สรุปดราม่า เพจท่องเที่ยวชื่อดัง โพสต์ถูกขอแต่งงานบนภูเขาไฟฟูจิ แต่คนหลุดโฟกัสไปติดสติ๊กเกอร์ใกล้เสาโทริอิ ติงไม่เหมาะสม อ้างขออนุญาตแล้ว แต่ยังถูกจี้ไม่หยุด ล่าสุดลบโพสต์-ปิดเพจ !
กลายเป็นเรื่องราวที่โลกออนไลน์ให้ความสนใจ กรณีวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เพจเฟซบุ๊กสายท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 37,000 คน โพสต์ภาพถูกขอแต่งงานบนยอดภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุแคปชั่นว่า "เป็นภูเขาลูกแรก ที่สูงที่สุดในชีวิต และเป็นภูเขาลูกแรกที่น้ำตาแต่มีความสุขที่สุดในชีวิต ขอบคุณสักขีพยานทั้ง 14 ชีวิต"
ทั้งนี้ พบว่า ทางเจ้าของเพจและคณะ ได้ปีนภูเขาไฟฟูจิ และคามิโคจิ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยระหว่างที่อยู่บนภูเขาไฟฟูจิ ที่ความสูงเกือบ 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เจ้าของเพจได้ถูกคุกเข่าขอแต่งงานบนนั้น จากนั้นก็ทำการแปะสติ๊กเกอร์โปรโมตเพจเอาไว้บนเสาที่ใช้กั้นแบ่งเขตทางเดินบนภูเขาฟูจิ ใกล้กับเสาโทริอิบนภูเขา และต่อมา เพจยังลงภาพจากแชตจากผู้ติดตามเพจซึ่งขึ้นไปเที่ยวจุดเดียวกัน ถ่ายภาพของสติ๊กเกอร์ส่งมาให้ทางเพจดูอีกด้วย
หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ปรากฏว่าหลายคนต่างโฟกัสไปที่การติดสติ๊กเกอร์ดังกล่าว มองว่าเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ กังวลว่าจะกระทบภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไทย เพราะจุดดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดังอย่างภูเขาฟูจิ ซ้ำยังใกล้กับเสาโทริอิ อันนับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นก็ให้ความนับถือภูเขาไฟฟูจิมาก จึงรู้สึกคาใจว่าได้มีการขออนุญาตถูกต้องแล้วหรือไม่
ต่อมา ทางเพจคอมเมนต์ชี้แจงว่า "ขออนุญาตเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นพื้นที่ที่เขาสามารถติดได้ และไม่ใช่เธอติดคนเดียว ท่านอื่น ๆ ขอติดได้ ลองขึ้นไปถึงจุดติด พอครบ 1 ปีจะแกะออกตามปกติ ขอบคุณและน้อมรับ" โดยอธิบายต่ออีกว่า ขออนุญาตกับจุดขายของที่ประทับตรา จุดสุดท้ายคะแนน ไปซื้อของแล้วสอบถามเขา เขาบอกติดได้แค่ตรงที่ให้ติด 2 ที่ บันไดกับหน้าร้านเขา
อย่างไรก็ดี แม้เพจจะมีการชี้แจงดังกล่าว แต่ก็ยังมีหลายคนไม่สบายใจ เพจหลายเพจ โพสต์หลายโพสต์ได้ถูกแชร์ออกไป เพราะดูเหมือนจะไม่ใช่การขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่จริง ๆ บ้างไม่เชื่อว่าญี่ปุ่นจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวไปติดสติ๊กเกอร์แบบนี้ ยิ่งกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติยิ่งเป็นไปได้ยาก ขณะที่บางส่วนก็ยังจับผิดด้วยว่า ภาพจากเสาที่ถ่ายมา ดูเหมือนจะไม่ใช่หน้าร้านตามที่เพจอ้างแต่อย่างใด รวมทั้งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การที่เพจบอกว่าครบ 1 ปีจะแกะออก คือจะกลับไปแกะออกเองจริงหรือไม่
ล่าสุด โพสต์ดังกล่าวถูกลบไปแล้ว นอกจากนี้เจ้าของเพจยังทำการปิดเพจไปอีกด้วย
กลายเป็นเรื่องราวที่โลกออนไลน์ให้ความสนใจ กรณีวันที่ 14 สิงหาคม 2567 เพจเฟซบุ๊กสายท่องเที่ยว ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 37,000 คน โพสต์ภาพถูกขอแต่งงานบนยอดภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยระบุแคปชั่นว่า "เป็นภูเขาลูกแรก ที่สูงที่สุดในชีวิต และเป็นภูเขาลูกแรกที่น้ำตาแต่มีความสุขที่สุดในชีวิต ขอบคุณสักขีพยานทั้ง 14 ชีวิต"
ทั้งนี้ พบว่า ทางเจ้าของเพจและคณะ ได้ปีนภูเขาไฟฟูจิ และคามิโคจิ แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีชื่อเสียงของญี่ปุ่น โดยระหว่างที่อยู่บนภูเขาไฟฟูจิ ที่ความสูงเกือบ 4,000 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล เจ้าของเพจได้ถูกคุกเข่าขอแต่งงานบนนั้น จากนั้นก็ทำการแปะสติ๊กเกอร์โปรโมตเพจเอาไว้บนเสาที่ใช้กั้นแบ่งเขตทางเดินบนภูเขาฟูจิ ใกล้กับเสาโทริอิบนภูเขา และต่อมา เพจยังลงภาพจากแชตจากผู้ติดตามเพจซึ่งขึ้นไปเที่ยวจุดเดียวกัน ถ่ายภาพของสติ๊กเกอร์ส่งมาให้ทางเพจดูอีกด้วย
ทัวร์ลงกระหน่ำ เอาสติ๊กเกอร์ไปติด บนภูเขาที่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ เพจบอกถามเจ้าหน้าที่แล้ว ติดได้ จนต้องปิดเพจ
หลังโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ไป ปรากฏว่าหลายคนต่างโฟกัสไปที่การติดสติ๊กเกอร์ดังกล่าว มองว่าเป็นอะไรที่ไม่เหมาะสมหรือไม่ กังวลว่าจะกระทบภาพลักษณ์นักท่องเที่ยวไทย เพราะจุดดังกล่าวเป็นสถานที่ท่องเที่ยวดังอย่างภูเขาฟูจิ ซ้ำยังใกล้กับเสาโทริอิ อันนับว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวญี่ปุ่นและคนญี่ปุ่นก็ให้ความนับถือภูเขาไฟฟูจิมาก จึงรู้สึกคาใจว่าได้มีการขออนุญาตถูกต้องแล้วหรือไม่
ต่อมา ทางเพจคอมเมนต์ชี้แจงว่า "ขออนุญาตเจ้าหน้าที่แล้ว เป็นพื้นที่ที่เขาสามารถติดได้ และไม่ใช่เธอติดคนเดียว ท่านอื่น ๆ ขอติดได้ ลองขึ้นไปถึงจุดติด พอครบ 1 ปีจะแกะออกตามปกติ ขอบคุณและน้อมรับ" โดยอธิบายต่ออีกว่า ขออนุญาตกับจุดขายของที่ประทับตรา จุดสุดท้ายคะแนน ไปซื้อของแล้วสอบถามเขา เขาบอกติดได้แค่ตรงที่ให้ติด 2 ที่ บันไดกับหน้าร้านเขา
อย่างไรก็ดี แม้เพจจะมีการชี้แจงดังกล่าว แต่ก็ยังมีหลายคนไม่สบายใจ เพจหลายเพจ โพสต์หลายโพสต์ได้ถูกแชร์ออกไป เพราะดูเหมือนจะไม่ใช่การขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่จริง ๆ บ้างไม่เชื่อว่าญี่ปุ่นจะอนุญาตให้นักท่องเที่ยวไปติดสติ๊กเกอร์แบบนี้ ยิ่งกับแหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติยิ่งเป็นไปได้ยาก ขณะที่บางส่วนก็ยังจับผิดด้วยว่า ภาพจากเสาที่ถ่ายมา ดูเหมือนจะไม่ใช่หน้าร้านตามที่เพจอ้างแต่อย่างใด รวมทั้งยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า การที่เพจบอกว่าครบ 1 ปีจะแกะออก คือจะกลับไปแกะออกเองจริงหรือไม่
ล่าสุด โพสต์ดังกล่าวถูกลบไปแล้ว นอกจากนี้เจ้าของเพจยังทำการปิดเพจไปอีกด้วย