สาวแชร์ประสบการณ์ ให้พี่ข้างบ้านที่เคยสนิทกันตอนเด็กยืมเงิน ได้คืนมาเป็นกล่องคุกกี้ เปิดดูอึ้งเหลือจะเชื่อ ควรทำไงต่อ
![สาวแชร์เรื่อง ให้พี่ข้างบ้านยืมเงิน]( "สาวแชร์เรื่อง ให้พี่ข้างบ้านยืมเงิน")
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ ไม่เข้าใครออกใคร การจะให้ใครยืมเงินเป็นเรื่องที่ต้องเผื่อใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปัจจุบัน เพราะมีหลายกรณีเป็นตัวอย่างให้เห็น ไม่ว่าจะสนิทสนมใกล้ชิดกันมากแค่ไหน หรือแม้กระทั่งเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ก็ยังสามารถแตกหักกันได้
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ Soha เผยเรื่องราวประสบการณ์การให้ยืมเงินของหญิงสาวรายหนึ่งในประเทศเวียดนาม ชื่อว่าเหงียน (นามสมมุติ) เธอเผยว่า เธอมีเพื่อนบ้านรายหนึ่งชื่อว่า กุ๊ก เป็นผู้หญิงอายุมากกว่า 1 ปี ทั้งสองสนิทกันมากในสมัยเด็ก เนื่องจากพ่อแม่ทำงานที่โรงงานเดียวกัน และมักจะทำงานทั้งวัน ทำให้เธอและพี่กุ๊กมักจะไปเล่นด้วยกันอยู่เสมอ
นอกจากนี้ เหงียนยังสนิทกับคุณตาและคุณยายของพี่กุ๊ก
ตอนวันหยุดเธอมักจะไปที่บ้านของพี่กุ๊กตอนกลางวัน
และกินข้าวเที่ยงที่คุณตาคุณยายทำบ่อย ๆ
เธอรักและสนิทกับคุณตาคุณยายของพี่กุ๊กมาก
แม้กระทั่งตอนที่พวกท่านเสียชีวิต เธอก็ร้องไห้เสียใจมาก
จนหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เหงียนและพี่กุ๊กก็เริ่มห่างกัน พี่กุ๊กไปทำงานที่โรงงานกับพ่อแม่ จากนั้น 2 ปีต่อมา พี่กุ๊กก็แต่งงานและมีลูก 2 คน ส่วนเหงียนเข้าเรียนต่อในวิทยาลัย ย้ายไปอยู่ในเมืองและแต่งงาน สิ้นเดือนเธอจะกลับบ้าน 1 ครั้ง เพื่อมาเยี่ยมพ่อแม่ แต่เธอก็ไม่ได้เจอพี่กุ๊กมาหลายปี และไม่ค่อยสนิทกันเหมือนเดิม เธอรู้แค่เรื่องราวชีวิตของพี่กุ๊กแค่จากทางโซเชียล ซึ่งเธอก็ไม่ได้ทักทายหรือเข้าไปคอมเมนต์อะไร
กระทั่งเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน อยู่ ๆ พี่กุ๊กก็โทรศัพท์มาหาเธอตอนประมาณ 4 ทุ่ม ถามว่ามีเงินให้ยืมไหม 200 ล้านดอง (ราว 273,000 บาท) สามีของพี่กุ๊กป่วยเป็นมะเร็ง ต้องการเงินไปรักษา ในหมู่บ้านไม่มีคนมีเงินให้ยืมเลย เมื่อเห็นว่าพี่สาวที่เคยสนิทในวัยเด็กเดือดร้อน จำเป็นต้องใช้เงิน เธอและสามีจึงรีบนำเงินไปให้พี่กุ๊กที่โรงพยาบาล
หลังจากถามไถ่เรื่องราวและได้พูดคุยกันสักพัก ไม่เพียงแค่เงิน 200 ล้านดอง ที่เหงียนให้พี่กุ๊กยืม แต่เธอยังให้เงินช่วยเหลือพี่กุ๊กเพิ่มไปด้วย 10 ล้านดอง (ราว 13,600 บาท) พี่กุ๊กขอบคุณและซึ้งใจมาก หลังจากสามีของพี่กุ๊กรักษาไปได้ 3 เดือน ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน แม้อาการของเขาจะดีขึ้น แต่หมอบอกว่าเขาจะอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่ปี
เหงียนเผยว่า ด้วยงานของเธอที่ยุ่งมากในช่วงนั้น เธอจึงไม่ค่อยมีเวลา เธอมีโอกาสไปเยี่ยมสามีพี่กุ๊กแค่ 3 ครั้ง เป็น 2 ครั้งที่โรงพยาบาล และที่บ้านแค่ 1 ครั้ง เธอไม่ได้ติดต่อกับพี่กุ๊กมากเท่าไหร่ จนกระทั่งผ่านไปครึ่งปี เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่กุ๊กโทรศัพท์มาถามว่า เธอสะดวกจะกลับบ้านไหม ซึ่งเธอว่างพอดีจึงได้กลับบ้านในสุดสัปดาห์นั้น
ในคืนวันเสาร์ พี่กุ๊กมาที่บ้านของเหงียนพร้อมกับกล่องคุกกี้ บอกว่าให้เธอเพื่อเป็นของขวัญขอบคุณที่ช่วยเหลือ เหงียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนเมื่อเธอเปิดออกดูก็ต้องตกใจมาก เมื่อด้านในไม่ใช่ขนมคุกกี้ แต่เป็นธนบัตรเงินสดใบละ 500,000 ดอง จำนวนมากหลายปึกวางอยู่ในนั้น
พี่กุ๊กบอกเหงียนว่า เธอได้ขายที่ดินหลังบ้านไป เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ และเตรียมไว้สำรองเพื่อรักษาสามี เธอจึงนำเงินที่ยืมไปมาคืนจำนวน 200 ล้านดอง และอีก 200 ล้านดอง ต้องการให้เหงียนเป็นของขวัญตอบแทนน้ำใจที่ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือเธอในยามลำบาก
เหงียนตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจึงบอกพี่กุ๊กว่า เธอขอรับเพียงเงิน 200 ล้านดองของเธอที่ให้ยืมไปคืนมา ส่วนอีก 200 ล้านดอง เธอไม่ขอรับไว้ บอกให้พี่กุ๊กเก็บไว้รักษาสามีและดูแลลูก ทว่าพี่กุ๊กยืนกรานที่จะให้เงินนั้นกับเธอ โดยบอกว่าตอนที่ลำบาก ไปขอยืมเงินหลายคน ไม่มีคนให้เลยทั้งเพื่อนและญาติ พวกเขาจะมีฐานะร่ำรวยแต่ก็กลัวว่าครอบครัวพี่กุ๊กที่ยากจน จะไม่มีเงินมาใช้คืน
แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น เหงียนกลับให้พี่กุ๊กยืมเงินอย่างไม่ลังเล ทำให้พี่กุ๊กรู้สึกซาบซึ้งใจมาก และคิดว่าจะต้องหาเงินมาตอบแทนเธอเป็นสองเท่าให้ได้ พี่กุ๊กจึงขอให้เธอรับเงินไปเพราะเป็นความตั้งใจของพี่กุ๊ก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ท้ายที่สุดเหงียนก็ยังคงปฏิเสธ โดยบอกว่าเธอรับไว้ไม่ได้จริง ๆ เงินจำนวนมาก และครอบครัวพี่กุ๊กก็ลำบาก แต่ปรากฏว่าบทสรุปคือ พี่กุ๊กทิ้งเงินนั้นไว้บนโต๊ะแล้วกลับบ้านไป ทิ้งให้เธอตกตะลึงและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนั้น
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2567 เว็บไซต์ Soha เผยเรื่องราวประสบการณ์การให้ยืมเงินของหญิงสาวรายหนึ่งในประเทศเวียดนาม ชื่อว่าเหงียน (นามสมมุติ) เธอเผยว่า เธอมีเพื่อนบ้านรายหนึ่งชื่อว่า กุ๊ก เป็นผู้หญิงอายุมากกว่า 1 ปี ทั้งสองสนิทกันมากในสมัยเด็ก เนื่องจากพ่อแม่ทำงานที่โรงงานเดียวกัน และมักจะทำงานทั้งวัน ทำให้เธอและพี่กุ๊กมักจะไปเล่นด้วยกันอยู่เสมอ
จนหลังจากเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เหงียนและพี่กุ๊กก็เริ่มห่างกัน พี่กุ๊กไปทำงานที่โรงงานกับพ่อแม่ จากนั้น 2 ปีต่อมา พี่กุ๊กก็แต่งงานและมีลูก 2 คน ส่วนเหงียนเข้าเรียนต่อในวิทยาลัย ย้ายไปอยู่ในเมืองและแต่งงาน สิ้นเดือนเธอจะกลับบ้าน 1 ครั้ง เพื่อมาเยี่ยมพ่อแม่ แต่เธอก็ไม่ได้เจอพี่กุ๊กมาหลายปี และไม่ค่อยสนิทกันเหมือนเดิม เธอรู้แค่เรื่องราวชีวิตของพี่กุ๊กแค่จากทางโซเชียล ซึ่งเธอก็ไม่ได้ทักทายหรือเข้าไปคอมเมนต์อะไร
กระทั่งเมื่อประมาณครึ่งปีก่อน อยู่ ๆ พี่กุ๊กก็โทรศัพท์มาหาเธอตอนประมาณ 4 ทุ่ม ถามว่ามีเงินให้ยืมไหม 200 ล้านดอง (ราว 273,000 บาท) สามีของพี่กุ๊กป่วยเป็นมะเร็ง ต้องการเงินไปรักษา ในหมู่บ้านไม่มีคนมีเงินให้ยืมเลย เมื่อเห็นว่าพี่สาวที่เคยสนิทในวัยเด็กเดือดร้อน จำเป็นต้องใช้เงิน เธอและสามีจึงรีบนำเงินไปให้พี่กุ๊กที่โรงพยาบาล
หลังจากถามไถ่เรื่องราวและได้พูดคุยกันสักพัก ไม่เพียงแค่เงิน 200 ล้านดอง ที่เหงียนให้พี่กุ๊กยืม แต่เธอยังให้เงินช่วยเหลือพี่กุ๊กเพิ่มไปด้วย 10 ล้านดอง (ราว 13,600 บาท) พี่กุ๊กขอบคุณและซึ้งใจมาก หลังจากสามีของพี่กุ๊กรักษาไปได้ 3 เดือน ก็ย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน แม้อาการของเขาจะดีขึ้น แต่หมอบอกว่าเขาจะอยู่ได้อีกแค่ไม่กี่ปี
เหงียนเผยว่า ด้วยงานของเธอที่ยุ่งมากในช่วงนั้น เธอจึงไม่ค่อยมีเวลา เธอมีโอกาสไปเยี่ยมสามีพี่กุ๊กแค่ 3 ครั้ง เป็น 2 ครั้งที่โรงพยาบาล และที่บ้านแค่ 1 ครั้ง เธอไม่ได้ติดต่อกับพี่กุ๊กมากเท่าไหร่ จนกระทั่งผ่านไปครึ่งปี เมื่อไม่กี่วันก่อน พี่กุ๊กโทรศัพท์มาถามว่า เธอสะดวกจะกลับบ้านไหม ซึ่งเธอว่างพอดีจึงได้กลับบ้านในสุดสัปดาห์นั้น
ในคืนวันเสาร์ พี่กุ๊กมาที่บ้านของเหงียนพร้อมกับกล่องคุกกี้ บอกว่าให้เธอเพื่อเป็นของขวัญขอบคุณที่ช่วยเหลือ เหงียนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนเมื่อเธอเปิดออกดูก็ต้องตกใจมาก เมื่อด้านในไม่ใช่ขนมคุกกี้ แต่เป็นธนบัตรเงินสดใบละ 500,000 ดอง จำนวนมากหลายปึกวางอยู่ในนั้น
พี่กุ๊กบอกเหงียนว่า เธอได้ขายที่ดินหลังบ้านไป เพื่อนำเงินมาใช้หนี้ และเตรียมไว้สำรองเพื่อรักษาสามี เธอจึงนำเงินที่ยืมไปมาคืนจำนวน 200 ล้านดอง และอีก 200 ล้านดอง ต้องการให้เหงียนเป็นของขวัญตอบแทนน้ำใจที่ไม่ลังเลที่จะช่วยเหลือเธอในยามลำบาก
เหงียนตกใจมากเมื่อได้ยินเช่นนั้น เธอจึงบอกพี่กุ๊กว่า เธอขอรับเพียงเงิน 200 ล้านดองของเธอที่ให้ยืมไปคืนมา ส่วนอีก 200 ล้านดอง เธอไม่ขอรับไว้ บอกให้พี่กุ๊กเก็บไว้รักษาสามีและดูแลลูก ทว่าพี่กุ๊กยืนกรานที่จะให้เงินนั้นกับเธอ โดยบอกว่าตอนที่ลำบาก ไปขอยืมเงินหลายคน ไม่มีคนให้เลยทั้งเพื่อนและญาติ พวกเขาจะมีฐานะร่ำรวยแต่ก็กลัวว่าครอบครัวพี่กุ๊กที่ยากจน จะไม่มีเงินมาใช้คืน
แต่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น เหงียนกลับให้พี่กุ๊กยืมเงินอย่างไม่ลังเล ทำให้พี่กุ๊กรู้สึกซาบซึ้งใจมาก และคิดว่าจะต้องหาเงินมาตอบแทนเธอเป็นสองเท่าให้ได้ พี่กุ๊กจึงขอให้เธอรับเงินไปเพราะเป็นความตั้งใจของพี่กุ๊ก
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ท้ายที่สุดเหงียนก็ยังคงปฏิเสธ โดยบอกว่าเธอรับไว้ไม่ได้จริง ๆ เงินจำนวนมาก และครอบครัวพี่กุ๊กก็ลำบาก แต่ปรากฏว่าบทสรุปคือ พี่กุ๊กทิ้งเงินนั้นไว้บนโต๊ะแล้วกลับบ้านไป ทิ้งให้เธอตกตะลึงและไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนั้น
ติดตามอ่าน ข่าวต่างประเทศ ที่น่าสนใจได้ที่นี่
ขอบคุณข้อมูลจาก Soha
