คนใช้งานสงสัย น้ำหนักบนเครื่องซักผ้า ต้องดูก่อนซักหรือรวมเพิ่มตอนซักแล้ว ไขคำตอบเครื่องรุ่นไหน ควรใส่ผ้ากี่ชิ้น
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
เป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ใกล้ตัวแทบทุกบ้าน สำหรับ เครื่องซักผ้า ซึ่งแต่ละรุ่นล้วนจะมีวิธีใช้งานที่เหมาะสมกำกับไว้ ซึ่งหากมองข้ามหรือไม่ได้ทำความเข้าใจ อาจทำให้อายุการใช้งานเครื่องนั้นไม่ยืดยาวเท่าที่ควร
วันที่ 29 กันยายน 2567 สมาชิกหมายเลข 7572607 เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตั้งกระทู้หัวข้อ "เครื่องซักผ้าที่ระบุว่ารับน้ำหนักได้กี่กิโล (เช่น 8 กิโล, 10 กิโล) สงสัยว่าเป็นน้ำหนักผ้า ก่อน หรือ หลังถูกน้ำ" พร้อมสอบถามว่า สงสัยมานานแล้วว่า เครื่องซักผ้าที่ระบุหน้าเครื่องว่า รับน้ำหนักผ้าได้กี่กิโล เป็นน้ำหนักของผ้าก่อนหรือหลังถูกน้ำ เพราะอย่างที่รู้กันว่าเวลาผ้าโดนน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะมากขึ้นอีกมาก
นอกจากนี้ ยังอยากรู้ด้วยว่า
เครื่องซักผ้าที่รวมกับเครื่องอบผ้าในเครื่องเดียวแล้วระบุหน้าเครื่องว่า ซักผ้าได้กี่กิโล/อบผ้าได้กี่กิโล จะเห็นแต่เครื่องที่ระบุว่า
น้ำหนักอบผ้าน้อยกว่าน้ำหนักซักผ้าทั้งนั้นเลย เช่น ซักผ้าได้ 10 กิโล
อบผ้าได้ 7 กิโล เวลาใช้งานจะต้องนำส่วนที่น้ำหนักเกินแยกออกใช่หรือไม่
หลังกระทู้นี้ถูกโพสต์ออกไป ต่างมีสมาชิกเข้ามาให้ข้อมูลว่า น้ำหนักผ้าข้างเครื่องนั้น คือ น้ำหนักผ้าแห้ง ก่อนซักผ้า โดยนำข้อมูลจากแบรนด์เครื่องซักผ้าที่แนะนำข้อมูลการใช้จากแบรนด์ LG ระบุไว้ว่า
น้ำหนักผ้าในถังซักคํานวณจาก ตอนเปียกหรือตอนแห้ง ?
เครื่องซักผ้าถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ และเครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ ซึ่งเครื่องซักผ้าแต่ละประเภทมีการแบ่งความจุของ ถังซักเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน สําหรับการ คํานวณน้ำหนักผ้าจะใช้การคํานวณตามน้ำหนัก ของ "ผ้าแห้ง" โดยมีสูตรคํานวณแบบมาตรฐาน ดังนี้
- ความจุถังซักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซักผ้าได้ ประมาณ 25 – 30 ชิ้น
- ความจุถังซักไม่เกิน 9 กิโลกรัม ซักผ้าได้ ประมาณ 36 – 45 ชิ้น
- ความจุถังซักไม่เกิน 11 กิโลกรัม ซักผ้าได้ ประมาณ 46 – 65 ชิ้น
- ความจุถังซักตั้งแต่ 12 กิโลกรัมขึ้นไป ซักผ้าได้ 56 ชิ้นขึ้นไป
น้ำหนักของเครื่องซักผ้ากับเครื่องอบผ้าไม่เท่ากัน คืออะไร
หลายความเห็นให้คำแนะนำการใช้งานเรื่องการใช้เครื่องอบผ้าหลังซักผ้าเสร็จไว้ เช่น สาเหตุที่ผ้าอบแห้งใส่ได้น้อยกว่า เพราะว่าประสิทธิภาพทำความร้อนได้น้ำหนักเท่าที่ระบุ หากเกินเครื่องจะตัด overheat และผ้าจะไม่แห้งสนิท แม้จะอบต่อได้แต่เครื่องจะทำงานหนักเกินไป อาจทำให้อะไหล่บางอย่างอายุใช้งานสั้นกว่ากำหนด แนะนำว่า หากมีพื้นที่ควรเลือกใช้เครื่องอบผ้าแยกอีกเครื่อง เพราะจะทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่า เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก pantip
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
วันที่ 29 กันยายน 2567 สมาชิกหมายเลข 7572607 เว็บไซต์พันทิปดอทคอม ตั้งกระทู้หัวข้อ "เครื่องซักผ้าที่ระบุว่ารับน้ำหนักได้กี่กิโล (เช่น 8 กิโล, 10 กิโล) สงสัยว่าเป็นน้ำหนักผ้า ก่อน หรือ หลังถูกน้ำ" พร้อมสอบถามว่า สงสัยมานานแล้วว่า เครื่องซักผ้าที่ระบุหน้าเครื่องว่า รับน้ำหนักผ้าได้กี่กิโล เป็นน้ำหนักของผ้าก่อนหรือหลังถูกน้ำ เพราะอย่างที่รู้กันว่าเวลาผ้าโดนน้ำเข้าไป น้ำหนักก็จะมากขึ้นอีกมาก
หลังกระทู้นี้ถูกโพสต์ออกไป ต่างมีสมาชิกเข้ามาให้ข้อมูลว่า น้ำหนักผ้าข้างเครื่องนั้น คือ น้ำหนักผ้าแห้ง ก่อนซักผ้า โดยนำข้อมูลจากแบรนด์เครื่องซักผ้าที่แนะนำข้อมูลการใช้จากแบรนด์ LG ระบุไว้ว่า
น้ำหนักผ้าในถังซักคํานวณจาก ตอนเปียกหรือตอนแห้ง ?
เครื่องซักผ้าถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ คือ เครื่องซักผ้าอัตโนมัติ และเครื่องซักผ้ากึ่งอัตโนมัติ ซึ่งเครื่องซักผ้าแต่ละประเภทมีการแบ่งความจุของ ถังซักเพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับผู้ใช้งาน สําหรับการ คํานวณน้ำหนักผ้าจะใช้การคํานวณตามน้ำหนัก ของ "ผ้าแห้ง" โดยมีสูตรคํานวณแบบมาตรฐาน ดังนี้
- ความจุถังซักไม่เกิน 7 กิโลกรัม ซักผ้าได้ ประมาณ 25 – 30 ชิ้น
- ความจุถังซักไม่เกิน 9 กิโลกรัม ซักผ้าได้ ประมาณ 36 – 45 ชิ้น
- ความจุถังซักไม่เกิน 11 กิโลกรัม ซักผ้าได้ ประมาณ 46 – 65 ชิ้น
- ความจุถังซักตั้งแต่ 12 กิโลกรัมขึ้นไป ซักผ้าได้ 56 ชิ้นขึ้นไป
น้ำหนักของเครื่องซักผ้ากับเครื่องอบผ้าไม่เท่ากัน คืออะไร
หลายความเห็นให้คำแนะนำการใช้งานเรื่องการใช้เครื่องอบผ้าหลังซักผ้าเสร็จไว้ เช่น สาเหตุที่ผ้าอบแห้งใส่ได้น้อยกว่า เพราะว่าประสิทธิภาพทำความร้อนได้น้ำหนักเท่าที่ระบุ หากเกินเครื่องจะตัด overheat และผ้าจะไม่แห้งสนิท แม้จะอบต่อได้แต่เครื่องจะทำงานหนักเกินไป อาจทำให้อะไหล่บางอย่างอายุใช้งานสั้นกว่ากำหนด แนะนำว่า หากมีพื้นที่ควรเลือกใช้เครื่องอบผ้าแยกอีกเครื่อง เพราะจะทำงานได้มีประสิทธิภาพกว่า เป็นต้น
ขอบคุณข้อมูลจาก pantip