นาทีช็อกโลก โดนัลด์ ทรัมป์ ถูกลอบสังหาร ระหว่างหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐอเมริกา ในรัฐเพนซิลเวเนีย มีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ราย รวมคนร้าย
วันที่ 14 กรกฎาคม 2567 CNN รายงานว่า โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และผู้สมัครชิงเก้าอี้ประธานาธิบดี ในศึกเลือกตั้ง 2024 ถูกลอบสังหารด้วยอาวุธปืน ในช่วงเย็นวันที่ 13 กรกฎาคม เวลาประมาณ 18.15 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ระหว่างการชุมนุมหาเสียง ในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย จนได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่มือปืนจะถูกวิสามัญจนถึงแก่ชีวิต และเบื้องต้นมีผู้เข้าร่วมชุมนุมเคราะห์ร้ายเสียชีวิต 1 ราย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถูกถ่ายทอดสดทางไลฟ์ของการหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในระหว่างที่ทรัมป์กำลังกล่าวปราศรัยต่อหน้าผู้ชุมนุม มีเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ผู้คนพากันหมอบลงอย่างหวาดกลัว ก่อนที่จะมีภาพแสดงให้เห็นว่า ทรัมป์ได้รับบาดเจ็บที่บริเวณใบหูข้างขวาและมีเลือดออก แต่ยังชูมือขึ้นแสดงพลัง ก่อนที่เจ้าหน้าที่ชุดคุ้มกันพิเศษจะเข้าไปช่วยเหลือ และพาตัวส่งโรงพยาบาล โดยรายงานระบุว่า ทรัมป์ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย อาการปลอดภัย
ต่อมา ทรัมป์ ได้กล่าวในโซเชียลมีเดีย Truth Social กล่าวว่า เขาถูกกระสุนปืนยิงเข้าที่ "ส่วนบนของหูขวา" และ "รู้สึกถึงกระสุนทะลุผิวหนังทันที" พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณเจ้าหน้าที่ และขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวผู้สูญเสีย
ส่วนหนึ่งของข้อความของทรัมป์ ระบุว่า "เป็นเรื่องเหลือเชื่อที่การกระทำเช่นนี้จะเกิดขึ้นในประเทศของเราได้ ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบเกี่ยวกับมือปืน ซึ่งขณะนี้เสียชีวิตแล้ว ผมถูกยิงด้วยกระสุนเจาะหูข้างขวา ผมรู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ ผมได้ยินเสียงปืน และรู้สึกถึงกระสุนทะลุผิวหนังทันที มีเลือดออกมาก ผมจึงรู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้พระเจ้าคุ้มครองอเมริกา !"
หัวหน้าฝ่ายสื่อสารของหน่วยปฏิบัติการพิเศษสหรัฐฯ เปิดเผยว่า มือปืนยิงกระสุนหลายนัดจากที่สูง โดยที่มือปืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของอาคารด้านนอกสถานที่จัดชุมนุม ก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่เข้าสังหารมือปืนในทันที ทั้งนี้ ยังมีผู้ร่วมชุมนุมเสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัสอีก 2 ราย เหตุการณ์นี้อยู่ระหว่างการสอบสวน และได้ประสานงานไปยัง FBI แล้ว
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย ได้กล่าวประณามความรุนแรงต่อเหตุการณ์ พร้อมทั้งกล่าวว่า เขารู้สึกขอบคุณที่ทรัมป์ปลอดภัยแล้ว
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก CNN
