หญิงยากจนชีวิตพลิกผัน หลังถูกลอตเตอรี่แจ็กพอต ชีวิตสบายไม่ต้องทำงาน แต่ทุกข์ระทม เพราะลูกชายหายตัวไป
![ถูกลอตเตอรี่แจ็กพอต]( "ถูกลอตเตอรี่แจ็กพอต")
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 15 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ SAOstar เผยเรื่องราวของ เจิ่น ถิ มาย หญิงชาวเวียดนาม จากจังหวัดล็องอาน เธอและสามีมีลูกด้วยกัน 4 คน ครอบครัวเธอมีฐานะยากจน แม้ว่าเธอกับสามีจะช่วยกันทำงานอย่างหนัก แต่เงินที่ได้มาก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลให้ทั้งครอบครัวอยู่ดีกินดี เธอมีความตั้งใจอยากให้ลูก ๆ ได้มีการศึกษาที่ดี เธอจึงตัดสินใจกับสามีพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่จังหวัดบิ่ญเซือง ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมม โดยเชื่อว่าจะหารายได้ได้มากกว่าเดิมและชีวิตจะดีขึ้น
เจิ่นและสามีเช่าห้องเช่าเล็ก ๆ เพียงพอที่จะให้ลูก ๆ ได้อยู่อาศัย ต่อมาเธอใช้เงินเก็บที่มีลงทุนไปซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปขายที่ตลาด ส่วนสามีของเธอสมัครงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับบริษัทต่างประเทศ หลังจากย้ายมาที่นี่ การเงินของเธอและสามีก็เริ่มดีขึ้น สามารถเลี้ยงดูลูก ๆ และหาค่าเล่าเรียนแก่พวกเขาได้อย่างที่ตั้งใจ
![ถูกลอตเตอรี่แจ็กพอต]( "ถูกลอตเตอรี่แจ็กพอต")
ภาพจาก SAOstar
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ลูก ๆ ของเจิ่นและสามีเติบโต ประสบความสำเร็จในชีวิตและแต่งงานมีครอบครัว เหลือเพียงลูกชายคนที่ 2 ที่ยังโสดและอาศัยอยู่กับพ่อแม่ เขาบอกว่าอยากจะอยู่ดูแลพ่อแม่ เจิ่นเผยว่า ลูกชายของเธอคนนี้เป็นคนอ่อนโยนและซื่อสัตย์มาก เธอและสามีรักเขามากที่สุด และเป็นคนที่ทั้งสองหวังพึ่งพิงมากที่สุดเมื่อแก่ตัว
ชีวิตครอบครัวของเจิ่นดูเหมือนว่าจะมีความสุขดี และแล้วก็มีเรื่องราวเปลี่ยนชีวิตของเธอเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเธอพบว่าลอตเตอรี่ที่เธอมักจะซื้อติดไว้โดยไม่คิดว่าถูกรางวัล กลับถูกรางวัลแจ็กพอต ทว่าโชคดีครั้งใหญ่นั้น กลับนำมาซึ่งความทุกข์สุดระทมของครอบครัว
เจิ่นเล่าว่า ในวันที่เธอซื้อลอตเตอรี่ใบนั้น เธอซื้อจากคุณยายรายหนึ่ง ที่ผ่านมาทางหน้าบ้านในช่วงบ่าย จากนั้นเธอก็ฝากให้ลูกชายที่อาศัยอยู่กับเธอเก็บเอาไว้ บอกเขาว่า หากถูกรางวัลรีบเอามาให้เธอทันที หลังจากนั้นเธอก็ไปยุ่งกับการทำงานในตลาดตามปกติ จนกระทั่งตอนค่ำ เธอเจอคุณยายขายลอตเตอรี่คนนั้นมาหา และแจ้งข่าวดีว่า ลอตเตอรี่ที่เธอซื้อไป ถูกรางวัลแจ็กพอต 100 ล้านดอง (ราว 140,000 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากในขณะนั้น (ปี 2546)
ด้วยความดีใจสุดชีวิต เจิ่นรีบเก็บร้านอย่างไว เพื่อกลับไปหาสามีและลูกชายที่บ้าน และเตรียมตัวไปขึ้นเงินในเช้าวันรุ่งขึ้น เช้าวันถัดมาลูกชายของเธอได้อาสาขับรถไปจัดการขึ้นเงินลอตเตอรี่ให้ สาวนเจิ่นและสามีก็รออยู่ที่บ้านอย่างตื่นเต้น แต่ปรากฏว่าลูกชายกลับมาด้วยสีหน้าเศร้าและเหนื่อยล้า ก่อนที่จะบอกว่า "คนขายลอตเตอรี่ใบนั้นบอกผิด เราไม่ได้ถูกรางวัล"
เจิ่นรู้สึกเศร้าใจและเสียใจที่ไม่ถูกรางวัล แต่เธอก็ยังตั้งใจใช้ชีวิตต่อไป วันรุ่งขึ้น เธอตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อที่จะเตรียมตัวไปขายของที่ตลาด ทว่าในตอนที่เธอกำลังเตรียมของ คุณยายขายลอตเตอรี่ก็มาปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมถามว่าถูกลอตเตอรรี่แล้วทำไมยังทำงานงก ๆ ไม่พากันไปฉลอง เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอก็ยิ่งอารมณ์เสีย และอยากจะต่อว่าคุณยายว่าอย่ามาล้อเล่น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นคุณยายได้เปิดหนังสือตรวจรางวัล และจดเลขที่ถูกรางวัลใส่ในสมุดของเธอ ซึ่งเธอจำได้ว่ามันตรงกับเลขลอตเตอรี่ใบที่ซื้อไว้ เธอจึงเอะใจขึ้นมาว่า ลูกชายของเธออาจจะดูผิดเองก็ได้ เธอจึงไปถามลูกชายอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ยืนยันว่า ลอตเตอรี่ที่แม่ซื้อไม่ถูกรางวัล เธอจึงขอลอตเตอรี่ใบนั้นจากลูกชายเพื่อเอามาตรวจดูเอง แต่เขาบอกว่าโยนทิ้งไปแล้ว
"ตอนนั้นเองที่ฉันได้รู้ว่า ปัญหาอยู่ที่ลูกชายของฉัน ไม่ใช่คุณยายหรือลอตเตอรี่ใบนั้น" เจิ่น กล่าว
ต่อมา เจิ่นตัดสินใจโทรศัพท์เรียกลูก ๆ อีก 3 คนมาช่วยคุยกับลูกชายคนนี้ เพื่อกดดันให้เขายอมสารภาพความจริง แต่เขาก็ยังยืนยันเช่นเดิม เรื่องราวนี้กลายเป็นข่าวที่ชาวบ้านพากันนินทา หลังจากฟังเสียงซุบซิบของคนอื่นไม่ไหว ในที่สุดลูกชายของเจิ่นก็นำลอตเตอรี่ใบนั้นมาคืนเธอ และยอมรับว่าเขาตั้งใจจะฮุบเงินรางวัลไว้เอง
เจิ่นให้อภัยลูกชายและตัดสินใจแบ่งเงินให้ลูกทุกคนเท่า ๆ กันเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการทำธุรกิจ ทว่าลูกของเธออีก 3 คน เกิดความละโมบ จึงสร้างเรื่องแย่ ๆ ขึ้น เพื่อประจบเอาใจพ่อและแม่ ทำให้ลูกชายคนที่ 2 เกิดความละอายใจและหนีออกจากบ้านไป เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
การถูกรางวัลแจ็กพอตทำให้ชีวิตของเจิ่นและสามีดีขึ้น เธอไม่ต้องไปขายของที่ตลาดและสามีไม่ต้องไปทำงานเสี่ยงอันตรายอีกต่อไป แต่มันต้องแลกมาด้วยครอบครัวที่แตกหัก ความรู้สึกที่แตกสลายของพ่อแม่ โดยเฉพาะเมื่อมีใครถามถึงลูกชายของเธอคนนั้น เธอก็ได้แต่เศร้าใจจนน้ำตาไหล
เจิ่นและสามียังคงเก็บเงินส่วนของลูกชายคนที่ 2 ไว้ในบัญชีธนาคาร เผื่อว่าวันหนึ่งที่เขากลับมาจะได้มอบเงินนี้แก่เขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน ลูกชายของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา
ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 15 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ SAOstar เผยเรื่องราวของ เจิ่น ถิ มาย หญิงชาวเวียดนาม จากจังหวัดล็องอาน เธอและสามีมีลูกด้วยกัน 4 คน ครอบครัวเธอมีฐานะยากจน แม้ว่าเธอกับสามีจะช่วยกันทำงานอย่างหนัก แต่เงินที่ได้มาก็ไม่เพียงพอที่จะดูแลให้ทั้งครอบครัวอยู่ดีกินดี เธอมีความตั้งใจอยากให้ลูก ๆ ได้มีการศึกษาที่ดี เธอจึงตัดสินใจกับสามีพาครอบครัวย้ายไปอยู่ที่จังหวัดบิ่ญเซือง ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมม โดยเชื่อว่าจะหารายได้ได้มากกว่าเดิมและชีวิตจะดีขึ้น
เจิ่นและสามีเช่าห้องเช่าเล็ก ๆ เพียงพอที่จะให้ลูก ๆ ได้อยู่อาศัย ต่อมาเธอใช้เงินเก็บที่มีลงทุนไปซื้อของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปขายที่ตลาด ส่วนสามีของเธอสมัครงานเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้กับบริษัทต่างประเทศ หลังจากย้ายมาที่นี่ การเงินของเธอและสามีก็เริ่มดีขึ้น สามารถเลี้ยงดูลูก ๆ และหาค่าเล่าเรียนแก่พวกเขาได้อย่างที่ตั้งใจ
ภาพจาก SAOstar
จนกระทั่งเวลาผ่านไป ลูก ๆ ของเจิ่นและสามีเติบโต ประสบความสำเร็จในชีวิตและแต่งงานมีครอบครัว เหลือเพียงลูกชายคนที่ 2 ที่ยังโสดและอาศัยอยู่กับพ่อแม่ เขาบอกว่าอยากจะอยู่ดูแลพ่อแม่ เจิ่นเผยว่า ลูกชายของเธอคนนี้เป็นคนอ่อนโยนและซื่อสัตย์มาก เธอและสามีรักเขามากที่สุด และเป็นคนที่ทั้งสองหวังพึ่งพิงมากที่สุดเมื่อแก่ตัว
ชีวิตครอบครัวของเจิ่นดูเหมือนว่าจะมีความสุขดี และแล้วก็มีเรื่องราวเปลี่ยนชีวิตของเธอเข้ามาอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเธอพบว่าลอตเตอรี่ที่เธอมักจะซื้อติดไว้โดยไม่คิดว่าถูกรางวัล กลับถูกรางวัลแจ็กพอต ทว่าโชคดีครั้งใหญ่นั้น กลับนำมาซึ่งความทุกข์สุดระทมของครอบครัว
เจิ่นเล่าว่า ในวันที่เธอซื้อลอตเตอรี่ใบนั้น เธอซื้อจากคุณยายรายหนึ่ง ที่ผ่านมาทางหน้าบ้านในช่วงบ่าย จากนั้นเธอก็ฝากให้ลูกชายที่อาศัยอยู่กับเธอเก็บเอาไว้ บอกเขาว่า หากถูกรางวัลรีบเอามาให้เธอทันที หลังจากนั้นเธอก็ไปยุ่งกับการทำงานในตลาดตามปกติ จนกระทั่งตอนค่ำ เธอเจอคุณยายขายลอตเตอรี่คนนั้นมาหา และแจ้งข่าวดีว่า ลอตเตอรี่ที่เธอซื้อไป ถูกรางวัลแจ็กพอต 100 ล้านดอง (ราว 140,000 บาท) ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนมากในขณะนั้น (ปี 2546)
ด้วยความดีใจสุดชีวิต เจิ่นรีบเก็บร้านอย่างไว เพื่อกลับไปหาสามีและลูกชายที่บ้าน และเตรียมตัวไปขึ้นเงินในเช้าวันรุ่งขึ้น เช้าวันถัดมาลูกชายของเธอได้อาสาขับรถไปจัดการขึ้นเงินลอตเตอรี่ให้ สาวนเจิ่นและสามีก็รออยู่ที่บ้านอย่างตื่นเต้น แต่ปรากฏว่าลูกชายกลับมาด้วยสีหน้าเศร้าและเหนื่อยล้า ก่อนที่จะบอกว่า "คนขายลอตเตอรี่ใบนั้นบอกผิด เราไม่ได้ถูกรางวัล"
เจิ่นรู้สึกเศร้าใจและเสียใจที่ไม่ถูกรางวัล แต่เธอก็ยังตั้งใจใช้ชีวิตต่อไป วันรุ่งขึ้น เธอตื่นเช้าขึ้นมาเพื่อที่จะเตรียมตัวไปขายของที่ตลาด ทว่าในตอนที่เธอกำลังเตรียมของ คุณยายขายลอตเตอรี่ก็มาปรากฏตัวอีกครั้ง พร้อมถามว่าถูกลอตเตอรรี่แล้วทำไมยังทำงานงก ๆ ไม่พากันไปฉลอง เมื่อได้ยินเช่นนั้นเธอก็ยิ่งอารมณ์เสีย และอยากจะต่อว่าคุณยายว่าอย่ามาล้อเล่น
อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นคุณยายได้เปิดหนังสือตรวจรางวัล และจดเลขที่ถูกรางวัลใส่ในสมุดของเธอ ซึ่งเธอจำได้ว่ามันตรงกับเลขลอตเตอรี่ใบที่ซื้อไว้ เธอจึงเอะใจขึ้นมาว่า ลูกชายของเธออาจจะดูผิดเองก็ได้ เธอจึงไปถามลูกชายอีกครั้ง ซึ่งเขาก็ยืนยันว่า ลอตเตอรี่ที่แม่ซื้อไม่ถูกรางวัล เธอจึงขอลอตเตอรี่ใบนั้นจากลูกชายเพื่อเอามาตรวจดูเอง แต่เขาบอกว่าโยนทิ้งไปแล้ว
"ตอนนั้นเองที่ฉันได้รู้ว่า ปัญหาอยู่ที่ลูกชายของฉัน ไม่ใช่คุณยายหรือลอตเตอรี่ใบนั้น" เจิ่น กล่าว
ต่อมา เจิ่นตัดสินใจโทรศัพท์เรียกลูก ๆ อีก 3 คนมาช่วยคุยกับลูกชายคนนี้ เพื่อกดดันให้เขายอมสารภาพความจริง แต่เขาก็ยังยืนยันเช่นเดิม เรื่องราวนี้กลายเป็นข่าวที่ชาวบ้านพากันนินทา หลังจากฟังเสียงซุบซิบของคนอื่นไม่ไหว ในที่สุดลูกชายของเจิ่นก็นำลอตเตอรี่ใบนั้นมาคืนเธอ และยอมรับว่าเขาตั้งใจจะฮุบเงินรางวัลไว้เอง
เจิ่นให้อภัยลูกชายและตัดสินใจแบ่งเงินให้ลูกทุกคนเท่า ๆ กันเพื่อใช้เป็นเงินทุนในการทำธุรกิจ ทว่าลูกของเธออีก 3 คน เกิดความละโมบ จึงสร้างเรื่องแย่ ๆ ขึ้น เพื่อประจบเอาใจพ่อและแม่ ทำให้ลูกชายคนที่ 2 เกิดความละอายใจและหนีออกจากบ้านไป เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยและไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
การถูกรางวัลแจ็กพอตทำให้ชีวิตของเจิ่นและสามีดีขึ้น เธอไม่ต้องไปขายของที่ตลาดและสามีไม่ต้องไปทำงานเสี่ยงอันตรายอีกต่อไป แต่มันต้องแลกมาด้วยครอบครัวที่แตกหัก ความรู้สึกที่แตกสลายของพ่อแม่ โดยเฉพาะเมื่อมีใครถามถึงลูกชายของเธอคนนั้น เธอก็ได้แต่เศร้าใจจนน้ำตาไหล
เจิ่นและสามียังคงเก็บเงินส่วนของลูกชายคนที่ 2 ไว้ในบัญชีธนาคาร เผื่อว่าวันหนึ่งที่เขากลับมาจะได้มอบเงินนี้แก่เขา แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงปัจจุบัน ลูกชายของเธอก็ไม่มีทีท่าว่าจะกลับมา
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก SAOstar
