ศาลรัฐธรรมนูญ ปัดตกคำร้องพรรคก้าวไกลแย้งไม่ขึ้น สั่งยุบพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ปมนโยบายแก้ ม.112
วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ มีการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ข้อหาล้มล้างการปกครอง กรณีที่นำเสนอนโยบายแก้ไข ม.112 ในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งในข้อหาที่พรรคก้าวไกลยื่นแย้งมีดังนี้
1. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเขตอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
2. การยื่นคำร้องคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ กกต. อนุมัติขยายเวลาคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรม ช่วงเช้าวันที่ 12 มีนาคม 2567 แต่สุดท้ายในวันเดียวกันมีมติเอกฉันท์ส่งเรื่องร้องศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
3. คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เลิกการแก้ไข ม.112 ไม่ผูกพันการวินิจฉัยคดีนี้
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
4. นอกจากการเสนอนโยบายแก้ไข ม.112 การกระทำอื่น ๆ ตามคำร้อง ไม่ได้เป็นการกระทำของพรรค เช่น นายวิศรุต สมงาม สมาชิกพรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมสอบถามประชาชนเรื่องการสนับสนุนการยกเลิก ม.112 หรือไม่ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากการกระทำของสมาชิกพรรคเป็นการกระทำที่พรรคไม่อาจเหลีกเลี่ยง เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเจตนานำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน
โดยศาลได้สั่งตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ทั้งชุดที่ 1 และ 2 ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 จนถึง 31 มกราคม 2567 รวมทั้งสิ้น 11 คน เป็นเวลา 10 ปี ได้แก่
วันที่ 7 สิงหาคม 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ มีการอ่านคำวินิจฉัยคดียุบพรรคก้าวไกล ข้อหาล้มล้างการปกครอง กรณีที่นำเสนอนโยบายแก้ไข ม.112 ในช่วงเลือกตั้ง ซึ่งในข้อหาที่พรรคก้าวไกลยื่นแย้งมีดังนี้
1. ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีเขตอำนาจพิจารณาวินิจฉัยคดีนี้
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
2. การยื่นคำร้องคดีนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะ กกต. อนุมัติขยายเวลาคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงเพื่อความเป็นธรรม ช่วงเช้าวันที่ 12 มีนาคม 2567 แต่สุดท้ายในวันเดียวกันมีมติเอกฉันท์ส่งเรื่องร้องศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคก้าวไกล
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
3. คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 เกี่ยวกับเรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เลิกการแก้ไข ม.112 ไม่ผูกพันการวินิจฉัยคดีนี้
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
4. นอกจากการเสนอนโยบายแก้ไข ม.112 การกระทำอื่น ๆ ตามคำร้อง ไม่ได้เป็นการกระทำของพรรค เช่น นายวิศรุต สมงาม สมาชิกพรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมสอบถามประชาชนเรื่องการสนับสนุนการยกเลิก ม.112 หรือไม่ เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2567
ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่า เป็นคำแย้งที่ฟังไม่ขึ้น
สุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญตัดสินยุบพรรคก้าวไกลไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เนื่องจากการกระทำของสมาชิกพรรคเป็นการกระทำที่พรรคไม่อาจเหลีกเลี่ยง เข้าข่ายล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และเจตนานำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน
โดยศาลได้สั่งตัดสิทธิ์ทางการเมืองของกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ทั้งชุดที่ 1 และ 2 ที่ดำรงตำแหน่งระหว่างวันที่ 25 มีนาคม 2564 จนถึง 31 มกราคม 2567 รวมทั้งสิ้น 11 คน เป็นเวลา 10 ปี ได้แก่
1. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ
2. ชัยธวัช ตุลาธน อดีตเลขาธิการพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ
3. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค
4. ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
5. ปดิพัทธ์ สันติภาดา อดีตกรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคเหนือ
6. สมชาย ฝั่งชลจิตร กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคใต้
7. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคกลาง
8. อภิชาต ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
9. เบญจา แสงจันทร์ กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคตะวันออก ส.ส.บัญชีรายชื่อ
10. สุเทพ อู่อ้น กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนปีกแรงงาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ
11. อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กรรมการบริหารพรรค สัดส่วนภาคเหนือ
ต่อมาในเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ได้ประกาศว่า แม้จะถูกสั่งยุบพรรค "แต่เราไปต่อ ! วันนี้เวลาประมาณ 18.00 น. โปรดติดตามแถลงการณ์จากพวกเรา #ก้าวไกลไปต่อ" โพสต์คลิปประกาศแนวทางว่าจะยังคงก้าวต่อไป "ในโลกนี้มีบางอย่าง ที่ไม่อาจถูกทำลาย ไม่สูญสลาย มีแต่จะเติบโตต่อไปไม่หยุดยั้ง การเดินทางครั้งใหม่เริ่มขึ้นแล้ว เดินต่อไปด้วยกัน ประชาชน"
หมายเหตุ : แก้ไขข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2567 เวลา 16.54 น.
