที่ 3.78 แสนบาท
- ในเดือนกรกฎาคมนี้ โรงงานผลิต BYD ที่ระยอง จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ และ BYD DOLPHIN จะเป็นรุ่นแรกที่ผลิตในประเทศ จากในอดีตที่ต้องนำเข้ารถยนต์ EV จากจีน
- ค่ายรถยนต์แต่ละค่ายต้องการบริหารจัดการสต็อกให้เหมาะสมกับยอดขายที่ผ่านมา โดยการแข่งขันที่ผ่านมาเพราะมีสต็อกเกินความต้องการของตลาด อันเนื่องจากการที่โควิดคลี่คลาย ก็มีการผลิตรถออกมามากขึ้น แต่พอตลาดรถเข้าสู่สถาวะถดถอย สต็อกรถก็เพิ่มมากขึ้น แต่ละค่ายก็ต้องระบายสต็อกรถออกมา แต่เชื่อว่าอีกไม่นานที่สต็อกรถเข้าสู่สภาวะสมดุล การทำราคาเพื่อแข่งขันก็จะลดลงไปด้วย
- ค่ายรถยนต์อื่นมีการเปิดตัวรถยนต์ในราคาที่ถูกกว่า และมีสเปกรถยนต์ใกล้เคียงกัน อาจจะจูงใจให้คนไปซื้อรถยนต์จากค่ายอื่น จึงทำให้ BYD ต้องทำสงครามราคาแข่งสู้
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อค่ายรถ EV ลดราคาอาจไม่ได้ส่งผลดี แต่อาจจะเป็นผลเสียด้วยซ้ำ เพราะกระทบกับความเชื่อมั่นของผู้บริโภค กลัวว่าซื้อรถไปแล้วจะลดราคาเพิ่มอีก กลัวว่าราคาที่ได้จะไม่ใช่ราคาสุดท้ายอีก และยิ่งชะลอการซื้อเข้าไปอีก นอกจากนี้ยังมีเรื่องบริการหลังการขาย ทั้งเรื่องน้ำท่วม
ลูกค้าเล่าประสบการณ์ ซื้อรถเดือนครึ่ง จากคิดว่าจะได้โปรดี กลับกลายเป็นหลังหัก เครียดจนแทบเป็นซึมเศร้า
จากกรณีข้างต้น ทำให้ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่งโพสต์เรื่องราวในกลุ่ม BYD THAILAND ว่า "ด้วยเหตุลด 140,000 เครียดทุกวัน เริ่มจะเป็นซึมเศร้าแล้วค่ะ ไม่สามารถมูฟออนจากเหตุการณ์นี้ได้เลย"
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เจ้าของโพสต์ระบุว่า เธอซื้อรถรุ่น BYD Dolphin เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2567 อันเนื่องมาจากตอนนั้นมีการลดราคาลงมา 40,900 บาท และเซลส์พยายามเร่งให้ซื้อ เพราะไม่รู้ว่าโปรโมชั่นนี้จะอยู่ได้นานแค่ไหน เดี๋ยวราคาจะกลับมาเท่าเดิม ทำให้เธอตัดสินใจซื้อรถในวันสุดท้ายของโปรโมชั่นพอดี
ในการซื้อรถครั้งนี้เธอขอสินเชื่อผ่านกรุงศรีออโต้ สินเชื่อผ่านโดยไม่ต้องใช้เอกสารอะไรเพิ่มเติม เซลส์แจ้งว่า กรุงศรีออโต้กำหนดว่าให้เธอเลือกดาวน์และผ่อนต่อเดือน อันไหนก็ได้ แต่ต้องมียอดผ่อนต่อเดือนสูงสุดไม่เกิน 9,000 บาท ถ้าอยากผ่อนมากกว่านี้ก็ต้องยื่นเอกสารเพิ่ม ซึ่งไม่รู้จะผ่านไหม ถ้าไม่ผ่านต้องเปลี่ยนค่ายสินเชื่อ และสินเชื่ออื่นต้องยื่นเอกสารต่าง ๆ มากมาย เธอตัดสินใจเชื่อเซลส์และไม่ได้ยื่นเอกสารเพิ่ม จึงเลือกดาวน์ 20% ผ่อน 72 งวด = 131,980 (เงินดาวน์) + 8,736 (ค่าผ่อนในแต่ละงวด) x 72 (เดือน) ติดฟิล์มอีก 9,860 บาท รวมทั้งหมดเมื่อผ่อนรถหมดคือ 744,912 บาท
แต่เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน รถยนต์รุ่นเดียวกันกับที่เธอซื้อได้ลดราคาเพิ่มอีกจาก 40,090 เป็น 100,000 บาท และยังแถมฟิล์มที่เธอติดเองกับ BYD ราคา 9,630 บาท ดังนั้น การลดราคาครั้งนี้ของ BYD ไม่ใช่แค่ลดราคา 1 แสน หรือ 140,090 แต่สำหรับคนผ่อนมันมากกว่านั้นมาก ๆ
และด้วยความที่เมื่อรถ EV ลดราคาแล้ว ยอดจัดจึงน้อยลงมาก และหากยึดที่เซลส์บอกว่าผ่อนได้ไม่เกิน 9,000 ต่อเดือน เธอสามารถเพิ่มเงินดาวน์อีก 30,000 เลือกดาวน์ 30% จะทำให้ยอดรวมทั้งหมดคือ 167,970 (เงินดาวน์) + 8,812 (ค่าผ่อนในแต่ละงวด) x 48 (เดือน) + ฟรีฟิล์มติดรถยนต์ รวมทั้งหมดเมื่อผ่อนรถหมดคือ 590,946 บาท
ภาพจาก เรื่องเล่าเช้านี้
เมื่อมาสรุปส่วนต่างจากการซื้อรถห่างกันแค่ 1 เดือนครึ่ง คือ 744,912 - 590,946 = 153,966 บาท นี่คือส่วนต่างที่สูญเสียไป จากแค่ลดเพิ่ม 100,000 บาท
ตอนนี้เธอเครียดทุกวัน นอนไม่หลับ ในหัวมีแต่เรื่องนี้ พยายามเอาคำพูดบวก ๆ จากพี่ ๆ ในกลุ่ม จากคนรอบข้างมาคิด พยายามเปลี่ยนทัศนคติแล้ว แต่ไม่ไหวจริง ๆ มูฟออนกลับมาที่เดิม ตอนนี้มีปัญหาเรื่องการใช้ชีวิตมาก ร้องไห้ทุกวัน กลางคืนก็นอนไม่หลับ กลายเป็นคนนอนหลับยาก จากที่หลับง่ายมาก ๆ สามารถฟ้องบริษัทได้ไหม มันกระทบต่อชีวิตเกินไป
ขอบคุณข้อมูลจาก เรื่องเล่าเช้านี้