ลูกค้าสั่งอาหารผ่านแอปฯ โอนเงินและทวนชื่อกับไรเดอร์ อีกฝ่ายถึงกับหน้าเศร้า ก่อนขี่กลับมาร้องไห้ ทั้งชวนขนลุกและน่าเศร้า
ภาพจาก โหนกระแส
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เล่าเรื่องราวแปลกแต่จริงที่เจอมากับตัวเอง โดยระบุว่า มีเรื่องผีมาเล่า วานนี้สั่งส้มตำตอน 21.00 น. ให้ไรเดอร์มาส่งที่บ้าน ตอนสแกนจ่ายเงินก็พูดชื่อ….ผู้รับเงินว่า ถูกต้องไหม ไรเดอร์ก็ตกใจ รีบขี่รถกลับไป สักพักไรเดอร์ร้องไห้ขี่รถกลับมาหา ถามว่าทำไมตนถึงพูดชื่อนั้น มันเป็นชื่อของน้องเขาที่เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ เขาคิดถึงน้องตลอดเวลา เดือนหน้าก็จะครบวันเสียชีวิตน้องด้วย
ตนจึงลองเปิดชื่อดูอีกที ก็พบว่าตรงกับที่ไรเดอร์พูดจริง ๆ ตอนนั้นตนเห็นชื่อจึงอ่านไปแบบนั้น แต่มาดูอีกทีไม่ใช่ จึงบอกไปว่าพรุ่งนี้ตั้งใจจะไปถวายผ้าไตรที่วัดกับแม่ อนุโมทนาบุญเอานะ คงรู้ว่าจะไปทำบุญ และวิญญาณน้องเขาก็ยังคงอยู่กับพี่เขา คิดว่าไม่ไปไหน ตนก็จะร้องไห้กับไรเดอร์ไปด้วยที่เห็นเขาร้องไห้กลับมาหาเราเมื่อเราพูดชื่อนั้นไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 29 กันยายน 2567 โหนกระแส รายงานว่า จากการสอบถามหญิงวัย 43 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เล่าว่า หลังเกิดเรื่องนั้นตนก็เพิ่งไปทำบุญกับวัดแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับน้องชายของไรเดอร์ตามที่ได้เอ่ยปากตกลงไว้
เหตุการณ์ในวันนั้น ช่วง 21.00 น. ตนกับครอบครัวอยากกินส้มตำ
จึงกดสั่งอาหารผ่านแอปฯ ให้มาส่งที่บ้านในพื้นที่ซอยศรีวิเศษ 5
ต.เมืองเหนือ อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ก่อนที่จะมีไรเดอร์ขี่มาส่งอาหาร
ตนก็โอนจ่ายเงินไป ก่อนจะเปิดดูสลิปให้ไรเดอร์ตรวจสอบ
พร้อมกับอ่านชื่อเจ้าของบัญชีตามที่เห็นออกไป
พอไรเดอร์ได้ยินชื่อก็นิ่งไปสักพัก ก่อนจะขี่รถออกจากบ้านไป
ผ่านไปไม่นาน ไรเดอร์ก็ขี่รถกลับมาที่บ้านตนอีกครั้ง พร้อมกับถามว่า ทำไมตนจึงพูดชื่อดังกล่าวออกมา ก็ตกใจคิดว่าโอนเงินผิด แต่ไรเดอร์ตอบว่า โอนเงินถูกบัญชีแล้ว แต่ว่าชื่อเจ้าของบัญชีนั้นไม่ใช่ชื่อนั้น จากนั้นไรเดอร์ก็เริ่มเสียงสั่นคล้ายจะร้องไห้ ก่อนจะเล่าว่า ชื่อที่ตนพูดนั้นเป็นชื่อน้องชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปเมื่อ 1 ปีก่อน อีกไม่กี่วันจะครบรอบวันเสียชีวิต ซึ่งเขากับน้องชายนั้นสนิทสนมและผูกพันกันมาก
ภาพจาก โหนกระแส
ตนก็ยืนยันว่า ตอนพูดชื่อนั้นก็พูดตามที่เห็นในสลิปจริง ๆ พร้อมกับแสดงความเสียใจกับไรเดอร์ และรับปากว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับน้องชายของเขาด้วย เมื่อเขาได้ฟังก็ถึงกับปาดน้ำตาด้วยความเศร้า ก่อนจะขี่รถออกจากบ้านไป ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยรู้จักกับทั้งไรเดอร์หรือน้องชายมาก่อนเลย จึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าขนลุกและชวนเศร้าใจ จึงตั้งใจว่าอยากอุทิศส่วนกุศลให้น้องชายของไรเดอร์คนดังกล่าวในครั้งนี้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส
ภาพจาก โหนกระแส
จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เล่าเรื่องราวแปลกแต่จริงที่เจอมากับตัวเอง โดยระบุว่า มีเรื่องผีมาเล่า วานนี้สั่งส้มตำตอน 21.00 น. ให้ไรเดอร์มาส่งที่บ้าน ตอนสแกนจ่ายเงินก็พูดชื่อ….ผู้รับเงินว่า ถูกต้องไหม ไรเดอร์ก็ตกใจ รีบขี่รถกลับไป สักพักไรเดอร์ร้องไห้ขี่รถกลับมาหา ถามว่าทำไมตนถึงพูดชื่อนั้น มันเป็นชื่อของน้องเขาที่เสียชีวิตไปด้วยอุบัติเหตุ เขาคิดถึงน้องตลอดเวลา เดือนหน้าก็จะครบวันเสียชีวิตน้องด้วย
ตนจึงลองเปิดชื่อดูอีกที ก็พบว่าตรงกับที่ไรเดอร์พูดจริง ๆ ตอนนั้นตนเห็นชื่อจึงอ่านไปแบบนั้น แต่มาดูอีกทีไม่ใช่ จึงบอกไปว่าพรุ่งนี้ตั้งใจจะไปถวายผ้าไตรที่วัดกับแม่ อนุโมทนาบุญเอานะ คงรู้ว่าจะไปทำบุญ และวิญญาณน้องเขาก็ยังคงอยู่กับพี่เขา คิดว่าไม่ไปไหน ตนก็จะร้องไห้กับไรเดอร์ไปด้วยที่เห็นเขาร้องไห้กลับมาหาเราเมื่อเราพูดชื่อนั้นไป
เกี่ยวกับเรื่องนี้ วันที่ 29 กันยายน 2567 โหนกระแส รายงานว่า จากการสอบถามหญิงวัย 43 ปี เจ้าของโพสต์ดังกล่าว เล่าว่า หลังเกิดเรื่องนั้นตนก็เพิ่งไปทำบุญกับวัดแห่งหนึ่งใน จ.ศรีสะเกษ พร้อมกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้กับน้องชายของไรเดอร์ตามที่ได้เอ่ยปากตกลงไว้
ผ่านไปไม่นาน ไรเดอร์ก็ขี่รถกลับมาที่บ้านตนอีกครั้ง พร้อมกับถามว่า ทำไมตนจึงพูดชื่อดังกล่าวออกมา ก็ตกใจคิดว่าโอนเงินผิด แต่ไรเดอร์ตอบว่า โอนเงินถูกบัญชีแล้ว แต่ว่าชื่อเจ้าของบัญชีนั้นไม่ใช่ชื่อนั้น จากนั้นไรเดอร์ก็เริ่มเสียงสั่นคล้ายจะร้องไห้ ก่อนจะเล่าว่า ชื่อที่ตนพูดนั้นเป็นชื่อน้องชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุไปเมื่อ 1 ปีก่อน อีกไม่กี่วันจะครบรอบวันเสียชีวิต ซึ่งเขากับน้องชายนั้นสนิทสนมและผูกพันกันมาก
ภาพจาก โหนกระแส
ตนก็ยืนยันว่า ตอนพูดชื่อนั้นก็พูดตามที่เห็นในสลิปจริง ๆ พร้อมกับแสดงความเสียใจกับไรเดอร์ และรับปากว่าจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้กับน้องชายของเขาด้วย เมื่อเขาได้ฟังก็ถึงกับปาดน้ำตาด้วยความเศร้า ก่อนจะขี่รถออกจากบ้านไป ยืนยันว่า ตนเองไม่เคยรู้จักกับทั้งไรเดอร์หรือน้องชายมาก่อนเลย จึงรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าขนลุกและชวนเศร้าใจ จึงตั้งใจว่าอยากอุทิศส่วนกุศลให้น้องชายของไรเดอร์คนดังกล่าวในครั้งนี้ด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก โหนกระแส